วาสนาได้แค่นี้!ตัดเกรดแข้ง อังกฤษ เกมดวลจุดโทษแพ้ อิตาลี นัดชิงฯยูโร 2020
Posted 12/07/2021 by siamsport
อังกฤษ ยังคงต้องเจอกับอาถรรพ์จุดโทษอีกครั้งเมื่อพวกเขาพ่ายให้กับ อิตาลี ในการดวลจุดโทษด้วยสกอร์ 3-2 หลังเสมอ 1-1 ในช่วง 120 นาที ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ศึกยูโร 2020 ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฏาคมที่ผ่านมา โดยความผิดหวังในครั้งนี้ทำให้ "สิงโตคำราม" ต้องรอคอยแชมป์ระดับชาติต่อไปอีก หลังจากที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสมันมานาน 55 ปี นับตั้งแต่ที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1966
11 ตัวจริง
จอร์แดน พิคฟอร์ด : 7
ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมในครึ่งแรก มีจังหวะเซฟงามๆ จากการยิงของ เฟเดริโก้ เคียซ่า ช่วงครึ่งหลัง ส่วนจังหวะถูกตีเสมอทำได้เยี่ยมเมื่อปัดได้แต่บอลเจ้ากรรมดันชนเสาไปเข้าทาง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ที่สำคัญเซฟจุดโทษจากการยิงของ อันเดรีย เบล็อตติ กับ จอร์จินโญ่
คีแรน ทริปเปียร์ : 7
ผลงานสุดยอดจากการเปิดบอลที่แม่นยำให้ ลุค ชอว์ ซัดประตูขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม เกมรุกฝั่งขวาดุดัน ส่วนเกมรับก็เหนียวแน่น
ไคล์ วอล์คเกอร์ : 7
ทำผลงานได้อย่างเหนียวแน่นตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ แมตช์นี้เล่นได้นิ่ง และคุมเกมรับได้เหนียวแน่น ช่วยให้เกมรุกของอิตาลีไม่สามารถเจาะเข้ามาทำอันตรายในกรอบเขตโทษได้มากนัก
จอห์น สโตนส์ : 7
เล่นได้เหนียวแน่น โดยในครึ่งแรกจัดการเกมรุกของ อิตาลี อยู่หมัด แต่ในครึ่งหลังเขามีส่วนในจังหวะที่ทำให้ทีมโดนตีเสมอ นอกจากนี้ยังพยายามขึ้นไปทำประตูในจังหวะได้ลูกเตะมุม และเกือบสำเร็จ แต่โดน จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ปัดบอลออกไปได้ซะก่อน
แฮร์รี่ แม็กไกวร์ : 7
ช่วงต้นเกมมีประหม่าไปบ้าง แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ คืนฟอร์มเก่ง เล่นได้อย่างโดดเด่นโดยเฉพาะลูกกลางอากาศ ถือเป็นหัวใจเกมรับของ อังกฤษ อย่างแท้จริง
ลุค ชอว์ : 8
เล่นได้ยอดเยี่ยมไม่มีที่ติตั้งแต่ต้นจนจบเกม ช่วยให้ทีมขึ้นนำจากการยิงสุดสวย มีจังหวะเปิดบอลกดดันแนวรับ อิตาลี ตลอด ขึ้นเกมบุกฝั่งซ้ายได้น่ากลัว มีวินัยในการเล่นเกมรับ
คัลวิน ฟิลลิปส์ : 7
ประสานงานกับ เดแคลน ไรซ์ ได้อย่างลงตัวในแดนกลาง คุมจังหวะเกมและบดขยี้แผงมิดฟิลด์อิตาลีไม่ให้เล่นได้ง่าย พยายามช่วยดันเกมรุก มีจังหวะยิงไกลบอลพุ่งแรงแต่ทิศทางต้องปรับปรุง
เดแคลน ไรซ์ : 8
คุมเกมได้ดีทำหน้าที่เชื่อมเกมกับกองหลัง และแดนหน้า วิ่งไล่กดดันไม่ให้นักเตะอิตาลีได้ทำเกมถนัด เต็มไปด้วยพละกำลัง และรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสุดยอด
เมสัน เม้าน์ (แจ็ค กรีลิช น.99) : 5
โดนจับไปเยือนริมเส้นฝั่งซ้าย และคอยประสานงานกับ ชอว์ ในช่วงต้นเกม แต่ไม่มีบทบาทอะไรกับเกมรุกของ อังกฤษ มากนัก น่าจะช่วยป้องกันได้ดีกว่านี้ในจังหวะที่โดนตีเสมอ
แฮร์รี่ เคน : 7
พยายามลงมาล้วงลูกต่ำ และฉีกหนีการประกบติดของ 2 เซนเตอร์แบ็กจอมเก่า มีส่วนในจังหวะที่ทีมได้ประตู เมื่อลงมารับบอลเกือบครึ่งสนามก่อนจะส่งให้ ทริปเปียร์ ซึ่งเปิดบอลให้ ชอว์ ซัดประตู วิ่งไปรับบอลเพื่อหาช่องเปิดให้เพื่อนทำประตูตลอดเวลา
ราฮีม สเตอร์ลิง : 6
ความเร็วกับความคล่องตัวดูเหมือนจะอันตรายกับเกมรับของ อิตาลี แต่หลังจากนั้นประสบการณ์ของ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ จัดการ สเตอร์ลิง อยู่หมัด
ตัวสำรองที่ลงสนาม
บูกาโย่ ซาก้า (แทน คีแรน ทริปเปียร์ น.70) : 5
คาดหวังจะได้ใช้ความเร็วลงมาป่วนเกมรับ อิตาลี ที่กำลังอ่อนล้า แต่กลายเป็นว่าไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ที่สำคัญยังเล่นด้วยอาการประหม่าอีกต่างหาก แถมพลาดจุดโทษถือเป็นเกมที่น่าผิดหวังสำหรับเจ้าตัวจริงๆ
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (แทน เดแคลน ไรซ์ น.74) : 6
กัปตันทีมลิเวอร์พูล มีชอตเด็ดจังหวะทิ่มบอลให้ สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่ส่าเสียดายที่สตาร์แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่สามารถทำจังหวะนี้ให้เกิดประโยชน์ ส่วนเกมแดนกลางก็ทำได้ตามหน้าที่แต่ไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก
แจ็ค กรีลิช (แทน เมสัน เม้าน์ น.99) : 6
ตอนที่ถูกส่งลงสนามผลงานค่อนข้างหวือหวามีจังหวะต่อบอลกับ ซาก้า ในเขตโทษ แต่หลังจากนั้นก็แทบไม่มีโอกาสสร้างสรรค์เกมอะไรเลย
เจดอน ซานโช่ (แทน ไคล์ วอล์คเกอร์ น.120) : 2
ลงมาเพื่อหวังยิงจุดโทษ แต่กลายเป็นทำพลาดมหันต์
มาร์คัส แรซฟอร์ด (แทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น. 120) : 3
เด่นกว่า ซานโช่ ตรงที่ต้องลงสนามพร้อมกับยืนเป็นแบ็กขวาจำเป็นเนื่องจากทีมกำลังตั้งรับ แต่สุดท้ายกลายเป็นคนแรกที่ยิงจุดโทษพลาดๆ ทั้งๆ ที่ เซาธ์เกต ตั้งใจส่งลงมาเพื่อให้ทำหน้าที่สำคัญนี้แท้ๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ปีทองอิตาลี!บทสรุป ยูโร 2020 พร้อมเงินรางวัล
ในที่สุดศึกยูโร 2020 ก็จบอย่างสมบูรณ์แบบ อิตาลี เหมาะสมอย่างยิ่งที่เป็นเจ้าของโทรฟี่อองรี เดอโลเน่ย์ เมื่อสามารถดวลจุดโทษชนะ อังกฤษ 3-2 หลังเสมอกัน 120 นาที 1-1 ส่งผลให้ทัพ "อัซซูรี่" ได้แชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 253ปีที่รอคอย,ดอนนารุมม่าฮีโร่! ตัดเกรดแข้งอิตาลีดวลจุดโทษดับอังกฤษซิวแชมป์ยูโร
แม้ต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังตั้งแต่ 2 นาทีแรกแต่ขุนพล "อัซซูร์รี่" กลับคืนสู่เกมได้โดยตลอดทั้ง 120 นาทีเป็นฝ่ายทำได้ดีกว่า อังกฤษ ชัดเจนสุดท้ายเสมอกันไป 1-1 ต้องดวลเป้าหาผู้ชนะและเป็น อิตาลี ทำได้ดีกว่าเชือด "สิงโตคำราม" (3-2) สิ้นสุดการรอคอย 53 ปีผงาดซิวแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 สำเร็จและนี่คือผลสอบของลูกทีม โรแบร์โต้ มันชินี่
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
หมวดไวกิ้ง ตำรวจสาวขวัญใจหนุ่ม ๆ...
แป้ง สุกานดา หรือ แป้งสามป๋องซาว...
เสี่ยว ปุย ยี่ อดีตดาวดัง OnlyFa...
แม่เจ้าโว้ย! นักร้องสาวนุ่งบิกิน...
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
คลิปไฮไลท์