ชาติใหญ่มาครบ,อังกฤษชนเยอรมนี! สรุป16ทีมลุยรอบน็อกเอาท์ศึกยูโร
Posted 24/06/2021 by siamsport
ศึกลูกหนัง ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม จบลงอย่างสมบูรณ์แบบเรียบร้อย และตอนนี้่ก็ได้ครบทุกทีมแล้ว สำหรับการลุยในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งบรรดาชาติยักษ์ใหญ่อย่าง อิตาลี, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สเปน, เนเธอร์แลนด์, อังกฤษ, เบลเยียม รวมถึงแชมป์เก่าอย่าง โปรตุเกส ต่างตบเท้าผ่านเข้ารอบกันมาอย่างพร้อมหน้า และนี่คือโฉมหน้าทั้ง 16 ทีมที่เตรียมลุยกันต่อในรอบน็อกเอาต์ ซึ่งจะเริ่มฟาดแข้งกันในวันเสาร์นี้
- อิตาลี (แชมป์กลุ่ม เอ)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ ตุรกี 3-0, ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0, ชนะ เวลส์ 1-0
ทีม "อัซซูร์รี่" ภายใต้การนำทัพของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม และมีสไตล์การเล่นที่น่าดูชมตามที่คาดหวังไว้จริงๆ โดยคว้าชัย 100% จาก 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม ทำได้ 7 ประตู และไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว ซึ่งก็ปาเข้าไป 11 นัดติดต่อกันแล้ว ที่พวกเขาเก็บคลีนชีตได้ แถมชนะรวดทั้ง 11 เกมด้วย
- เวลส์ (รองแชมป์กลุ่ม เอ)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1, ชนะ ตุรกี 2-0, แพ้ อิตาลี 0-1
ทัพ "มังกรแดง" ทำผลงานได้ดีเกินคาดเลยทีเดียว เมื่อคว้าตั๋วเข้ารอบน็อกเอาท์ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม เอ แม้ซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของทีมอย่าง แกเร็ธ เบล ยังทำประตูไม่ได้ แถมมียิงจุดโทษพลาดในเกมชนะ ตุรกี 2-0 แต่ก็จัดไปแล้ว 2 แอสซิสต์
- สวิตเซอร์แลนด์ (อันดับสาม กลุ่ม เอ)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : เสมอ เวลส์ 1-1, แพ้ อิตาลี 0-3, ชนะ ตุรกี 3-1
ได้เข้ารอบในฐานะหนึ่งในทีมอันดับสามที่มีผลงานดีสุด ซึ่งดาวเด่นของพวกเขาก็หนีไม่พ้น เซอร์ดาน ชากิรี่ ปีกร่างตันจาก ลิเวอร์พูล ที่ระเบิดฟอร์มกดคนเดียว 2 ประตู ในเกมสุดท้ายที่เอาชนะ ตุรกี 3-1 ซึ่งถือเป็นเกมที่สำคัญมากๆ
- เบลเยียม (แชมป์กลุ่ม บี)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ รัสเซีย 3-0, ชนะ เดนมาร์ก 2-1, ชนะ ฟินแลนด์ 2-0
"ปีศาจแดงแห่งยุโรป" โชว์ฟอร์มได้สมราคาทีมเต็งแชมป์ และทีมอันดับ 1 ฟีฟ่า เวิลด์ แรงกิ้ง หลังคว้าชัยรวดทั้ง 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม โดยที่ โรเมลู ลูกากู หัวหอกคนสำคัญ มีผลงานที่สุดยอด กระทุ้งไปแล้ว 3 ประตู ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพคนเก่ง ซึ่งฟิตกลับมาลงเล่น 2 เกมหลัง ก็ทำผลงานได้ตามมาตรฐานตัวเอง โดยกดไป 1 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ ถือเป็นทีมที่น่ากลัวจริงๆ สำหรับ เบลเยียม ของกุนซือ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ
- เดนมาร์ก (รองแชมป์ กลุ่ม บี)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : แพ้ ฟินแลนด์ 0-1, แพ้ เบลเยียม 1-2, ชนะ รัสเซีย 4-1
ถึงแม้เปิดหัวเกมแรกด้วยการปราชัยต่อ ฟินแลนด์ 0-1 แถมเจอเรื่องช็อกความรู้สึก จากเหตุการณ์ล้มฟุบคาสนามของ คริสเตียน อีริคเซ่น เพลย์เกมเกอร์คนสำคัญ และยังแพ้ต่อในเกมที่สองด้วย แต่ทัพนักเตะแดนโคนมก็รวมพลังกันสู้ จนสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะรองแชมป์กลุ่ม บี โดยเฉพาะฟอร์มในนัดสุดท้ายที่ไล่ถล่ม รัสเซีย 4-1 ถือว่าสุดยอดมากๆ และที่เซอร์ไพรส์คือ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก มิดฟิลด์ตัวรับจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จัดไปแล้วถึง 3 แอสซิสต์ รั้งอันดับหนึ่งร่วมกับ สตีเว่น ซูแบร์ (สวิตเซอร์แลนด์)
- เนเธอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่ม ซี)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ ยูเครน 3-2, ชนะ ออสเตรีย 2-0, ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 3-0
ถือเป็นทีมที่ทำผลงานได้เหนือความคาดหมายเบาๆ เพราะ "อัศวินสีส้ม" ชุดนี้ ไม่ได้ถูกมองเป็นทีมเต็งแชมป์ แต่ทีมของกุนซือ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ กลับเก็บได้ 9 แต้มเต็ม แถมทำได้ถึง 8 ประตู (มากสุดในทัวร์นาเมนต์ ณ ตอนนี้) ขณะที่สองซูเปอร์สตาร์ประจำทีมอย่าง เมมฟิส เดอปาย และ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ต่างก็ทำผลงานได้สุดยอด โดยรายหลังกดไปแล้ว 3 ประตู ส่วนรายแรกจัดไป 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์
- ออสเตรีย (รองแชมป์ กลุ่ม ซี)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 3-1, แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2, ชนะ ยูเครน 1-0
ออสเตรีย ของกุนซือชาวเยอรมันอย่าง ฟรังโก้ โฟด้า ถือเป็นทีมที่ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว หลังคว้ารองแชมป์กลุ่ม ซี จากผลงานชนะ 2 แพ้ 1 โดยที่ ดาวิด อลาบา กัปตันทีมคนเก่ง ซึ่งเป็นสตาร์คนใหม่ของ เรอัล มาดริด ก็โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจในทัวร์นาเมนต์นี้ หลังจัดไปแล้ว 2 แอสซิสต์
- ยูเครน (อันดับสาม กลุ่ม ซี)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : แพ้ เนเธอร์แลนด์ 2-3, ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 2-1, แพ้ ออสเตรีย 0-1
ได้เข้ารอบแบบฉิวเฉียด ในฐานะหนึ่งในสี่ทีมอันดับสามที่มีผลงานดีสุด ทั้งที่ทำผลงานในรอบแบ่งกลุ่มไม่ค่อยดี เพราะแพ้ (2) มากกว่าชนะ (1) โดยรวมฟอร์มของทีมอาจไม่โดดเด่น แต่สองตัวรุกของทีมอย่าง อันเดร ยาร์โมเลนโก้ สตาร์จาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ โรมัน ยาเรมชุค หัวหอกจาก เกนท์ ต่างโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจในทัวร์นาเมนต์นี้ หลังทำ 2 ประตู และ 1 แอสซิสต์ เหมือนกัน
- อังกฤษ (แชมป์กลุ่ม ดี)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ โครเอเชีย 1-0, เสมอ สกอตแลนด์ 0-0, ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 1-0
ถึงแม้ฟอร์มในสนามยังไม่เปรี้ยง แถมเล่นดูน่าเบื่อ แต่ทัพ "สิงโตคำราม" ของกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ทำได้ตามเป้าหมาย สำหรับการคว้าแชมป์กลุ่ม ดี โดยมีผลงานชนะ 2 เสมอ 1 แม้ทำได้แค่ 2 ประตูจาก ราฮีม สเตอร์ลิง คนเดียวล้วนๆ แต่จุดแข็งของ อังกฤษ อยู่ที่เกมรับ ซึ่งก็มีแค่พวกเขากับ อิตาลี เท่านั้น ที่ยังไม่เสียประตูในทัวร์นาเมนต์นี้
- โครเอเชีย (รองแชมป์กลุ่ม ดี)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : แพ้ อังกฤษ 0-1, เสมอ สาธารณรัฐเช็ก 1-1, ชนะ สกอตแลนด์ 3-1
ชัยชนะเหนือ สกอตแลนด์ 3-1 ในเกมสุดท้าย ส่งผลให้ โครเอเชีย กระโดดคว้าตำแหน่งรองแชมป์ของกลุ่ม ทั้งที่เก็บชัยชนะไม่ได้ใน 2 นัดแรก และแน่นอนว่า เมื่อทัพ "ตาหมากรุก" ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ได้ คงเป็นทีมที่ไม่มีใครอยากเจอ ซึ่งพวกเขาก็ทำให้เห็นมาแล้วในศึก ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2018 ที่เป็นถึงรองแชมป์ ขณะที่ อีวาน เปริซิช และ ลูก้า โมดริช สองคีย์แมนของทีม ก็มักทำผลงานได้ดีเสมอในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ
- สาธารณรัฐเช็ก (อันดับสาม กลุ่ม ดี)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ สกอตแลนด์ 2-0, เสมอ โครเอเชีย 1-1, แพ้ อังกฤษ 0-1
แม้เกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มพ่าย อังกฤษ 0-1 จนตกไปอยู่ที่อันดับสาม แต่มันก็ยังเพียงพอสำหรับ สาธารณรัฐเช็ก ในการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยพวกเขามี พาทริค ชิค หัวหอกจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เป็นตัวชูโรง ที่ทำไปแล้ว 3 ประตู ซึ่งก็รวมถึงลูกยิงไกลสุดฮือฮาจากบริเวณกลางสนามในเกมแรกที่โค่น สกอตแลนด์ 2-0
- สวีเดน (แชมป์กลุ่ม อี)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : เสมอ สเปน 0-0, ชนะ สโลวาเกีย 1-0, ชนะ โปแลนด์ 3-2
ชัยชนะสุดมันส์ในเกมสุดท้ายเหนือ โปแลนด์ 3-2 เมื่อคืนวันพุธ ทำให้ สวีเดน เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม อี ด้วยผลงานชนะ 2 เสมอ 1 ซึ่งดาวเด่นของทีมหนีไม่พ้น เอมิล ฟอร์สเบิร์ก มิดฟิลด์ตัวรุกจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ที่กดไปแล้วถึง 3 ประตู ขณะที่ดาวรุ่งจาก เรอัล โซเซียดาด อย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค แม้ยังทำประตูไม่ได้ แต่ถือว่าแจ้งเกิดเรียบร้อย
- สเปน (รองแชมป์กลุ่ม อี)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : เสมอ สวีเดน 0-0, เสมอ โปแลนด์ 1-1, ชนะ สโลวาเกีย 5-0
ออกสตาร์ทแบบฝืดๆ ด้วยการเสมอใน 2 เกมแรก ทว่าทัพ "กระทิงดุ" ของกุนซือ หลุยส์ เอ็นรีเก้ มาดุทันเวลา เพราะเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเมื่อคืนวันพุธ ระเบิดฟอร์มไล่ยิง สโลวาเกีย 5-0 ทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม อี แม้ สเปน ชุดนี้เต็มไปด้วยนักเตะรุ่นใหม่ แต่เมื่อมาถึงรอบน็อกเอาท์แบบนี้ ถือเป็นทีมที่ไม่อาจมองข้ามได้
- ฝรั่งเศส (แชมป์กลุ่ม เอฟ)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ เยอรมนี 1-0, เสมอ ฮังการี 1-1, เสมอ โปรตุเกส 2-2
ทีมแชมป์โลก ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะทีมแชมป์กลุ่ม เอฟ แบบไร้พ่าย (ชนะ 1 เสมอ 2) แม้ฟอร์มการเล่นยังไม่ถึงกับเปรี้ยงปร้างนัก แต่พวกเขาถือเป็นทีมที่ไม่มีใครอยากเจอ โดย คาริม เบนเซม่า หัวหอกดาวดังจาก เรอัล มาดริด เป็นคนที่ทำประตูมากสุดในทีม (2 ประตู) หลังเหมากดคนเดียวสองตุงในเกมสุดท้ายที่เสมอ โปรตุเกส สุดมันส์ 2-2 เมื่อคืนที่ผ่านมา ส่วน คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงตัวจี๊ดจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยังไม่มีประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ฟอร์มโดยรวมถือว่าโอเค เช่นเดียวกับ ปอล ป็อกบา กองกลางซูเปอร์สตาร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำผลงานได้ดีทีเดียว (มี 1 แอสซิสต์)
- เยอรมนี (รองแชมป์กลุ่ม เอฟ)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : แพ้ ฝรั่งเศส 0-1, ชนะ โปรตุเกส 4-2, เสมอ ฮังการี 2-2
ทัพ "อินทรีเหล็ก" ผ่านเข้ารอบชนิดที่ทำเอาแฟนบอลต้องลุ้นระทึก โดยเกมสุดท้ายที่เสมอ ฮังการี 2-2 เมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาต้องไล่ตามเจ๊าทัพ "แม็กยาร์" ถึงสองครั้งสองครา เพราะถ้าหากแพ้ ก็จะจอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่มทันที ซึ่งก็ต้องขอบคุณ ลีออน โกเร็ตซ์ก้า ที่ลงเป็นตัวสำรองมากระทุ้งประตูสำคัญในนาทีที่ 84 ขณะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ตัวรุกจาก เชลซี เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมขณะนี้ (2 ประตู)
- โปรตุเกส (อันดับสามกลุ่ม เอฟ)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ ฮังการี 3-0, แพ้ เยอรมนี 2-4, เสมอ ฝรั่งเศส 2-2
แชมป์เก่า เข้ารอบฐานะหนึ่งในสี่ทีมอันดับสามที่มีผลงานดีสุด โดยที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยอดดาวยิงกัปตันทีมจาก ยูเวนตุส วัย 36 ปี ยังคงช่วยแบกทีมได้สุดยอดเหมือนเดิม มีสกอร์ทั้ง 3 เกม รวมแล้วกดไปถึง 5 ประตู นำโด่งในชาร์ตดาวซัลโวขณะนี้ แถมมี 1 แอสซิสต์ด้วย ส่วน ดีโอโก้ โชต้า ปีกจอมพลิ้วจาก ลิเวอร์พูล ก็ทำผลงานในรอบแบ่งกลุ่มได้ไม่เลว มี 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์
สำหรับรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้มีการประกบคู่ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งบอกได้เลยว่า "มันส์" แน่นอน เพราะ อังกฤษ ชน เยอรมนี ขณะที่ โปรตุเกส ดวล เบลเยียม ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคู่ไฮไลท์สำคัญ และนี่คือผลการประกบคู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทั้ง 8 คู่ พร้อมวันเตะ
26 มิถุนายน
- เวลส์ VS เดนมาร์ก
- อิตาลี VS ออสเตรีย
27 มิถุนายน
- เนเธอร์แลนด์ VS สาธารณรัฐเช็ก
- เบลเยียม VS โปรตุเกส
28 มิถุนายน
- โครเอเชีย VS สเปน
- ฝรั่งเศส VS สวิตเซอร์แลนด์
29 มิถุนายน
- อังกฤษ VS เยอรมนี
- สวีเดน VS ยูเครน
อันดับดาวซัลโว
- 5 ประตู : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส)
- 3 ประตู : โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม), พาทริค ชิค (สาธารณรัฐเช็ก), จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม (เนเธอร์แลนด์), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โปแลนด์), เอมิล ฟอร์สเบิร์ก (สวีเดน)
- 2 ประตู : อีวาน เปริซิช (โครเอเชีย), ยุสซุฟ โพลเซ่น (เดนมาร์ก), ราฮีม สเตอร์ลิง (อังกฤษ), คาริม เบนเซม่า (ฝรั่งเศส), ไค ฮาแวร์ตซ์ (เยอรมนี), ชิโร่ อิมโมบิเล่ (อิตาลี), มานูเอล โลคาเตลลี่ (อิตาลี), เมมฟิส เดอปาย (เนเธอร์แลนด์), เดนเซล ดุมฟรายส์ (เนเธอร์แลนด์), เซอร์ดาน ชากิรี่ (สวิตเซอร์แลนด์), โรมัน ยาเรมชุค (ยูเครน), อันเดร ยาร์โมเลนโก้ (ยูเครน)
แอสซิสต์
- 3 : ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก (เดนมาร์ก), สตีเว่น ซูแบร์ (สวิตเซอร์แลนด์)
- 2 : ดาวิด อลาบา (ออสเตรีย), เควิน เดอ บรอยน์ (เบลเยียม), โรบิน โกเซนส์ (เยอรมนี), โยซัว คิมมิช (เยอรมนี), โรลันด์ ซัลไล (ฮังการี), โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ (อิตาลี), เมมฟิส เดอปาย (เนเธอร์แลนด์), ดอนเยลล์ มาเลน (เนเธอร์แลนด์), ราฟา ซิลวา (โปรตุเกส), เคราร์ด โมเรโน่ (สเปน), ปาโบล ซาราเบีย (สเปน), เดยัน คูลูเซฟสกี้ (สวีเดน), แกเร็ธ เบล (เวลส์)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
โด้เบิ้ล-เบนซ์เอาด้วย! ฝรั่งเศสได้แชมป์กลุ่ม-โปรตุเกสหนักฉะเบลเยียม16ทีมยูโร
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นำดาวซัลโวในตอนนี้ที่ 5 ลูก หลังจัดสองเม็ดเกมนี้เช่นเดียวกับ คาริม เบนเซม่า ก่อน โปรตุเกส เสมอ ฝรั่งเศส 2-2 ส่งผลให้ "ตราไก่" จบแชมป์กลุ่ม เข้า 16 ทีมดวล สวิส ส่วนทัพ "ฝอยทอง" เป็นติดอันดับ 3 ที่ดีสุด เจองานหนักเมื่อต้องปะทะ เบลเยียม รอบต่อไป ในการแข่งขันศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ คืนวันพุธที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมาเยอรมันรอดตาย! โกเร็ตส์ก้าซัดกู้ชีพไล่เจ๊าฮังการีคว้าที่2ลิ่ว16ทีมชนอังกฤษ
เกมสุดดราม่าพลิกไปพลิกมา! หลัง "อินทรีเหล็ก" เป็นฝ่ายตามหลัง ฮังการี สองครั้งสองคราก่อนช่วงท้ายเกม นาที 84 ลีออน โกเร็ตส์ก้า จะรับบทฮีโร่ซัดไล่เจ๊าให้ทีมเก็บแต้มสำคัญเสมอ 2-2 พร้อมคว้ารองแชมป์กลุ่มเข้าไปพบกับ อังกฤษ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนฮังการีจบบ๊วยของกลุ่ม ตกรอบอย่างน่าเสียดาย ในเกมยูโร 2020 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาฟอร์สเบิร์กเบิ้ล! สวีเดนเฮทดเจ็บซิวแชมป์กลุ่ม-เลวานยิง2แต่โปแลนด์ร่วงยูโร
เกมสุดดราม่า! วิคเตอร์ เครสสัน ตัวสำรองสวมบทฮีโร่หลังลงมาซัดประตูชัยช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้ายพา สวีเดน เบียดเอาชนะ โปแลนด์ 3-2 โดย เอมิล ฟอร์สเบิร์ก เหมาคนเดียวสองประตูในเกมนี้อีกด้วยพาทีมจบแชมป์กลุ่ม ส่วน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แม้จะยิงสองเม็ดในเกมนี้แต่ช่วยทีมไม่ไหวจบบ๊วยของกลุ่มร่วงตกรอบศึกยูโร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาสนาม : เครสตอฟสกี้ สเตเดี้ยม, เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) ฟุตบอล ยูโร 2020 กล...สเปนฟอร์มโคตรดุ! ฉลุย16ทีมดวลโครเอเชีย-สโลวาเกียหลุดที่3ดีสุดส่อปิ๋วยูโร
สเปน ทำตามเป้าหมายเก็บชัยแบบไม่ยากมากนัก โดย อายเมริค ลาปอร์กต์ แนวรับแมนซิตี้โหม่งประตูเม็ดแรกในนามทีมชาติ ก่อนอัดนิ่ม สโลวาเกีย 5-0 ทำให้ "กระทิงดุ" เข้ารอบ 16 ทีม เป็นรองแชมป์กลุ่ม รอดวล โครเอเชีย ส่วน สโลวัก โอกาสตกรอบสูงเนื่องจากประตูได้-เสียเป็นรองที่อันดับสามจากกลุ่มอื่น ในการแข่งขันศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม อี นัดสุดท้าย คืนวันพุธที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมาสนาม : ลา การ์ตูฆา, เซบี...
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
แมนยู ดีขึ้นแน่! คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แนะวิธีปลุกผีไม่ยาก
เพิ่งมาก็ไม่รอด! รูเบน อโมริม รับอาจโดนปลดหากแมนยูผลงานยังห่วย
ตามนั้น! วินิซิอุส หน้าบาน โรนัลโด้ เชิดชูแข้งเก่งสุดในโลก
วิเคราะห์บอล ทีมชาติฟิลิปปินส์ พบ ทีมชาติไทย วันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. 67
วิเคราะห์บอล เลสเตอร์ พบ แมนซิตี้ วันอาทิตย์ที่ 29 ธ.ค. 67
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
แม่เจ้าโว้ย! นักร้องสาวนุ่งบิกิน...
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
คลิปไฮไลท์