ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » มินามิโนะ ฟอร์มเด่น, โกนาเต้ แกร่ง ! เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล อุ่นเครื่องทุบ โอซาซูน่า

มินามิโนะ ฟอร์มเด่น, โกนาเต้ แกร่ง ! เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล อุ่นเครื่องทุบ โอซาซูน่า

Posted 10/08/2021 by siamsport

ปิดฉากช่วงปรีซีซั่นได้อย่างสวยหรูสำหรับ ลิเวอร์พูล โดยพวกเขาจัดการทุบ โอซาซูน่า 3-1 ที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อวันจันทร์ที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา และที่สำคัญมีเรื่องดีๆ มากมายที่สาวก "เดอะ ค็อป" ได้เห็นสำหรับขุมกำลังของทีมในเวลานี้


แนวทางการเล่นเกมบุกของ "เดอะ เร้ดส์" ยังคงอันตรายเหมือนเดิม ทั้งในเกมที่เสมอกับ แอธเลติก บิลเบา และเกมนัดนี้ โดยเฉพาะผลงานของ ทาคูมิ มินามิโนะ และ อเล็กซ์ อ็อดซ์เลด-แชมเบอร์เล่นถือว่าโดดเด่นมากๆ

 ในขณะที่เกมรับการได้ อิบราฮิม่า โกนาเต้ มาร่วมทีมทำให้กองหลังของ "หงส์แดง" แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้บรรดาดาวรุ่งทั้งหลายที่ได้รับโอกาสโชว์ผลงานในช่วงปรีซีซั่น ก็ทำได้ดี และอาจจะมีโอกาสได้เห็นพวกเขาอีกครั้งเมื่อฤดูกาล 2021/2022 เปิดฉากก็ได้

1. โกนาเต้ คุมแนวรับเหนียวแน่น

 สิ่งที่ต้องบอกเป็นเรื่องแรกก็คือผลงานของ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่มีโอกาสได้ลงเล่นในแอนฟิลด์ครั้งแรก และโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งแน่นอนว่าทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ปลาบปลื้มอย่างมาก

 ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ ได้ลงเล่นตัวจริงด้วยการจับคู่กับ โจ โกเมซ ซึ่งเพิ่งจะฟิตสมบูรณ์หลังจากต้องพักรักษาตัวยาวเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ถือว่าเล่นกันได้อย่างเข้าขา ช่วยทำให้เกมรับของ "หงส์แดง" เหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น

 หลายคนอาจจะมองว่า โอซาซูน่า เป็นทีมที่ไม่ได้มีเกมรุกน่ากลัว แต่ โกนาเต้ แสดงให้เห็นว่าเขาเล่นได้อย่างแข็งแกร่งทั้งลูกบนพื้นและลูกกลางอากาศ สามารถโหม่งเคลียร์ทิ้งได้ตลอด และบางครั้งยังช่วยขึ้นมากดดันในเกมรุกด้วย

 นอกจากนี้ โกนาเต้ ยังโชว์ทักษะในการสัมผัสบอลที่นิ่งมาก และยังครองบอลได้เหนียวแน่น ที่สำคัญเวลาที่ต้องอยู่ในภาวะกดดันจากคู่แข่ง เจ้าตัวก็ยังเอาตัวรอดได้อย่างสบายๆ ซึ่งนี่คือคุณสมบัติชั้นยอดที่ คล็อปป์ อยากได้มาร่วมทีมมากๆ

 แม้ว่าเกมนี้  ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้ในถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่หากมองจากฟอร์มโดยรวมของ โกนาเต้ บอกได้เลยว่า คล็อปป์ เจอเรื่องปวดหัวในการจัดตัวจริงของแนวรับ "เดอะ เร้ดส์" ชัวร์

2. ซิมิคาส สามารถทดแทน โรเบิร์ตสัน ได้

 การที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าในเกมอุ่นเครื่องเสมอ แอธเลติก บิลเบา ถือเป็นเรื่องที่เสียหายมากๆ เพราะฤดูกาลใหม่กำลังจะเปิดฉากแล้ว ฉะนั้นนี่คือสิ่งที่ คล็อปป์ ต้องหาทางแก้ไขโดยด่วน

 อย่างไรก็ตามตอนนี้ กุนซือชาวเยอรมัน น่าจะมีทางออกในตำแหน่งแบ็กซ้ายแล้ว เพราะฟอร์มของ คอสตาส ซิมิคาสบอกได้เลยว่าสามารถเข้ามาเติมเต็มการขาดหายไปของฟูลแบ็กทีมชาติสกอตแลนด์ได้เป็นอย่างดี

 แบ็กซ้ายทีมชาติกรีซมีฟอร์มที่โดดเด่ดมากๆ ในช่วงปรีซีซั่นนี้ และในเกมล่าสุดที่เอาชนะ โอซาซูน่า บอกเลยว่า ซิมิคาส มีการเล่นเกมบุกที่เด็ดสะเดาะโดนใจแฟบอล "หงส์แดง"อย่างมาก

 นอกจากนี้ ซิมิคาส ยังประสานงานได้อย่างลงตัวกับ ทาคูมิ มินามิโนะ ก่อนที่ดาวเตะชาวญี่ปุ่นจะเปิดถวายพานให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ซัดประตูแบบสบายๆ ขณะที่ในส่วนของการเกมรับก็ยังเล่นได้เหนียวแน่นเช่นกัน

 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาสาวก "เดอะ ค็อป" แทบไม่ได้เห็นฟอร์มของ ซิมิคาส เลย แต่ในซีซั่นนี้บอกเลยว่า แบ็กซ้ายจากดินแดนเทพนิยาย จะมีบทบาทสำคัญของ "หงส์แดง" หากเขาสามารถรักษาฟอร์มแบบนี้เอาไว้ได้ต่อไป

3 ฟาบินโญ่ โชว์ฟอร์มคุมได้กลางได้ดีเยี่ยม

 ปัญหากองหลังบาดเจ็บหนักเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้ ฟาบินโญ่ จำเป็นต้องลงไปเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟเกือบตลอดทั้งฤดูกาลนี้ ส่งผลให้หลายคนไม่ได้มีโอกาสได้เห็นผลงานชั้นยอดในการเล่นแดนกลางของเขา

 แม้ ดาวเตะชาวบราซิเลียน จะทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง แต่นั่นไม่ใช่พื้นที่ที่เหมาะกับเขา เพราะ ฟาบินโญ่ จะระเบิดฟอร์มสุดยอดออกมาได้เมื่อลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ ซึ่งเกมนี้เขาแสดงให้เห็นแล้วว่านี่คือพื้นที่ที่เหมาะกับเขาที่สุด

 ฟาบินโญ่ ทำหน้าที่คุมแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยม โดยนักเตะครองบอลได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถคุมจังหวะการเล่นของทีมได้เป็นอย่างการ และคอยเชื่อมเกมให้กับทีม ที่สำคัญยังมีความโดดเด่นในการเล่นเกมรับ

 ยิ่งไปกว่านี้เรื่องการวางบอลเพื่อทำเกมบุก ฟาบินโญ่ ก็ไม่เป็นสองรองใคร ดูได้จากจังหวะที่เปิดบอลอย่างสุดยอดให้ มินามิโนะ หลุดเข้าไปซัดประตูแรกในเกมนี้ ฉะนั้นการที่ ดาวเตะเลือดแซมบ้า ได้กลับมาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับที่แสนถนัดของตัวเอง ยิ่งทำให้ ลิเวอร์พูล ได้ประโยชน์เป็นทวีคูณ
 
4. อ็อกซ์เลด, มินามิโนะ, ฟีร์มีโน่ มีอนาคตกับทีม

 หลายคนคงตั้งคำถามว่าอนาคตของ อเล็กซ์ อ็อดซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มินามิโนะ และ ฟีร์มีโน่ จะเป็นยังไง แต่จากฟอร์มการเล่นในเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายช่วงปรีซีซั่น บอกได้เลยว่าพวกเขายังมีโอกาสอยู่ในทีมชุดนี้

 ในรายของ ฟีร์มีโน่ แน่นอนว่าเจ้าตัวต้องเจอกับสถานการณ์กดดัน เนื่องจาก ดีโอโก้ โชต้า กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด และมีแนวโน้มว่าจะได้รับโอกาสจาก คล็อปป์ ให้ลงเล่นตัวจริงร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่

 กระนั้นฟอร์มในเกมล่าสุดของ สตาร์ชาวบราซิเลียน น่าจะทำให้ คล็อปป์ รู้สึกได้ว่าเขายังเป็นหัวใจสำคัญในเกมรุกของทีม และสามารถที่จะฝากความหวังในการสร้างสรรค์โอกาสยิงประตู รวมทั้งการซัดประตูด้วยตัวเอง

 ขณะที่ อ็อดซ์เลด-แชมเบอร์เลน เล่นได้ดุดันมากๆ โดยเฉพาะในครึ่งแรก เขาพยายามเล่นเกมบุกด้วยความกล้า และพร้อมกระชากลากเลื้อยแบบไม่หวาดกลัว นอกจากนี้ยังมีจังหวะการเปิดบอลที่แม่นยำ และการยิงไกลที่ทั้งแรง และเฉียบคม

 ส่วน มินามิโนะ ยังคงเล่นด้วยสปิริตและความทุ่มเทเหมือนเดิม การวิ่งหาพื้นที่ว่างเพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเอง ที่สำคัญเขามีส่วนต่อชัยชนะในเกมนี้มากๆ ทั้งยิงประตูแรก และยังเป็นคนแอสซิสต์ให้ ฟีร์มีโน่ ด้วย

 ฉะนั้นในกรณีที่มีหลายคนคาดการณ์ว่าทั้ง อ็อดซ์เลด-แชมเบอร์เลน  และ มินามิโนะ อาจจะต้องโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวในฤดูกาลนี้ แต่เชื่อว่า คล็อปป์ น่าจะเก็บทั้งคู่เอาไว้ เพื่อเป็นอะไหล่สำคัญในซีซั่นที่มีเกมให้ลงเล่นเยอะมาก

5. ดาวรุ่งหลายคนได้รับประสบการณ์ชั้นยอด

 เชื่อว่าแฟนบอลลิเวอร์พูลคงต้องอึ้งเมื่อ คล็อปป์ ใส่ชื่อ ไคเด้ กอร์ดอน ลงเล่นตัวจริงในเกมนี้ แต่เจ้าหนูวัย 16 ปีทำให้ผลงานได้อย่างโดดเด่นและไม่น่าแปลกใจที่ว่าทำไมเขาถึงได้รับโอกาสแบบนี้

 กอร์ดอนเต็มไปด้วยความรวดเร็ว และการวิ่งทะลุทะลวงที่อันตรายมากๆ ทำให้เกมรับของ โอซาซูน่า ต้องเจอกับปัญหาพอสมควร งานนี้เชื่อว่า คล็อปป์ จะให้โอกาสนักเตะได้ลงเล่นในเกมใหญ่ๆ บางเพื่อพัฒนาศักยภาพของเขา

 ขณะที่ผู้เล่นดาวรุ่งคนอื่นๆ อย่าง เนโก วิลเลี่ยมส์, คอนอร์ แบรดลี่ย์, เบน วู้ดเบิร์น และ เลห์ตัน คล้ากสัน ถือว่าได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในช่วงปรีซีซั่นกับสโมสร และอาจจะมีลุ้นที่จะได้ลงสนามในเกมฟุตบอลถ้วยก็ได้ ดังนั้นนอกเหนือจาก ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ แล้ว นักเตะดาวรุ่งเหล่านี้ก็ถือเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ที่น่าสนใจมากๆ

 อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่น่าเป็นห่วงในเกมนี้ก็คืออาการบาดเจ็บของ เคอร์ติส โจนส์ ซึ่งดูเหมือนจะค่อนข้างน่าเป็นห่วงเลยทีเดียว และหากนักเตะเจ็บหนักนั่นจะทำให้ทีมขาดกำลังสำคัญสำหรับซีซั่นใหม่ที่จะเปิดฉากในสัปดาห์นี้ เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาก็ต้องเสีย โรเบิร์ตสัน จากอาการเดี้ยงที่ข้อเท้ามาแล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • เชลซีขายแทมมี่,ชากิรี่ส่อลาลิเวอร์พูล!อัพเดตข่าวเด่นตลาดนักเตะ (10 ส.ค. 64)
    ดูเหมือนจะจบง่ายๆ แต่มันก็ยังไม่จบเสียที สำหรับดีลการย้ายทีมเขย่าวงการลูกหนังของ ลิโอเนล เมสซี่ กับ โรเมลู ลูกากู และแน่นอนว่า มีสถานการณ์ล่าสุดของทั้งคู่มาอัพเดตกัน ขณะที่ ลิเวอร์พูล ช่วงนี้ข่าวเสริมทัพไม่ค่อยจะมี แถมเร็วๆ นี้อาจจะมีนักเตะย้ายออกไป 2 รายด้วย แต่จะเป็นใครบ้างนั้น เรามาดูกัน
  • หนักแค่ไหน! "โรเบิร์ตสัน" ออกโรงอัพเดทอาการเดี้ยงเกมอุ่นแอธ.บิลเบา
    แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ฟูลแบ็กตัวเก่งลิเวอร์พูล โพสต์ภาพพร้อมข้อความเพื่อเปิดเผยเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บล่าสุดที่ได้รับในเกมเสมอ แอธเลติก บิลเบา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยงานนี้สาวก "เดอะ ค็อป" ลุ้นระทึกว่านักเตะจะต้องพักนานแค่ไหน
  • เพราะอะไร?จอห์นสันไม่เชื่อลูกากูไปรุ่งกับเวทีพรีเมียร์ลีก
    เกล็น จอห์นสัน ระบุ ส่วนตัวแล้วไม่คิดว่า โรเมลู ลูกากู จะไปได้สวยกับการเล่นใน พรีเมียร์ลีก เพราะมองว่า พรีเมียร์ลีก มีการเล่นที่เร็วกว่าที่อื่น ซึ่ง ลูกากู ไม่น่าจะสามารถรับมือกับความเร็วแบบที่ว่าได้
  • เอลเลียตต์แจ่ม,โชต้าคมกริบ!ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลเกมเสมอแอธ.บิลเบา
    ผ่านไปอีกแมตช์สำหรับเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นสำหรับลิเวอร์พูล แม้ว่าผลการแข่งขันอาจจะไม่ถูกใจแฟนบอลบางคนเพราะพวกเขาเปิดรังแอนฟิลด์เสมอ แอธเลติก บิลเบา 1-1 แต่หากมองจากภาพรวมแล้วฟอร์มของ "หงส์แดง" ในเกมนี้โดดเด่นมากๆ โดยเฉพาะเกมรุกที่เต็มไปด้วยความดุดัน แต่ที่น่าเสียดายคงหนีไม่พ้นเรื่องที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่ข้อเท้า และยังต้องลุ้นว่าอาการจะหนักมากน้อยแค่ไหนในวันจันทร์นี้

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »