ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » อิบราไม่มา,ฟีร์มีโน่ไม่มี! 5 ข้อ ลิเวอร์พูล รับมือ เอซี มิลาน ประเดิมแชมเปี้ยนส์ลีก

อิบราไม่มา,ฟีร์มีโน่ไม่มี! 5 ข้อ ลิเวอร์พูล รับมือ เอซี มิลาน ประเดิมแชมเปี้ยนส์ลีก

Posted 15/09/2021 by siamsport

ลิเวอร์พูล เตรียมรับศึกหนักในแมตช์ปะทะ เอซี มิลาน ที่สนามแอนฟิลด์ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดแรก วันพุธที่ 15 กันยายนนี้ โดยแมตช์นี้ "หงส์แดง" ต้องพยายามเก็บชัยชนะให้ได้เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย
    
"ปีศาจแดงดำ" บุกเยือนดินแดนผู้ดีโดยไม่มี ซลาตัน อิบาฮิโมวิช กองหน้าตัวสำคัญที่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน แต่ฝั่งของ "หงส์แดง" ก็พลาดใช้งาน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่ยังต้องพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังหัวเข่า

อย่างไรก็ตามแนวรุกของเจ้าบ้านยังอันตรายเหมือนเดิม ขณะที่ "รอสโซเนรี่" ก็ยังมี โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หัวหอกจอมเก๋า ซึ่งมีสถิติที่ดีเยี่ยมเวลาที่ลงสนามพบกับ "เดอะ เร้ดส์" ฉะนั้นในแมตช์นี้เกมรับของทั้งสองทีมต้องเล่นให้ดี เพราะหากเผลอหรือทำพลาดเพียงนิดเดียว มีสิทธิ์เสียประตูได้ทันที

1. ฟีร์มีโน่ยังไม่พร้อม
สิ่งที่ถือว่าน่าเสียดายในแมตช์นี้ก็คือการที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยังไม่พร้อมที่จะกลับมาช่วยทีม โดยนักเตะมีปัญหาบาดเจ็บตั้งแต่เกมที่ช่วย "หงส์แดง" เสมอ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เมื่อสองสัปดาห์ก่อน

เกมล่าสุดที่บุกไล่ต้อน "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด กองหน้าชาวบราซิเลียน ได้แต่นั่งเชียร์เพื่อนอยู่ที่บ้าน เพราะ คล็อปป์ ต้องการให้นักเตะพักฟื้นร่างกาย เพื่อจะได้พร้อมสำหรับแมตช์สำคัญรับมือ เอซี มิลาน

อย่างไรก็ตามจากการซ้อมล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ฟีร์มีโน่ ไม่ได้อยู่ในสนามซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม เพราะเขายังต้องพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังหัวเข่าซึ่งดูเหมือนว่าอาการยังไม่ดีขึ้นในเวลานี้ ส่วนเรื่องกำหนดเวลาคืนทัพตอนนี้ "หงส์แดง" ยังไม่รีบร้อน เพราะอยากให้ "บ็อบบี้" ฟิตสมบูรณ์เต็มที่

กระนั้นในส่วนของแนวรุกนอกจากนี้ 3 ประสานอย่าง ดีโอโก้ โชต้า, ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มพีคสุดๆ แล้ว ทีมยังได้ ทาคุมิ มินามิโนะ หายเจ็บกลับมาซ้อมกับทีม ซึ่งทำให้ขุมกำลังยังพอที่จะมีตัวเลือกในเกมบุกมากขึ้น

2. ขาด ซลาตัน แต่ยังมี ชิรูด์
ขณะที่ เอซี มิลาน ต้องบอกเลยว่าเป็นข่าวร้ายสุดๆ ของพวกเขาเพราะ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ไม่สามารถลงช่วยทีมได้เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวาย ทำให้ไม่ได้ร่วมเดินทางกับทัพ "ปีศาจแดงดำ" บุกถิ่นแอนฟิลด์

"อิบรา" ถือเป็นนักเตะที่อันตรายที่สุดสำหรับ คล็อปป์ โดยกุนซือชาวเยอรมันยกย่อง หัวหอกชาวสวีดิช ว่าเป็นนักเตะที่มีความพิเศษ ขนาดเพิ่งหายเจ็บยังสามารถลงสนามและยิงประตูให้กับต้นสังกัดได้ในเกมชนะ ลาซิโอ 2-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

แน่นอนว่าการขาด อิบราฮิโมวิช คงทำให้แนวรับของ ลิเวอร์พูล ไม่ต้องเจอกับงานหนักมากนัก แต่กระนั้นอย่าลืมว่า มิลาน ยังมีหัวหอกชั้นดีที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่อันตรายทุกจังหวะ โดยเฉพาะลูกกลางอากาศ

อดีตดาวยิง "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล และ เชลซี ยังสามารถขู่แนวรับของเจ้าบ้านได้ โดยสถิติของเขาถือว่าเยี่ยมมากๆ  เพราะซัดไป 8 ประตูจาก 16 แมตช์ที่มีโอกาสได้ปะทะแข้งกับทัพ "หงส์แดง"

3. มาติป-ฟาน ไดค์ คู่เซนเตอร์แบ็กสุดแกร่ง
ตอนนี้คงไม่มีสาวก "เดอะ ค็อป" ปฏิเสธว่า โฌแอล มาติป กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ คือสองกองหลังที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะพวกเขาช่วยให้ทีมไม่เสียประตูในลีก 3 จาก 4 แมตช์ที่ผ่านมา

มาติป กลับมาฟิตสมบูรณ์ และทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะในเกมที่ถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด เจ้าตัวแสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำ และพยายามที่จะช่วยเติมเกมบุก ส่วนเกมรับก็เหนียวแน่นทั้งลูกกลางอากาศ และลูกเรียด

ขณะที่ ฟาน ไดค์ มาตรฐานของเขายังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม แม้หากมองจากภาพรวมแล้วนักเตะยังเล่นไม่เต็มร้อยซักเท่าไหร่ เพราะด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ได้ลงสนามมานานเกือบทั้งซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้เขายังคงต้องใช้เวลาในการปรับจูนอีกสักพัก

ด้วยฟอร์มที่สุดยอดของสองปราการเหล็กจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ต้องออกมาซูฮก เพราะการเล่นที่แข็งแกร่งของพวกเขาทำให้ โกลชาวบราซิเลียน ไม่ต้องทำงานหนักมากนัก และนั่นจึงส่งผลต่อผลงานของ "หงส์แดง" ในเวลานี้

4. มาเน่ ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวเอง
หลายคนมองว่าฤดูกาลนี้ ซาดิโอ มาเน่ ทำผลงานได้ดีเยี่ยมมากๆ เพราะนักเตะช่วยประสานงานเกมรุกให้ "หงส์แดง" ได้อย่างไหลลื่น แต่มีข้อเสียอยู่เรื่องเดียวก็คือจังหวะการจบสกอร์ที่ขาดความเฉียบคมไปหน่อย

ในเกมกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เห็นได้ชัดว่า มาเน่ มีจุดบอดในเรื่องการยิงประตู เพราะแมตช์ดังกล่าวเขามีโอกาสได้ง้างเท้าตะบันตาข่ายคู่แข่งถึง 10 ครั้ง แต่กลับทำได้แค่ 1 ลูกซึ่งเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บซะด้วย

ฉะนั้นสิ่งนี้ คล็อปป์ คงต้องเน้นย้ำ มาเน่ ว่าให้มีความละเอียดในการยิงประตู เนื่องจากการเล่นเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป ไม่เหมือนในลีก หากพลาดโอกาสสำคัญไป อาจจะส่งผลต่อรูปเกมไปเลยก็ได้

ขณะเดียวกันในแมตช์รับมือ เอซี มิลาน หาก ดาวเตะชาวเซเนกัล สามารถส่งบอกไปซุกก้นตาข่ายได้อย่างน้อย 1 ลูก จะทำให้เขามีสถิติซัด 20 ประตูในเกม "บิ๊กเอียร์" และทำให้เจ้าตัวสามารถเดินตามรอย โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซามูเอล เอโต้ และ ดีดิเยร์ ดร็อกบา ซึ่งเป็นแข้งจากแอฟริกาที่ยิงประตูได้มากขนาดนี้

5. การเริ่มต้นดีย่อมสร้างหนทางที่สดใส
แน่นอนว่าเกมนี้ถือเป็น "บิ๊กแมตช์" อย่างแท้จริง เพราะ มิลาน กับ ลิเวอร์พูล ได้ชื่อว่าเป็นสโมสรมหาอำนาจลูกหนัง และแน่นอนว่าการห่ำหั่นในแมตช์นี้ พวกเขาต้องการสามคะแนนเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย

อย่าลืมว่า กลุ่ม บี คือกลุ่มแห่งความตาย หรือ "กรุ๊ป ออฟ เดด" เพราะคู่แข่งของพวกเขายังมี แอตเลติโก มาดริด และ เอฟซี ปอร์โต้ ฉะนั้นในแมตช์ประเดิมสนามการได้รับชัยชนะจะทำให้ทีมได้เปรียบทันที

แม้ว่าในแมตช์นี้มันจะไม่ได้มีโทรฟี่แชมป์อะไรเลย แต่นี่คือเกมสำคัญที่อาจจะกรุยทางทุกๆ ทีมได้เข้าไปสู่มหานครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ดินแดนที่เป็นเจ้าภาพในนัดชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2021/2022 !!!

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »