ทัพ "อัซซูร์รี่" โชว์ฟอร์มแกร่งสมราคาเต็งแชมป์ หลังไล่ถลุงเอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 มานูเอล โลคาเตลลี่ เหมาคนเดียวสองประตู พาทีมซิวชัยสองนัดติดยึดจ่าฝูง กลุ่ม เอ มี 6 แต้มเต็ม พร้อมการันตีเข้าไปเล่นในรอบน็อคเอาท์ หรือ16ทีมสุดท้ายเป็นทีมแรก ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ มีแค่แต้มเดียวต้องไปลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้ายที่เตะพร้อม ในศึกฟุตบอล ยูโร 2020 กลุ่ม เอ นัดสองเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก, โรม (อิตาลี)

    ฟุตบอล ยูโร 2020 รอบสุดท้าย เมื่อคืนวันพุธที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดที่สอง ระหว่างทีมฟอร์มฮอตอย่าง อิตาลี ที่เปิดสนามไล่ต้อนเอาชนะ ตุรกี 3-0 พบกับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ทำได้แค่เสมอกับ เวลส์ 1-1

     โรแบร์โต้ มันชินี่ เข้ามายกระดับ "อัซซูร์รี่" ให้กลับมาแข็งแกร่งน่ากลัวยิ่งขึ้น หลังทำสถิติสุดยอดไร้พ่ายมา 28 นัดติดทุกรายการ แถมชนะมา 9 นัดติดแบบไม่เสียประตู เกมนี้ยึงยึดชุดเก่งชุดเดิมจากเกมไล่ถล่มทัพไก่งวงนำโดยสามประสาน โดเมนิโก้ เบราร์ดี้, ชิโร่ อิมโมบิเล่ และลอเรนโซ่ อินซินเญ่

    ส่วนทัพ "นาฬิกา" ของ วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช นัดนี้ไร้ปัญหาใช้แข้งจากเกมแรกที่แบ่งแต้มกับ "ม้งกรแดง" ยกชุดเช่นเดียวกัน แนวรุกวาง บรีล เอ็มโบโล่ ล่าตาข่ายคู่กับ ฮาริส เซเฟโรวิช โดยมี เชอร์ดาน ชากิรี่ เล่นหน้าต่ำคอยสนับสนุน

    ออกสตาร์ทครึ่งแรก นาที 11 โอกาสแรกของ "อัซซูร์รี่" เกือบได้ลุ้นขึ้นนำหลัง เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า ครอสจากด้านซ้ายมาในกรอบให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ขึ้นโขกเหินคานออกไป

    อิตาลี ขึงเกมรุกอย่างอยู่หมัด และนาที 19 ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ เปิดเตะมุมมาให้ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ วิ่งมาชิงโขกเสาแรกก่อนบอลจะหล่นไม่ห่างตัว แล้วซัดเข้าไปตุงตาข่ายแล้ว แต่หลังจาก เซอร์เก คาราเซฟ ผู้ตัดสินเช็กจากวีเออาร์ ปฎิเสธไม่ให้ประตูเนื่องจากปราการหลังวัย 36 ปีไปโดนจับแฮนด์บอลเสียก่อน จากจังหวะกระโดดขึ้นโขก ทำให้ อิตาลี ชวดได้ประตูขึ้นนำ

     นาที 24 โรแบร์โต้ มันชินี่ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกอย่างรวดเร็วหลัง จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กัปตันทีมเล่นต่อไม่ไหวหลังมีอาการเจ็บต้องส่ง ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้ แนวรับจากลาซิโอลงมาเล่นแทน

    จนแล้วจนรอดหลังบุกอยู่นาน อิตาลี มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 สำเร็จ ในนาที 26 จากจังหวะที่ มานูเอล โลคาเตลลี่ สาดบอลไปด้านขวาให้ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ เลี้ยงจี้เข้ามาก่อนกระชากหนี ริคาร์โด้ โรดริเกซ จนถึงเส้นหลังแล้วปาดมากลางประตูโล่งๆ ให้ โลคาเตลลี่ ที่เติมมาจากแดนตัวเองวิ่งมาแปไม่ถึง 5 หลาเข้าไปอย่างง่ายดาย

    นาที 37 อิตาลีเกือบได้ลุ้นเม็ดที่สองนำห่าง จากจังหวะสวนกลับของ อิมโมบิเล่ แทงให้ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า หลุดขึ้นไปทางซ้ายก่อนเลี้ยงจี้เข้าเขตโทษแต่ยิงไม่ดีเท่าไหร่บอลหลุดเสาไกลออกไปอย่างน่าเสียดาย

    จบครึ่งแรก อิตาลี ขี้นนำ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

    กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง แค่นาที 52 อิตาลี มาพังสกอร์นำห่าง 2-0 ทันทีจากจังหวะที่ นิโคโล่ บาเรลล่า จ่ายเข้ากลางให้ มานูเอล โลคาเตลลี่ ตั้งป้อมซัดด้วยซ้ายหน้ากรอบบอลพุ่งเสียบมุมเสาเข้าไปอย่างเฉียบขาด เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ มีลุ้นแฮตทริก

    นาที 58 วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช กุนซือทัพนาฬิกาแก้เกมส่งทั้ง สตีเว่น ซูเบอร์ และซิลวาน วิดเมอร์ ลงเล่นแทน ฟาเบียน แชร์ และเควิน เอ็มบาบู

    และนาที 65 ทัพสวิสเกือบได้ลุ้นตีไข่แตกไล่คืนมาหลัง สตีเว่น ซูเบอร์ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบแต่ยังไม่ผ่านมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ก่อนบอลมาเข้าทาง ซูเบอร์ ซ้ำอีกที่แต่ ดอนนารุมม่า ยังไวปิดเสาแรกปัดออกไปได้อีกหน

    นาที 73 อัซซูร์รี่ ทิ้งโอกาสทองนำห่างหลัง เฟเดริโก้ เคียซ่า ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาควบบอลขึ้นมาจากกลางสนามแล้วแทงออกซ้ายให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ หลุดเข้าไปซัดบอลพุ่งออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

    ท้ายเกม นาที 88 ลูกทีมของ มันชินี่ มาพังประตูนำห่าง 3-0 จากจังหวะสับไกกว่า 25 ด้วยขวาบอลพุ่งแรงเบียดเสาไกลเข้าไปอย่างงดงาม

    ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม อิตาลี โชว์ฟอร์มสุกแกร่งไล่บดเอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 ซิวชัยสองนัดติดมี 6 แต้มการันตีเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ ต้องไปลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้ายที่เตะพร้อมในวันที่ 20 มิ.ย.นี้

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

     อิตาลี (4-3-3) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า - โจวานนี่ ดี ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ (ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้ น.24), เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า - มานูเอล โลคาเตลลี่ (มัตเตโอ เปสซิน่า น.86), จอร์จินโญ่, นิโคโล่ บาเรลล่า (ไบรอัน คริสตานเต้     น.87) - โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ (ราฟาเอล โตลอย น.70), ชิโร่ อิมโมบิเล่, ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ (เฟเดริโก้ เคียซ่า น.69)

     เทรนเนอร์ : โรแบร์โต้ มันชินี่

     สวิตเซอร์แลนด์ (3-4-1-2) : ยันน์ ซอมเมอร์ : นิโก้ เอลเวดี้, ฟาเบียน แชร์ (สตีเว่น ซูเบอร์ น.58), มานูเอล อาคานจี - เควิน เอ็มบาบู (ซิลวาน วิดเมอร์ น.58), กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรอยเลอร์ (ฌิบริล โซว์ น.84), ริคาร์โด้ โรดริเกซ - เชอร์ดาน ชากิรี่ (รูเบน วาร์กัส น.76) - บรีล เอ็มโบโล่, ฮาริส เซเฟโรวิช (มาริโอ กาฟราโนวิช น.46)

     เทรนเนอร์ : วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช

     ผู้ตัดสิน : เซอร์เก คาราเซฟ (รัสเซีย)