ตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ถือเป็นหนึ่งในครั้งที่สนุกที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายทีมสุดช็อกของ ลีโอเนล เมสซี่ รวมถึง การรีเทิร์นกลับลีกผู้ดีของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นอกจากนี้ยังมีดีลที่น่าตื่นเต้นอื่นๆอีกมากมาย หลังจากตลาดนักเตะปิดตัวลงเราคงต้องจับตาดูนักเตะใหม่ของแต่ละทีมว่าจะเข้ามาช่วยทีมได้มากน้อยแแค่ไหน แต่ช่วงที่ผ่านมามันก็มีนักเตะป้ายแดงส่วนหนึ่งที่สร้างผลกระทบในแง่ดีให้กับทีมแล้ว นี่คือ 5 นักเตะที่ย้ายทีมแล้วโชว์ฟอร์มเฉิดฉายกับสโมสรใหม่ได้เลย
1.แดนนี่ อิงส์ (เซาธ์แฮมป์ตัน >> แอสตัน วิลล่า)

    เซาธ์แฮมป์ตัน ต้องเสีย แดนนี่ อิงส์ ผู้ซึ่งเป็นดาวซัลโวของทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว (13 ประตู) หลัง แอสตัน วิลล่า ทุ่มเงินราว 30 ล้านปอนด์คว้าตัวมาร่วมทัพ ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าเขาคือนักเตะที่มีฟอร์มสม่ำเสมอมากคนหนึ่งและมักจะโชว์ให้เห็นสัญชาตญาณความเป็นดาวยิงอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าฤดูกาลที่แล้วทีม “นักบุญ” จะมีผลงานไม่ค่อยดีนักแต่ยังมี อิงส์ นี่แหละที่คอยช่วยไม่ให้ฟอร์มของทีมดร็อปลงไปมากกว่านี้

    แอสตัน วิลล่า จำเป็นต้องปล่อยกัปตันทีม แจ็ค กรีลิช ออกจากสโมสร แต่พวกเขายังมีแนวรุกที่น่าจับตามองหลายคนไม่ว่าจะเป็น โอลลี่ วัตกินส์, แบร์กทร็องด์ ตราโอเร่ รวมถึงนักเตะใหม่อย่าง ลีออน เบลี่ย์ อดีตปีกจรวดของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และการเสริมทัพ อิงส์ เข้ามาเพิ่มอีกคนเรียกได้ว่าช่วยยกระดับแนวรุกขึ้นไปอีกขั้น

    กองหน้าวัย 29 ปีประเดิมสนามนัดแรกกับ “สิงห์ผงาด” ก็สามารถทำประตูใส่ วัตฟอร์ด ได้เลย ขณะที่นัดต่อมา อิงส์ ทำให้โลกตะลึงเมื่อโชว์กระโดดวอลเลย์ฟาดบอลเข้าประตูอย่างสวยงามในเกมพบ นิวคาสเซิ่ล ส่วนนัดล่าสุดเขาทำแอสซิสต์ช่วยให้ทีมตามตีเสมอ เบรนท์ฟอร์ด เท่ากับว่าตอนนี้เขาทำ 2 ประตูกับ 1 แอสซิสต์จาก 3 นัดแรกที่ลงเล่น งานนี้ค่าตัว 30 ล้านปอนด์มทีแนวโน้มว่าจะคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

2.โรเมลู ลูกากู (อินเตอร์ มิลาน >> เชลซี)

    คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่ได้เป็นคนเดียวที่กลับมายังพรีเมียร์ลีก แต่ โรเมลู ลูกากู ซึ่งเป็นคู่แข่งดาวซัลโวกันใน เซเรีย อา ก็คัมแบ็กมาสโมสรเดิมเช่นกัน ทั้งสองแข่งขันดาวซัลโวกันจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้ว และเป็น “ซีอาร์7” ที่คว้ารางวัลไปครอง อย่างไรก็ตามด้วยฟอร์มของ ลูกากู ตอนนี้คงไม่ผิดหากจะพูดว่าเขาเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งของยุโรปและเขาเหมาะสมมากสำหรับแผนการเล่นของ โธมัส ทูเคิ่ล

    รูปร่างที่ใหญ่โตช่วยให้ ลูกากู ครอบครองบอลได้อย่างเหนียวแน่นและยังสามารถเชื่อมเกมกับมิดฟิลด์และแนวรุกคนอื่นได้อีกด้วย เขาสร้างอิมแพ็คตั้งแต่นัดแรกที่กลับมาลีกผู้ดีด้วยการยิงประตูใส่ อาร์เซน่อล นอกจากนี้เขายังโชว์ให้เห็นความแข็งแกร่งในการทะลวงแนวรับ “ปืนใหญ่” ได้หลายต่อหลายครั้ง ขณะที่เกมเยือน แอนฟิลด์ นัดล่าสุด เขามีประโยชน์มากในการเก็บบอลแดนหน้าช่วยให้ เชลซี ที่เหลือผู้เล่น 10 คนเล่นได้ง่ายมากขึ้น

    ลูกากู เป็นหนึ่งในตัวเต็งลุ้นรางวัลรองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ หากเขาสามารถสานต่อฟอร์มที่ดีแบบนี้ไปจนจบฤดูกาล เชื่อว่าเขาน่าจะผลิตสกอร์ได้อย่างน้อย 20 ประตูในซีซั่นนี้

3.อาชราฟ ฮาคิมี่ (อินเตอร์ มิลาน >> เปแอสเช)

    ท่ามกลางสตาร์ระดับท็อปที่ เปแอสเช เซ็นสัญญามาในซัมเมอร์นี้ไม่ว่าจะเป็น จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, ลีโอเนล เมสซี่, จานลุยจิ ดอนนารุมม่า หรือ เซร์คิโอ รามอส มีนักเตะคนหนึ่งที่สโมสรยอมทุ่มเงินกว่า 60 ล้านยูโรเพื่อคว้าตัวมานั่นคืออดีตสตาร์ อินเตอร์ มิลาน อย่าง อาชราฟ ฮาคิมี่

    แบ็กขวาวัย 22 ปีรายนี้ทำผลงานเฉิดฉายจนช่วยให้ “งูใหญ่” คว้าแชมป์ เซเรีย อา เมื่อฤดูกาลที่แล้ว สถิติของเขาโดดเด่นมากเมื่อทำ 7 ประตูกับ 11 แอสซิสต์จากการลงเล่น 45 นัดรวมทุกรายการ มันบ่งบอกว่าเขามีจุดเด่นเรื่องการเติมเกมรุกและการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีม ไม่แปลกใจที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะยอมเสียเงินมหาศาลกระชากตัวมาระเบิดฟอร์มที่ลีกเอิง

    ฮาคิมี่ ปรับตัวกับ ลีกเอิง ได้ทันทีและเล่นร่วมกับสตาร์ของทีม คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ และ เนย์มาร์ ได้อย่างลงตัว เขาลงเล่นครบทั้ง 4 นัดแรกพร้อมกับทำ 1 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ เชื่อว่า ฮาคิมี่ จะเป็นกำลังสำคัญในการทวงแชมป์ลีกเอิงรวมถึงลุ้นถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลนี้แน่นอน

4.แทมมี่ อับราฮัม (เชลซี >> โรม่า)

    การเข้ามาของ โรเมลู ลูกากู ส่งผลให้ แทมมี่ อับราฮัม กลายเป็นกองหน้าส่วนเกินของทีม เขาจึงตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการย้ายไปเล่นที่ลีกอิตาลีโดยเซ็นสัญญากับทัพ โรม่า ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ด้วยค่าตัวราว 40 ล้านยูโร บวกโบนัสอีก 5 ล้านยูโร

    อับราฮัม เป็นผลผลิตจากเยาวชนของ เชลซี โดยถูกปล่อยยืมตัวถึง 3 สโมสรรวมเป็นระยะเวลา 3 ฤดูกาล และลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ “เดอะ บลูส์” รวมทั้งหมด 82 นัด เขายิงประตู 30 ลูกและทำ 12 แอสซิสต์ แม้ว่าสถิติจะดูดีทีเดียวแต่เขายังไม่สามารถทำได้ตามคาดหวังของแฟนเชลซีมากนัก การเล่นให้กับ โรม่า จึงน่าจะลดแรงกดดันไปได้มากและมันก็เป็นไปตามคาดจริงๆเมื่อเขาโชว์ฟอร์มโดดเด่นตั้งแต่ 2 เกมแรก

    สตาร์วัย 23 ปีสามารถทำ 2 แอสซิสต์ในเปิดตัว ขณะที่นัดล่าสุดก็ประเดิมยิงประตูแรกเป็นที่เรียบร้อย มูรินโญ่ น่าจะได้หัวหอกคู่ใจคนใหม่แล้ว

5.เมมฟิส เดอปาย (โอลิมปิก ลียง >> บาร์เซโลน่า)

    บาร์เซโลน่า ในยุคที่ไร้ ลีโอเนล เมสซี นั้นหลายคนคงอดห่วงไม่ได้ว่าทีมจะทรุดลงไปมากขนาดไหน แต่สิ่งที่คลายกังวลแฟนบาร์ซ่าได้ในระดับหนึ่งคือพวเขามีคีย์แมนสำคัญคนใหม่เรียบร้อยแล้ว นั่นคือ เมมฟิส เดอปาย ผู้ซึ่งย้ายมาจาก โอลิมปิก ลียง แบบไร้ค่าตัว

    แน่นอนว่ามีคนสงสัยในความสามารถของ เดอปาย เมื่อ บาร์ซ่า เซ็นสัญญามาร่วมทัพ แต่เจ้าตัวพิสูจน์ให้คนเหล่านี้เห็นแล้วว่าพวกเขาคิดผิด โดย เดอปาย มีส่วนร่วมกับประตูทั้ง 3 เกมแรกกับ “เจ้าบุญทุ่ม” โดยยิง 2 ประตูและทำ 1 แอสซิสต์ นอกจากนี้หากย้อนไปยังช่วงปรีซีซั่นเขายังเป็นคนยิงประตูใส่ ยูเวนตุส พร้อมช่วยทีมซิวถ้วย โจอัน กัมเปร์ โทรฟี่

    เชื่อว่าดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์วัย 27 ปีจะกลายเป็นคนสำคัญทั้งตัวสร้างสรรค์เกมรุกและผลิตสกอร์ให้กับ "อาซูลกราน่า" ในฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตามถ้าหาก บาร์เซโลน่า ต้องการที่จะต่อกรกับทีมระดับท็อปของยุโรป  เดอปาย จำเป็นต้องมีนักเตะคอยซัพพอร์ตด้วย