ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » เอแดร์ ชีวิตพลิกผันจากฮีโร่ โปรตุเกส กลายสภาพแข้งไร้สังกัด

เอแดร์ ชีวิตพลิกผันจากฮีโร่ โปรตุเกส กลายสภาพแข้งไร้สังกัด

Posted 14/07/2021 by siamsport

เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2016 เอแดร์ คือฮีโร่ของชาวโปรตุกีส เมื่อเขาสวมบทซูเปอร์ซับลงสนามเป็นตัวสำรองพร้อมกับซัดประตูโทนนำ โปรตุเกส ชนะ ฝรั่งเศส ในช่วงต่อเวลาพิเศษ คว้าแชมป์ยูโร 2016 ไปครอบครองอย่างยิ่งใหญ่

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน เอแดร์ ที่ปัจจุบัน อายุ 33 ปี ถูกส่งลงสนามมาแทน เรนาโต้ ซานเชซ ในช่วงครึ่งหลัง ในแมตช์ที่ต้องสู้กันยืดเยื้ออีก 30 นาที ที่สนามสต๊าด เดอ ฟร้องซ์ หลังเสมอกันแบบไร้สกอร์ในช่วงเวลาปกติ

ยิ่งไปกว่านั้นทัพ "ฝอยทอง" ต้องเกิดอาการระส่ำเพราะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ประจำทีมถูกเปลี่ยนตัวออกเนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บ ในเวลานั้น โปรตุเกส ต้องการฮีโร่เพื่อมาช่วยกอบกู้ความสำเร็จให้ประเทศชาติ

ในเวลานั้นไม่มีใครคาดคิดว่า เอแดร์ จะเป็นสุดยอดซูเปอร์ซับเพราะเขากลายเป็นฮีโร่ของคนทั้งชาติเมื่อตะบันประตูในนาทีที่ 109 ส่งให้ โปรตุเกส ขึ้นนำและพวกเขาสามารถรักษาสกอร์ดังกล่าวจนกระทั่งสิ้นเสียงนกหวีดยาวของตุลาการสนาม

อย่างไรก็ตาม 5 ปีให้หลัง เอแดร์ กลายเป็นนักเตะที่ถูกลืมไปแล้ว โดยคอลูกหนังเพิ่งจะนึกภาพใบหน้าของเขาออกก็ต้องที่เจ้าตัวถือโทรฟี่อองรี เดอโลเน่ย์  เข้ามาในสนามเวมบลีย์ ก่อนเกมนัดชิงจะเปิดฉากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ทุกๆ คนที่ได้เห็นภาพดังกล่าวคงอาจจะงงนิดๆ ว่าชายคนนั้นเป็นใครถึงได้ถือโทรฟี่แชมป์เข้ามาในสนามก่อนเกมสำคัญ แต่สำหรับ เอแดร์ เขาไม่ได้แคร์ว่ามีใครจำเขาได้ไหม เพราะการที่ได้ลงมาในสนามต่อหน้าแฟนบอลกว่า 65,000 คนทำให้เขาหวนนึกถึงบรรยากาศความสำเร็จในตอนนั้น

งานนี้เรามีโอกาสที่จะได้ขุดคุ้ยเรื่องราวของ เอแดร์ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนับตั้งแต่ที่เขาสวมบทฮีโร่ สร้างประวัติศาสตร์ให้ โปรตุเกส ผงาดคว้าแชมป์ยูโร สมัยแรก แต่ชีวิตกลับไม่ได้รุ่งโรจน์เลยนับตั้งแต่ค่ำคืนแห่งความทรงจำเมื่อปี 2016

1 ปีก่อนที่ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวจะเปิดฉาก เอแดร์ ย้ายจาก บราก้า ทีมดังในลีกบ้านเกิด ไปเล่นกับ สวอนซี ซิตี้ ซึ่งในเวลานั้นยังอยู่ระดับพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ (ราว 220 ล้านบาท)

นับตั้งแต่ที่ย้ายมาเล่นกับ "หงส์ขาว" ในซีซั่น 2015/2016 นักเตะล้มเหลวในการยิงประตูโดย 15 เกมแรกไม่สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้เลย จนสุดท้ายนักเตะต้องโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ ลีลล์ ในศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส ช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนั้น

เอแดร์ ซัดไป 6 ประตูจากการเล่น 13 แมตช์นั่นทำให้เขาได้กรุยทางเข้าสู่ทีมชาติโปรตุเกส โดยในเวลานั้นประเทศอุดมไปด้วยสตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ,นานี่, ซานเชซ และอีกหลายๆ คน

แน่นอนว่า โรนัลโด้ กับ นานี่ คือแกนหลักของ โปรตุเกส ชุดนั้น โดยพวกเขายิงกันคนละ 3 ประตู ส่งผลให้ทีมปราบทั้ง โปแลนด์ และเวลส์ ในรอบน็อกเอาต์ จะได้เข้าชิง กับ ฝรั่งเศส เจ้าบ้าน

ในแมตช์ตัดเชือก เอแดร์ ทำหน้าที่เป็นตัวสำรองอดทนก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน ซานเชซ หนึ่งในแกนหลักของทีม ซึ่งในเวลาต่อมานักเตะถือว่าประสบความสำเร็จในอาชีพระดับหนึ่งเลยทีเดียว ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเวลาปกติ

เหมือนสวรรค์ขีดเส้นให้ เอแดร์ เป็นฮีโร่เพราะเขาซัดประตูชัยตอนที่เกมเหลือแค่ 11 นาที่สุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่งให้ โปรตุเกส ผงาดคว้าแชมป์ยูโรอย่างยิ่งใหญ่บนแผ่นดินน้ำหอม

หลังจากนั้น ลีลล์ ก็ตัดสินใจเซ็นสัญญากับ เอแดร์ แบบถาวรหลังจบศึกยูโร 2016 พร้อมกับความคาดหวังว่าเขาจะทำผลงานได้อย่างสุดยอดเหมือนที่สร้างชื่อเอาไว้กับทัพบ้านเกิดเมืองนอน

สุดท้ายทุกอย่างไม่เป็นดั่งหวังเมื่อ เอแดร์ ยิงไปแค่ 6 ประตูจาก 31 เกมในลีก เอิง เขาโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ โลโกโมทีฟ มอสโก ยอดทีมแห่งศึกรัสเซียน พรีเมียร์ลีก ก่อนจะย้ายถาวรในปีถัดมา

แม้ว่าจะเป็นฮีโร่ของชาติก็ตาม แต่ เอแดร์ ไม่ได้ถูกเรียกตัวติดธงไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งที่ดินแดนหมีขาวถือสถานที่ที่เขาลงสนามค้าแข้งกับต้นสังกัดเมื่อปีที่ผ่านมา

เอแดร์ อยู่กับ โลโกโมทีฟ มอสโก จนกระทั่งถึงช่วงซัมเมอร์นี้ โดยที่เขาทำผลงานได้น่าผิดหวังมากๆ เมื่อซัดยิงไม่ได้เลยกับการลงเล่น 9 แมตช์ในเกมลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แถมตลอดเส้นทาง 4 ฤดูกาลที่อยู่กับต้นสังกัดนักเตะยิงได้แค่ 10 ประตูจาการเล่นเกมลีก 72 แมตช์

ตอนนี้ เอแดร์ โดนปล่อยตัวทิ้งเรียบร้อย และเขาก็ยังไม่มีสโมสรไหนแสดงความสนใจอยากได้ตัวไปร่วมทีม ทำให้สถานะในปัจจุบันของนักเตะคือผู้เล่นไร้สังกัด ทั้งๆ ที่อายุเพียงแค่ 33 ปีเท่านั้น

ปัจจุบัน เอแดร์ ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะได้พิสูจน์ตัวเองกับสโมสรในลีกยุโรป และการปรากฎตัวของเขาก่อนเกมนัดชิงระหว่าง อังกฤษ พบ อิตาลี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คงทำให้บรรดาโค้ชหรือผู้จัดการทีมอาจจะมองเห็นคุณค่า และดึงเขาไปร่วมทัพก็ได้

ชีวิตของ เอแดร์ เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญว่าไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต ครั้งหนึ่งกราฟชีวิตอาจจะพุ่งสูงลิบ แต่เพียงชั่วข้ามคืนทุกอย่างก็เหลือเพียงแค่ความฝันที่สวยงามก็ได้ !!

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »