คืนวันเสาร์นี้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมลงทำศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยจะเปิดรัง แอนฟิลด์ รับมือ เบิร์นลี่ย์ ซึ่งถือเป็นเกมที่กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นต้องเน้นเก็บชัยชนะแน่นอน เพราะนัดต่อไปต้องบุกไปเยือนสโมสรแชมป์ยุโรปอย่าง เชลซี
     สภาพทีมโดยรวมถือว่าเกือบจะสมบูรณ์แล้ว โดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมคนเก่ง รวมถึง ติอาโก้ อัลกันตาร่า ต่างพร้อมกลับมาลงสนามช่วยทีม จะขาดก็แค่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายคนเก่ง ที่ยังคงเจ็บข้อเท้า แต่ข่าวร้ายคือ ฟาบินโญ่ เพิ่งสูญเสียคุณพ่อ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ คล็อปป์ จะไม่เลือกใช้งานดาวเตะเลือดแซมบ้า และนี่คือโฉมหน้า 11 ผู้เล่น "หงส์แดง" ที่คาดว่าจะได้สตาร์ทเป็นตัวจริงเกมนี้ ซึ่งมีออกมา 2 รูปแบบ (อ้างอิงจาก thisisanfield.com)

- ระบบ 4-3-3 : โชต้า ยึดหน้าเป้า, เฮนโด้ คุมแดนกลาง
     สำหรับไลน์อัพชุดนี้ แทบจะยึดชุดเดิมจากเกมเปิดซีซั่น ที่บุกไปกระซวก นอริช ซิตี้ 3-0 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน โดยจะเปลี่ยนแค่แดนกลางที่ได้กัปตัน "เฮนโด้" เป็นตัวจริง (นัดก่อนเป็น เจมส์ มิลเนอร์) เล่นเคียงข้างกับ นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ส่วน ติอาโก้ คงต้องนั่งสำรองไปก่อน

     แนวรับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ โฌแอล มาติป คู่เซนเตอร์แบ็ก ที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่งในเกมกับ นอริช คงได้จับคู่กันต่อ เช่นเดียวกับแบ็กขวาและแบ็กซ้ายอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ คอสตาส ซิมิคาส รวมถึง อลีสซง เบ็คเกอร์ ในตำแหน่งผู้รักษาประตู

     ขณะที่แนวรุก มีแนวโน้มที่ คล็อปป์ จะเลือก ดีโอโก้ โชต้า ลงเป็นตัวจริงในตำแหน่งหน้าเป้าเหมือนเดิม หลังจากที่ดาวเตะชาวโปรตุกีสทำประตูได้ในเกมนัดเปิดฤดูกาล โดยที่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ยืนทางฝั่งขวาและซ้าย ส่วน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ คงต้องรอเป็นตัวทีเด็ดจากม้านั่งสำรองอีกนัด

 - ระบบ 4-2-3-1 : จัดเต็มตัวรุก, ดร็อป "ดิ อ็อกซ์"
     4-2-3-1 ถือเป็นอีกหนึ่งแผนทีเด็ดของ คล็อปป์ โดยแนวรับและตำแหน่งผู้รักษาประตูไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่แดนกลางจะมีมิดฟิลด์ตัวกลางสองคน ซึ่งน่าจะเป็น เฮนเดอร์สัน กับ เกอิต้า ส่วน อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน คงถูกดร็อปไปนั่งสำรอง ขณะที่ ติอาโก้ มีลุ้นสอดแทรกเป็นตัวจริง หากเล่นในระบบนี้

     ขยับขึ้นไปข้างหน้า ฟีร์มีโน่ จะถูกใช้งานในบทบาทนักเตะหมายเลข 10 เคียงข้างด้วย ซาลาห์ และ มาเน่ โดยที่มี โชต้า เล่นเป็นหน้าเป้า แต่ดูแล้วแผนนี้น่าจะเป็นแผนสำรอง หรือถูกปรับใช้ระหว่างเกมมากกว่า เพราะถึงแม้เป็นเกมที่ ลิเวอร์พูล ต้องเก็บ 3 แต้มให้ได้ แต่มันก็ไม่มีความจำเป็นที่ คล็อปป์ ต้องใส่ผู้เล่นแนวรุกแบบจัดเต็มตั้งแต่วินาทีแรก