แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานสุดยอดในเกมประเดิมสนามของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลังเปิดรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถล่ม นิวคาสเซิ่ล 4-1 โดยเกมนี้จุดสนใจคงหนีไม่พ้น “ซีอาร์7” ผู้ซึ่งเปิดตัวอย่างสวยหรูด้วยการเหมาสองประตู ทว่ามันยังมีเรื่องอื่นที่น่าเอามาพูดถึงเช่นกัน ดังนั้นเราวิเคราะห์ประเด็นที่เกิดขึ้นในเกมนี้กันทีละข้อเลย
1.เขียนบทมาแล้ว

    คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ห่างหายจากพรีเมียร์ลีกไปมากกว่า 12 ปี โดยครั้งสุดท้ายที่เขาลงเล่นคือเกมพบ อาร์เซน่อล เมื่อพฤษภาคมปี 2009 การรีเทิร์นกลับมาครั้งนี้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับบรรดา “เร้ด อาร์มี่” มากมายซึ่งเขาก็ตอบแทนความคาดหวังนี้ได้อย่างรวดเร็ว

    โรนัลโด้ ออกสตาร์ทตัวจริงตามความคาดหมายของใครหลายคน และเขาใช้เวลาแค่ 45 นาทีก็สามารถเบิกสกอร์แรกให้กับทีมได้สำเร็จ ซึ่งประตูแรกต้องชมสัญชาตญาณการเป็นดาวยิงที่ขยับมายืนถูกที่ถูกเวลาก่อนจะซ้ำบอลเข้าประตูหลังนายด่านนิวคาสเซิ่ลรับกระฉอก ส่วนประตูที่สองเราเหมือนได้เห็น “ซีอาร์7” ที่คุ้นเคยในอดีตเมื่อเขาสปริ้นท์ทำทางให้ ลุค ชอว์ จ่ายบอล ก่อนจะซัดด้วยซ้ายลอดขา วู้ดแมน เข้าประตู ด้วยวัย 36 ปีกับสปีดความเร็วที่จัดจ้านแบบนี้ คงบอกได้คำเดียวว่อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข

    นอกจากเรื่องการยิงประตูแล้ว เขายังมีส่วนร่วมกับเกมรุกบ่อยครั้ง ทั้งพยายามขยับออกมาทางริมเส้นฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ทั้งการเคลื่อนที่ของเขาสร้างปัญหาให้กับ นิวคาสเซิ่ล มากมาย มากไปกว่านั้นการได้ โรนัลโด้ เข้ามาอยู่ในทีมทำให้เพื่อนร่วมสโมสรคึกคักและมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นด้วย โซลชา ให้สัมภาษณ์ว่า “ก่อนเกมนี้ โรนัลโด้ ได้ทำการพูดคุยและปลุกกำลังใจนักเตะทุกคนในทีมด้วย” นี่คือบุคคลิกของผู้นำทั้งในและนอกสนามอย่างแท้จริง

2.บรูโน่คนดีคนเดิม-ป็อกบาสร้างสถิติ

    โรนัลโด้ อาจจะเป็นคนที่ยึดหน้าสื่อช่วงสัปดาห์นี้แต่ยังไง บรูโน่ แฟร์นันด์ มิดฟิลด์ตัวรุกคนเก่งของปีศาจแดงก็ยังมีอิทธิพลกับเกมรุกของทีมเป็นอย่างมาก เขาเชื่อมเกมกับ “ซีอาร์7” ได้ดี และพยายามจ่ายบอลหาเพื่อนร่วมชาติรอบๆเขตโทษบ่อยครั้ง แม้เกมนี้เราอาจจะยังไม่ได้เห็นการประสานงานกันทำประตูของทั้งคู่ แต่ถ้าเล่นด้วยฟอร์มแบบนี้เชื่อว่าฤดูกาลนี้มีให้ได้รับชมแน่นอน  อย่างไรก็ตามสำหรับแมตช์นี้ บรูโน่ ก็ไม่ยอมให้ โรนัลโด้ ได้โดดเด่นเพียงคนเดียว

    ลูกยิงไกลของ บรูโน่ เพอร์เฟคมากๆ ทั้งการวางเท้า, ทิศทาง รวมถึงน้ำหนัก นับเป็นประตูที่ 4 ของเขาในฤดูกาลนี้แล้วขยับขึ้นนำดาวซัลโวร่วมกับ มิคาอิล อันโตนิโอ ด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นจากเขาในเกมนี้คือการเป็นคู่หูรู้ใจกับ ปอล ป็อกบา ทั้งจังหวะขยับหาพื้นที่หรือจังหวะจ่ายบอล ทั้งสองเข้าขากันเป็นอย่างดี ประตูที่ บรูโน่ ยิงไกลก็มาจากการแอสซิสต์ของ ป็อกบา เช่นกัน

    พูดถึง ป็อกบา แล้วต้องบอกว่าตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาเจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมได้เกือบทุกนัดทำให้กลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนาๆ 3 นัดแรกเขาจัดไป 5 แอสซิสต์ และเกมกับ นิวคาสเซิ่ล เขาก็ทำได้เพิ่มอีก 2 แอสซิสต์ด้วย ส่งผลให้มิดฟิลด์เลือดเฟร้นช์สร้างสถิติใหม่กลายเป็นผู้เล่นที่แอสซิสต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกหลังผ่าน 4 นัดแรกของฤดูกาล เห็นผลงานแบบนี้แล้ว “ผีแดง” คงต้องทำทุกวิถีทางที่จะรั้งนักเตะคนนี้ไว้ให้ได้

3.ปัญหายังอยู่ที่มิดฟิลด์

    ย้อนกลับไปเมื่อแมตช์ที่แล้วกับ วูล์แฮมป์ตัน “ผีแดง” มีปัญหามากในการครองเกมแดนกลางและชะลอเกมรุกของคู่แข่ง โดยเกมวันนั้นคนที่โดนวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดคงหนีไม่พ้น เฟร็ด ที่โดนเผาเครื่องไปหลายรอบ ส่วนคู่หูแดนกลางอย่าง ปอล ป็อกบา นั้นไม่ได้มีความโดดเด่นเรื่องเกมรับอยู่แล้ว เฟร็ด จึงต้องแบกรับหน้าที่มิดฟิลด์ตัวรับไว้คนเดียว

    ก่อนเกมกับ นิวคาสเซิ่ล มีข่าวว่าแข้งบราซิลในพรีเมียร์ลีกอาจถูกแบน 5 วันเนื่องจากปฏิเสธไปรับใช้ชาติ ซึ่งตอนหลังทางฟีฟ่าก็เคลียร์เรียบร้อยว่าสามารถลงได้ แต่เหมือน โซลชา ตั้งธงไว้ในใจอยู่แล้วว่าจะใช้ เนมานย่า มาติช ออกสตาร์ทตัวจริง เฟร็ด จึงทำได้แค่นั่งชมที่ม้านั่งสำรอง

    อย่างไรก็ตามเป็นอีกครั้งที่ มาติช ทำผลงานไม่ประทับใจเท่าไหร่นัก เขาพลาดเสียบอลกลางสนามและแดนหลังบ่อยครั้งและไม่สามารถชะลอเกมสวนกลับของ นิวคาสเซิ่ล ได้เลย ขณะที่เกมรุกยังช่วยสร้างสรรค์เกมจากแดนกลางได้น้อยและคิดตัดสินใจเชื่องช้าไปหมด งานนี้แฟนผีอาจจะต้องรอความหวังเดียวอย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ให้หายบาดเจ็บโดยเร็วที่สุด

4.บรูซเหนื่อยแน่

    แม้ว่าต้องยกเครดิตให้กับ นิวคาสเซิ่ล ที่สร้างปัญหาให้กับ แมนฯ​ยูไนเต็ด มากมายแถมลูกยิงตีเสมอของพวกเขาก็เป็นการทำเกมสวนกลับที่ยอดเยี่ยมมากๆ แต่ด้วยผลการแข่งขันนี้แล้ว มันส่งผลให้ “สาลิกาดง” ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้อย่างย่ำแย่เหลือเกิน พวกเขาเก็บได้แค่ 1 แต้มซึ่งได้จากการเปิดรังเสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-2 ก่อนช่วงเบรกทีมชาติ แต่อีก 3 นัดที่เหลือคือพ่ายเรียบวุธ มิหนำซ้ำยังต้องตกรอบ คาราบาว คัพ จากการแพ้ดวลจุดโทษให้กับ เบิร์นลี่ย์ อีก

    ปกติ นิวคาสเซิ่ล มาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทีไรก็สู้ยากอยู่แล้ว นี่พวกเขาต้องขาดกองหน้าคนสำคัญอย่าง คัลลั่ม วิลสัน ไปอีก แถม มาร์ติน ดูบราฟก้า มือหนึ่งของทีมก็ดันบาดเจ็บอยู่ มันเลยส่งผลเสียหายอย่างมาก ถ้าพวกเขาไม่อยากมาลุ้นหนีตกชั้นอีก เกมหน้ากับ ลีดส์ รวมถึง 2 นัดถัดไปกับ วัตฟอร์ด และ วูล์ฟแฮมป์ตัน พวกเขาจำเป็นต้องหาชัยชนะนัดแรกในฤดูกาลนี้ให้ได้

5.ลินการ์ดถึงเวลาตัวจริง

    นี่เป็นอีกหนึ่งนัดที่ เจดอน ซานโช่ นักเตะเจ้าของ 73 ล้านปอนด์ยังสร้างอิมแพ็คกับเกมไม่ได้เท่าที่แฟนบอลคาดหวังกันเอาไว้ ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บจนต้องถอนตัวจากทีมชาติอังกฤษ แต่ว่าเขาผ่านความฟิตจนเป็นตัวเลือกให้กับ โซลชา และเขาก็ได้ออกสตาร์ทตัวจริงในตำแหน่งปีกซ้าย

    ช่วง 45 นาทีแรกเขาถือว่าได้บอลบ่อยครั้งทีเดียว เหลือจังหวะสุดท้ายที่ยังไม่เข้าขากับเพื่อนร่วมทีม ความจริงฟอร์มโดยรวมของเขาดูดีกว่า 2-3 เกมที่ผ่านมาแต่มันอาจจะต้องได้ดีกว่านี้ถ้าหากเขาอยากยึดตัวจริงในทีมชุดนี้

    แต่เมื่อ เจสซี่ ลินการ์ด ลงสนามมาในนาทีที่ 66 เขากลับสร้างความแตกต่างได้ดีกว่า ซานโช่ เสียอีก ลินการ์ด กำลังมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมหลังเพิ่งยิงสองประตูให้กับทีมชาติ อังกฤษ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การตัดสินใจอยู่ แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะสร้างความสงสัยให้กับใครหลายคน แต่ลูกยิงปิดกล่องเกมนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีความมุ่งมั่นมากที่จะยึดตัวจริงให้ได้

    การแย่งตำแหน่งปีกซ้ายและปีกขวาของ แมนฯ ยูไนเต็ด เข้มข้นแน่นอนในฤดูกาลนี้ ถ้าหาก มาร์คัส แรชฟอร์ด กลับมาอีกคน คนที่ทำผลงานไม่ได้มาตรฐานอาจต้องทำใจรอไว้เลย