ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ซาลาห์ลุ้นสร้างสถิติ, แก้เผ็ดทีมเยือน! เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล รับมือ เบิร์นลี่ย์

ซาลาห์ลุ้นสร้างสถิติ, แก้เผ็ดทีมเยือน! เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล รับมือ เบิร์นลี่ย์

Posted 21/08/2021 by siamsport

ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดรังแอนฟิลด์ ต้อนรับ เบิร์นลี่ย์ เกมลีกนัด 2 วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคมนี้ โดยไฮไลต์สำคัญคงหนีไม่พ้นการที่ "หงส์แดง" จะได้เล่นในบ้านต่อหน้าสาวก "เดอะ ค็อป" และยังเป็นแมตช์ที่จะได้แก้เผ็ดทีมเยือนที่เคยทำแสบเอาไว้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
     สำหรับแมตช์นี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงขาดแข้งสำคัญอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่อยู่ในช่วงเรียกความฟิต และน่าจะกลับมาลงเล่นได้ในแมตช์สำคัญที่จะดวลกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ในสัปดาห์หน้า เช่นเดียวกับ ฟาบินโญ่ ที่เพิ่งสูญเสียคุณพ่อ คงทำให้สภาพจิตใจยังไม่พร้อมที่จะลงสนาม

     แมตช์นี้น่าจะเป็นแรงกระตุ้นอย่างดีสำหรับแข้ง "เดอะ เร้ดส์" เพราะพวกเขาเคยโดน เบิร์นลี่ย์ บุกมายัดเยียดความปราชัยในบ้านกับการเล่นเกมลีกครั้งแรก หยุดสถิติไร้พ่ายในแอนฟิลด์เอาไว้ที่ 68 เกม ฉะนั้นนี่ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะได้แก้เผ็ด "เดอะ คลาเร็ตส์" ต่อหน้าแฟนบอลของพวกเขา


1. คล็อปป์ วางใจ มาติป มากกว่า โกนาเต้
     จากกรณีที่ โจ โกเมซ ยังคงไม่ฟิตเต็มร้อยนั่นทำให้ คล็อปป์ มีตัวเลือกเซนเตอร์แบ็กที่จะมายืนคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็คือ โฌแอล มาติป, อิบราฮิม่า โกนาเต้, แนท ฟิลลิปส์ และ รีส วิลเลี่ยมส์ ซึ่งดูเหมือนว่าเปอร์เซนต์คนที่จะได้ลงตัวจริงนั่นก็คือ มาติป

     ผลงานของ มาติป ที่จับคู่กับ ฟาน ไดค์ ถือว่าโดดเด่นมากๆ ในแมตช์เปิดซีซั่นที่ไล่ทุบ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" นอริช ซิตี้ ทำให้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน น่าจะไว้วางใจเขาให้ลงทำหน้าที่เป็นหัวใจในแดนกลางอีกแมตช์

     ในขณะที่ โกนาเต้ ยังคงต้องรอโอกาสของเขาต่อไป เพราะนักเตะดูเหมือนยังต้องใช้เวลาอีกสักพักในการปรับตัวให้เข้ากับเกมลูกหนังในลีกเมืองผู้ดีที่เน้นการใช้พละกำลังและร่างกายเป็นส่วนใหญ่ ส่วน วิลเลี่ยมส์ กับ ฟิลลิปส์ ถือเป็นยางอะไหล่ชั้นดีในยามฉุกเฉินเท่านั้น


     ขณะที่ โกเมซ ดูเหมือนเส้นทางในการคืนสนามของเขายังคงต้องใช้เวลาอีกนาน แม้เกมล่าสุดจะมีชื่อเป็นตัวสำรอง แต่นักเตะก็เพิ่งจะพลาดลงฝึกซ้อมร่วมกับทีมในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ถึงกระนั้นแม้เจ้าตัวจะสามารถกลับมาซ้อมกับทีมได้ในอีกไม่กี่วัน แต่เชื่อว่า คล็อปป์ คงยังไม่เสี่ยงที่จะใช้งานเขาไปอีกสักพัก

2. โอกาสอีกเกมที่ ซิมิคาส จะได้สร้างความประทับใจ
     เวลาสำหรับ คอสตาส ซิมิคาส ในการสร้างผลงานให้ประทับใจ คล็อปป์ เริ่มเหลือน้อยลงแล้ว หลังจากที่มีรายงานว่าตอนนี้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เริ่มกลับมาเรียกความฟิตได้แล้ว และมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะฟิตสมบูรณ์ในแมตช์พบ เชลซี สัปดาห์หน้า

     ด้วยเหตุนี้ ซิมิคาส จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีดฟอร์มเก่งของเขาออกมาให้ได้ เพราะในแมตช์ที่ชนะ นอริช ซิตี้ แม้นักเตะจะมีผลงานที่น่าประทับใจในเกมรุก แต่เกมรับยังมีปัญหาโดยเฉพาะเรื่องสมาธิในการเล่น

 

     ฟูลแบ็กทีมชาติกรีซ ทำบอลเสียหลายครั้งบริเวณหน้าประตูจนทำให้ "หงส์แดง" โดนยิงประตู ซึ่งจุดนี้แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นกับ โรเบิร์ตสัน ฉะนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ที่ ซิมิคาส ต้องรีบแก้ไข หากยังอยากได้ลงเล่นตัวจริงต่อไป

     สำหรับในกรณีของ "ร็อบโบ้" ต้องบอกว่าร่างกายช่างแกร่งเหลือเกิน หลังได้รับบาดเจ็บที่เอ็นข้อเท้าในเกมปรีซีซั่นโดยเขาใช้เวลาแค่ 12 วันในการพักฟื้นร่างกายก็สามารถกลับมาลงฝึกซ้อมร่วมกับเพื่อนร่วมทีมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

     ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในข่าวดีของทีม เพราะก่อนหน้านั้น คล็อปป์ ยอมรับว่า แบ็กซ้ายชาวสกอตติช อาจจะกลับมาลงสนามให้ทีมได้ก่อนหรือหลังพักเบรกทีมชาติ แต่งานนี้นักเตะสามารถเรียกความฟิตได้เร็ว และมีลุ้นช่วยทีมในเกม "บิ๊กแมตช์" ปะทะ เชลซี


3. เฮนเดอร์สัน-ติอาโก้ ซ้อมเต็มที่มีลุ้นตัวจริง
     ต้องบอกว่าช่างเป็นข่าวเศร้าเหลือเกินที่ ฟาบินโญ่ สูญเสียคุณพ่อบังเกิดเกล้า และแน่นอนว่า คล็อปป์ คงไม่ให้นักเตะลงสนาม เพราะต้องการให้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเพื่อเยียวยาความเจ็บปวดในการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก

     นั่นหมายความว่าแดนกลางของ "หงส์แดง" จะขาดผู้เล่นโฮลดิ้งมิดฟิลด์ที่มีความสำคัญกับเกมอย่างมาก แต่ยังดีที่พวกเขาจะได้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ติอาโก้ อัลกันตาร่า กลับมาช่วยทีมอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งสองคนสามารถลงซ้อมได้อย่างเต็มที่กับทีมชุดใหญ่

     ในแมตช์เปิดซีซั่นที่ไล่ต้อน นอริช ไปแบบสบายๆ เฮนเดอร์สัน กับ ดาวเตะชาวสแปนิช ไม่ได้มีส่วนกับเกมนั้นเลย แต่สำหรับตอนนี้เรื่องสภาพความฟิตของ "กัปตันเฮนโด้" และ ติอาโก้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว แต่งานนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการเลือกของ "เดอะ บอส" ว่าจะใช้ใครลงสนาม

    เพราะเอาเข้าจริงๆ ในแดนกลาง นาบี เกอิต้า ถือว่าทำผลงานได้โดดเด่นในเกมกับ นอริช และสามารถทำหน้าที่ทดแทน จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดิม ได้อย่างดีเยี่ยม เช่นเดียวกับ อเล็กซ์ อ็อดซ์เลด-เชมเบอร์เลน ฉะนั้น คล็อปป์ ต้องตัดสินใจระหว่าง เฮนเดอร์สัน กับ ติอาโก้ ว่าใครจะได้ลงเล่นตัวจริง

     หากจะดร็อปป์ เกอิต้า หรือ เชมเบอร์เลน ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่อง เนื่องจากทั้งสองคนกำลังทำผลงานได้ดี และไม่มีเหตุผลที่จะต้องตัดชื่อพวกเขาจากทีมตัวจริงๆ ฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับ คล็อปป์ ว่าต้องการสไตล์ดุดันมีความเป็นผู้แบบเฮนเดอร์สัน หรืออยากได้มิดฟิลด์เชิงสูง มีจินตนาการในการปั้นเกมอย่าง ติอาโก้ ลงเล่นในแมตช์นี้
 


4. ซาลาห์ลุ้นทำสถิติทาบอองรี
     หนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจมากๆ ในเกมนี้ก็คือโอกาสของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่จะทำสถิติเทียบชั้น เธียร์รี่ อองรี ตำนานกองหน้าชาวฝรั่งเศสของ อาร์เซน่อล หากเขาสามารถซัด 2 ประตูในเกมปะทะ เบิร์นลี่ย์

     สตาร์ลูกหนังชาวอียิปต์ เพิ่งจะสร้างตำนานในการทำสถิติเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ทำประตูในเกมเปิดฤดูกาลได้ 5 ซีซั่นติดต่อกัน หลังตะบัน 1 ประตูในสอย นอริช ซิตี้ นัดเปิดซีซั่นเมื่อสัปดาห์ก่อน

      ขณะที่เกมเปิดรังแอนฟิลด์ "บังโม" ยังมีลุ้นเดินหน้าสร้างสถิติอีกครั้ง เพราะหากเขาสามารถซัดได้อย่างน้อยสองตุงในแมตช์นี้ จะทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะที่ยิงใน พรีเมียร์ลีก ครบ 100 ลูกได้เร็วสุดเป็นอันดับ 4 ที่จำนวน 160 เกม เท่ากับ อองรี  ทันที

     ช่วง 2-3 ซีซั่นที่ผ่านมา ซาลาห์ มักโดนตั้งแง่ว่าหวงบอลไม่ค่อยให้เพื่อนเพราะต้องการสร้างสถิติส่วนตัว แต่จากฟอร์มในเกมนัดเปิดซีซั่นจะเห็นได้ว่า "บังโม" เล่นเป็นทีมมากขึ้นและพร้อมจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมหากมีโอกาสดีกว่า ซึ่งเกมนั้นเขาทำ 2 แอสซิสต์ด้วย

     ฉะนั้นสาวก "เดอะ ค็อป" น่าจะสบายใจได้ว่า ซาลาห์ คงไม่บ้าจี้มองเรื่องสถิติส่วนตัวจนทำให้เกมรุกของทีมเสียสมดุล....

5. แก้เผ็ดเบิร์นลี่ย์
     แม้ คล็อปป์ จะออกมาพูดในงานแถลงข่าวเรื่องแก้แค้น เบิร์นลี่ย์ ที่ทำแสบเอาไว้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ไม่ได้อยู่ในความคิดของเขาเลย แต่สำหรับแข้ง "หงส์แดง" และแฟนบอลนี่คือโอกาสทองที่จะได้เอาคืน "เดอะ คลาเร็ตส์"

     ย้อนไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เบิร์นลี่ย์ บุกมาชนะถึงถิ่นแอนฟิลด์ด้วยสกอร์ 0-1 ซึ่งเป็นการหยุดสถิติไร้พ่ายเกมเหย้าในลีก 68 เกมของพวกเขา ขณะเดียวการคว้า 3 แต้มถือเป็นชัยชนะเกมแรกของ เบิร์นลี่ย์ ที่บ้าน "หงส์แดง" นับตั้งแต่ปี 1974 ด้วย

     ยิ่งไปกว่านั้นการที่ "เดอะ เร้ดส์" ได้กลับมาลงเล่นต่อหน้าสาวก "เดอะ ค็อป" อีกครั้ง ถือเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขาฮึกเหิมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่ต้องรับมือ เบิร์นลี่ย์ ซึ่งทำแสบกับพวกเขาเอาไว้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ยิ่งทำให้นักเตะลิเวอร์พูล คึกคักสุดๆ

     ที่สำคัญหากทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ สามารถปราบ เบิร์นลี่ย์ ได้สำเร็จ มันจะกลายเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสรที่สามารถคว้าชัยชนะเกมลีกสองนัดแรกติดต่อกันเป็นฤดูกาลที่สี่ติดต่อกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »