มาเน่จารึกประวัติศาสตร์,โกนาเต้เปิดตัวสวย! 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล ถล่ม พาเลซ ยึดจ่าฝูง
Posted 19/09/2021 by siamsport
Error 503 Backend fetch failed
Backend fetch failed
Guru Meditation:
XID: 113683280
Varnish cache server
ลิเวอร์พูล ยังคงโชว์ฟอร์มแกร่งอย่างต่อเนื่องโดยแมตช์ล่าสุดเปิดรัง แอนฟิลด์ ไล่ยำ คริสตัล พาเลซ 3-0 ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ตอนนี้ "หงส์แดง" โบยบินขึ้นไปยึดจ่าฝูงชั่วคราวเรียบร้อยแล้ว
เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจโรเตชั่นแนวรับอีกครั้งด้วยการส่ง อิบราฮิม่า โกนาเต้ ลงเล่นแมตช์แรกร่วมกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ซึ่งนักเตะโชว์ฟอร์มได้ดี และสอบผ่านกับการลงเล่นในลีกสุดหิน ขณะที่ ซาดิโอ มาเน่ ได้สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะแข้งพรีเมียร์ลีกคนแรกที่ซัดที่ยิงคู่แข่งทีมเดียวกัน 9 นัดติด
สำหรับ ปาทริค วิเอร่า กุนซือเลือดเฟร้นช์ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการกุมบังเหียนออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยแมตช์นี้เขาวางแท็กติกสู้กับเจ้าบ้านได้อย่างสนุก แม้คุณภาพของตัวผู้เล่นจะเป็นรอง แต่ความกล้าในการสู้กับทีมใหญ่มีเต็มเปี่ยม
1. โกนาเต้ เปิดตัวใช้ได้
คล็อปป์ เลือกใช้ระบบโรเตชั่นแนวรับโดยต้องการให้ โฌแอล มาติป พัก เนื่องจากลงสนามติดต่อกันตั้งแต่เปิดซีซั่น ทำให้แมตช์นี้ อิบราฮิม่า โกนาเต้ มีโอกาสได้ลงสนามเปิดตัวในเกมพรีเมียร์ลีก ซึ่งผลงานของเขาถือว่าสอบผ่านเลยทีเดียว
การได้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ลงมาทำหน้าที่บัญชาเกมรับเหมือนเดิม หลังได้พักในแมตช์ชนะ เอซี มิลาน ทำให้ โกนาเต้ มีพี่เลี้ยงชั้นยอดในการลงสนามเกมนี้ และการได้ ปราการหลังชาวดัตช์ คอยช่วยประคองทำให้เขาเล่นด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะเมื่อต้องปะทะกับนักเตะที่มีความคล่องตัวสูงอย่าง วิลฟรีด ซาฮา และผู้เล่นที่เต็มไปด้วยพละกำลังอย่าง คริสติย็อง เบนเตเก้ ได้อยู่หมัด โดยไม่ยอมให้ทั้งสองคนมีโอกาสได้เล่นสบายๆ ในกรอบเขตโทษเลย
นอกจากนี้ยังมีจังหวะที่ โกนาเต้ โชว์ให้เห็นถึงการเล่นที่นิ่งและแข็งแกร่งในจังหวะวิ่งเบียดกับ ออดซอนน์ เอดูอาร์ด ในเขตโทษก่อนจะบล็อกลูกยิงเอาไว้ได้อย่างสุดยอด ที่สำคัญความเร็วของเขาช่วยให้ ฟาน ไดค์ ทำงานได้สบายมากขึ้น
สำหรับฤดูกาลนี้ สาวก "เดอะ ค็อป" คงแฮปปี้กันถ้วนหน้าเพราะตอนนี้ 4 เซนเตอร์แบ็กของทีมสามารถสับเปลี่ยนหมุนเวียนลงสนามมาช่วยทีมได้ และไม่ว่าจะส่งคนไหนลงเล่น เกมรับของ ลิเวอร์พูล ก็ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม
2. มาเน่ จารึกประวัติศาสตร์
ตอนนี้ ซาดิโอ มาเน่ สามารถจารึกชื่อตัวเองในหน้าประวัติศาสตร์สโมสรตามรอย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้แล้ว เมื่อเขาจัดการซัดประตูที่ 100 ให้กับ "เดอะ เร้ดส์" จากการลงสนาม 224 เกมในทุกรายการ ซึ่งทำให้เขาเป็นนักเตะคนที่ 18 ของทีมที่ตะบันลูกหนังเข้าหลักร้อย
ประตูขึ้นนำในครึ่งแรกของ มาเน่ ยังทำให้เขากลายเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีก คนแรกที่ยิงคู่แข่งทีมเดียวกัน 9 นัดติด แน่นอนว่าสิ่งนี้คงทำให้ ดาวเตะชาวเซเนกัล มีความฮึกเหิมในการไล่ล่าตาข่ายคู่แข่งมากยิ่งขึ้นในฤดูกาลนี้
จะว่าไปแล้วเกมนี้ มาเน่ ก็ไม่ได้โชว์ฟอร์มโดดเด่นอะไรมากนัก โอกาสในการยิงประตูก็น้อยกว่าในแมตช์ที่ถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่เขาครั้งนี้เขาใช้โอกาสไม่เปลื้อง และที่สำคัญเจ้าตัวมักจะยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลา จนทำให้ทีมได้ประตูขึ้นนำอย่างที่เห็น
ขณะที่ "บังโม" ยังคงรักษามาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเจอความยากลำบากในการต้องดวลกับ ไทริค มิตเชลล์ แต่ด้วยประสบการณ์และความสามารถเฉพาะตัวทำให้เขาเอาตัวรอดได้ แถมยังยิงประตูที่สองให้ทีมอีกต่างหาก
ส่วน ดีโอโก้ โชต้า ถือว่าทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานเพราะนักเตะไม่สามารถช่วยอะไรทีมได้มากนัก แถมยังมีโอกาสซัดจ่อๆ แต่ดันตะบันข้ามคาน ความจริงแล้วหาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ไม่เจ็บ คาดว่าเขาคงได้ลงสนามแทน ดาวเตะชาวโปรตุกีส แน่นอน
3. แดนกลางสุดยอด, เกอิต้า ยิงประตูอย่างงาม
แมตช์นี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่ คล็อปป์ จะได้ใช้งาน 3 มิดฟิลด์ชั้นยอดของยุโรปนั่นก็คือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่ และ ติอาโก้ อัลกันทาร่า ซึ่งพวกเขาทั้งสามคนมีโอกาสได้ลงเล่นตัวจริงร่วมกันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
สำหรับฟอร์มของทั้ง 3 คนต้องยอมรับว่ายอดเยี่ยมมากๆ โดย ฟาบินโญ่ คอยทำหน้าที่คุมจังหวะและตัดเกม ขณะที่ ติอาโก้ ใช้ทักษะและชั้นเชิงลูกหนังในการปั้นเกมรุก ส่วน "กัปตันเฮนโด้" มีหน้าที่เติมเกมทะลุทะลวงโดยเฉพาะการประสานงานกับ ซาลาห์ ทางฝั่งขวา ถือว่ายอดเยี่ยมไม่มีที่ติ
นอกจากนี้ เฮนเดอร์สัน ยังแสดงให้เห็นถึงพละกำลังในการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น โดยพยายามช่วยแบ่งเบาภาระ ฟาบินโญ่ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ติอาโก้ ซึ่งไม่ได้เล่นจนจบเกมเมื่อมีปัญหาบาดเจ็บในช่วงเกือบครึ่งชั่วโมงสุดท้าย
จะว่าไปแล้วหาก ติอาโก้ อัลกันทาร่า ไม่มีปัญหาบาดเจ็บแฟนบอลลิเวอร์พูล อาจจะไม่ได้เห็นการยิงประตูสุดสวยของ นาบี เกอิต้า แต่เมื่อสวรรค์ขีดเส้นให้ทุกอย่างมันจึงประจวบเหมาะลงตัวพอดีเป๊ะอย่างน่าเหลือเชื่อ ก็แหมขนาดคนยิงยังยืนงงในดง "ดิ อีเกิลส์" ราวกับว่าบอลมันเข้าไปได้ยังไง...
4. วิเอร่า สร้าง พาเลซ เล่นได้สนุกเร้าใจ
ต้องยอมรับว่า ปาทริค วิเอร่า มีฝีไม้ลายมือในการคุมทีมไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะแมตช์นี้เขาวางแท็กติกให้ "ดิ อีเกิ้ลส์" บุกมาถึงรังแอนฟิลด์ ด้วยหัวใจนักสู้ และไม่คิดที่จะเล่นสไตล์ตั้งรับสวนกลับเหมือนกับ รอย ฮ็อดจ์สัน
หากใครเคยได้ชมเกมของ พาเลซ ในยุคของ ฮ็อดจ์สัน คงจะจำกันได้ว่าพวกเขาจะเป็นทีมสไตล์เน้นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งหากได้ประตูขึ้นนำก็จะพยายามรักษาผลการแข่งขัน และคอยรอจังหวะเพื่อสวนกลับ ซึ่งแนวทางการเล่นแบบนี้ไม่มีให้เห็นในยุคของ วิเอร่า
กุนซือเลือดเฟร้นช์ เลือกที่จะให้ลูกทีมเล่นเพรสซิ่งสู้กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งในช่วงต้นเกมถือว่าได้ผลสะดวกและเกือบจะทำประตูเจ้าบ้านได้ด้วยซ้ำ ขณะที่ครึ่งหลังผลงานของทีมก็ยังอันตรายและสร้างโอกาสได้หลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่ขาดความเฉียบคมในแดนหน้า
นอกจากนี้ วิเอร่า ยังสามารถดึงศักยภาพชั้นยอดของ คอนนอร์ กัลลาเกอร์ ออกมาได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับ ออดซอนน์ เอดูอาร์ด ที่เริ่มฉายแววนักเตะชั้นยอด เมื่อลงสนามในครึ่งหลังและปั่นป่วนเกมรับของ ลิเวอร์พูล ได้ดีมากๆ ที่สำคัญเกือบทำประตูได้ แต่โดน อลีสซง เบ็คเกอร์ ปฏิเสธซะก่อน ขณะที่ ซาฮา ก็ได้ใช้ทักษะและความเร็วของตัวเองอย่างเต็มที่
การดวลกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (ชนะ 3-0) และ ลิเวอร์พูล ติดต่อกัน แต่ฟอร์มการเล่นโดดเด่นและวูบวาบน่ากลัวไม่ใช่น้อย ที่สำคัญ วิเอร่า ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นพวกกุนซือที่มี "ความกล้า" แม้คุณภาพทีมอาจจะด้อยกว่า "บิ๊กซิกซ์" ก็ตาม !!
5. กล้าโรเตชั่นเพื่อประโยชน์ของทีม
คล็อปป์ รู้ซึ้งแล้วว่าการที่ใช้งานนักเตะชุดเดิมๆ หลายแมตช์ติดต่อกันย่อมส่งผลเสียกับทีมในระยะยาว ด้วยเหตุนี้เขาจึงเริ่มให้ความสำคัญกับระบบโรเตชั่น ที่สำคัญการทำแบบนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช เชื่อมั่นในขุมกำลังที่มีอยู่ แม้แทบไม่ได้เสริมทัพเลยในช่วงซัมเมอร์นี้
มีหลายคนอาจจะค่อนขอดว่า ลิเวอร์พูล มีขุมกำลังสำรองที่อ่อนด้อย แต่ คล็อปป์ ไม่ได้สนใจกับเสียงวิจารณ์ที่เต็มไปด้วยอคติ เพราะขนาดในเกมใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับ เอซี มิลาน เขายังกล้าโรเตชั่นแนวรับ นั่นแสดงให้เห็นถึงความกล้า และเชื่อมั่นในขุมกำลังที่มีอยู่ในทีม
ในเกมนี้ คล็อปป์ ก็ยังคงโรเตชั่นแนวรับและแดนกลาง แต่ผลงานก็ออกมาโดดเด่น ขณะที่แนวรุกพวกเขามีตัวเลือกน้อย จึงต้องใช้งาน โชต้า, มาเน่ และ ซาลาห์ ก่อนจะส่ง ดิว็อค โอริกี้ ลงสนามในช่วงท้ายครึ่งหลัง
ขณะเดียวกันในแมตช์ต่อไปที่จะลงเล่นเกม คาราบาว คัพ ดวล นอริช ซิตี้ วันอังคารที่จะถึงนี้ แน่นอนว่าบรรดานักเตะสำรองและดาวรุ่งทั้ง ควีวิน เคลเลเฮอร์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เคอร์ติส โจนส์, ทาคุมิ มินามิโนะ และ แนต ฟิลลิปส์ เตรียมได้ลงสนามเพื่อพิสูจน์ฝีเท้าของพวกเขา
แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนักกับฟุตบอลถ้วยในประเทศอังกฤษยุคของ คล็อปป์ แต่หากทีมยังอยู่ในการแข่งขันเหล่านี้ นั่นหมายความว่าพวกตัวสำรองจะมีโอกาสได้ลงเล่นมากขึ้น ฉะนั้นพวกเขาคงจะสู้อย่างเต็มที่เพื่อแสดงผลงานให้ คล็อปป์ ได้เห็น และช่วยทีมผ่านเข้ารอบให้ลึกที่สุด
Error 503 Backend fetch failed
Backend fetch failed
Guru Meditation:
XID: 113683282
Varnish cache server
Error 503 Backend fetch failed
Backend fetch failed
Guru Meditation:
XID: 113683284
Varnish cache server
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ซาลาห์,อลีสซงเยี่ยม!ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลเกมถล่มพาเลซ
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เก็บสามแต้มเพิ่มได้ตามเป้า พร้อมขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก แบบหล่อๆ หลังเปิดรัง แอนฟิลด์ กด คริสตัล พาเลซ 3-0 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยที่เกมนี้ อิบราฮิมา โกนาเต้ ได้รับโอกาสลงเล่นให้ทีมเป็นนัดแรก และนี่คือผลสอบของลูกทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่ละคนในแมตช์นี้มาเน่ซัดลูกที่100!ลิเวอร์พูลดุถล่มพาเลซยับขึ้นนำฝูงเดี่ยวชั่วคราว
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ฟอร์มจัดจ้าน เปิดบ้านถล่ม คริสตัล พาเลซ นิ่ม 3-0 ซาดิโอ มาเน่ ทำสถิติซัดลูกที่ 100 ให้สโมสร ก่อนแบ่งที่เหลือให้ โม ซาลาห์ กับ เกอิต้า ยิงเก็บสามคะแนนที่ต้องการ ลงเตะ 5 นัด มี 13 คะแนน นำเดี่ยวจ่าฝูงแต่เพียงผู้เดียวชั่วคราว ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 18 กันยายน 2564พรีเมียร์ลีก อังกฤษลิเวอร์พูล 3-0 คริสตัล พาเลซวันเสาร์ที่ 18 กันยายน 2564สนาม : แอนฟิลด์ฟุตบอลพรีเมียร์...เคยร่วมงาน!ริชาร์ดส์ชูซาลาห์ทำหลายอย่างได้ดีเหมือนเมสซี่
ไมกาห์ ริชาร์ดส์ อดีตแนวรับชาวอังกฤษ ระบุ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แข้งคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล สามารถทำหลายอย่างได้เหมือนกับ ลิโอเนล เมสซี่ ไม่มีผิด พร้อมยกย่อง ซาลาห์ ว่าดูแลร่างกายของตัวเองดีมากๆ ตั้งแต่สมัยเล่นให้ ฟิออเรนติน่า แล้วรุมเมนิกเก้ฟันธง1ทีมยักษ์พรีเมียร์ฯเมินซื้อฮาแลนด์แน่นอน
คาร์ล ไฮน์ซ- รุมเมนิกเก้ อดีตบิ๊กบอส บาเยิร์น มั่นใจว่ายังไงซะ เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ ก็จะไม่มีทางได้ย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล เพราะเจ้าของทีม "หงส์แดง" ไม่ใช่พวกที่ทุ่มเงินแบบบ้าเลือด พร้อมเชื่อว่า เรอัล มาดริด น่าจะเป็นทีมที่เดินแผนล่าตัวดาวเตะชาวนอร์เวย์อย่างจริงจัง
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
Error 503 Backend fetch failed
Backend fetch failed
Guru Meditation:
XID: 113683286
Varnish cache server
Error 503 Backend fetch failed
Backend fetch failed
Guru Meditation:
XID: 113683288
Varnish cache server
Error 503 Backend fetch failed
Backend fetch failed
Guru Meditation:
XID: 113683290
Varnish cache server
Error 503 Backend fetch failed
Backend fetch failed
Guru Meditation:
XID: 113683292
Varnish cache server