ฆวน บรังโก้ หนึ่งในทนายของ บาร์เซโลน่า ระบุ กำลังเตรียมคัดค้านการที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะเซ็นสัญญากับ ลิโอเนล เมสซี่ โดยมองว่าค่าใช้จ่ายด้านค่าเหนื่อยของ ปารีสฯ มันเยอะกว่า "อาซูลกราน่า" ตั้งเยอะ
   
ฆวน บรังโก้ หนึ่งในทีมทนายความของ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที ลา ลีกา สเปน เปิดเผยว่าพวกตนกำลังเตรียมที่จะยื่นเรื่องฟ้องร้องเพื่อขัดขวางการที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะเอา ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าคนเก่งชาวอาร์เจนไตน์ไปร่วมทัพ

หลังจากอยู่กับ บาร์เซโลน่า มาตั้งแต่ระดับอะคาเดมี่ เมสซี่ ก็ต้องบอกลาทีมแบบสุดช็อกในช่วงซัมเมอร์ของปีนี้ โดยที่จริงเขาหมดสัญญากับ บาร์เซโลน่า ไปตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และถึงแม้หลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงเรื่องสัญญาฉบับใหม่กันได้แล้ว แต่มันก็ไม่สามารถทำให้สัญญามีผลอย่างเป็นทางการได้จากการติดปัญหาเพดาค่าเหนื่อยของ ลา ลีกา เนื่องจากปัจจุบัน บาร์เซโลน่า มีค่าใช้จ่ายด้านค่าเหนื่อยโดยรวมสูงทะเลุเพดานที่ว่าไปแล้ว

ทั้งนี้ เป็นที่เชื่อกันว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คือทีมที่มีโอกาสดีที่สุดที่จะเป็นสถานีต่อไปของ เมสซี่ โดยในงานแถลงข่าวการอำลาทีมของแข้งทีมชาติอาร์เจนตินานั้น เขาก็บอกเหมือนกันว่า ปารีสฯ เป็นหนึ่งในทีมที่เข้ามาทาบทามเขา และถึงแม้ เมสซี่ จะบอกว่ามันยังไม่มีการทำข้อตกลงกัน แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่า "เปแอสเช" น่าจะปิดดีลได้แน่นอน

ถึงกระนั้น บรังโก้ กล่าวว่าจะพยายาามอย่างสุดชีวิตเพื่อไม่ให้ดีลนี้เกิดขึ้น เพราะคิดว่าปัจจุบัน ปารีสฯ มีสภาพการเงินที่เข้าขั้นละเมิดกฎควบคุมการเงิน (ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์) ของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ในแบบที่รุนแรงมากๆ จนถึงขั้นรุนแรงกว่าปัญหาที่ทีมมีกับกฎเพดานค่าเหนื่อยของ ลา ลีกา ด้วยซ้ำ

บรังโก้ กล่าวว่า "ในฐานะตัวแทนของ บาร์เซโลน่า หน่วยงานของผมกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป และขอร้องให้ศาลปกครองในกรุงปารีสมีคำสั่งระงับการดำเนินการเป็นการชั่วคราวเพื่อไม่ให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เซ็นสัญญากับ ลิโอเนล เมสซี่"

"ในแง่ของกฎ ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ นั้น เปแอสเช มีตัวเลขอัตราส่วนที่แย่กว่าของ เอฟซี บาร์เซโลน่า ด้วยซ้ำ ในฤดูกาล 2019-2020 อัตราส่วนด้านค่าเหนื่อยต่อรายได้ของ เปแอสเช อยู่ที่ 99 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ของ บาร์เซโลน่า อยู่ที่ 54 เปอร์เซ็นต์ แถมส่วนต่างมันก็เพิ่มขึ้นด้วย มันน่าเหลือเชื่อมากๆ ที่กฎ ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ มันกลายเป็นการทำให้ความห่างกันในด้านธุรกิจของฟุตบอลมันยิ่งกว้างกว่าเดิม, ทำให้พวกที่มีอำนาจสูงสามารถบงการวงการฟุตบอลได้ และทำให้การแข่งขันเกิดความปั่นป่วน"