ระดับ 5 ดาว!ผ่า 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล-แมนซิตี้ เปิดหน้าแลกหมัดแบบไม่กลัวแพ้
Posted 04/10/2021 by siamsport
สมกับเป็นคู่ "บิ๊กแมตช์" ที่แฟนบอลทั่วโลกตั้งตาคอย โดย ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เล่นกันได้อย่างสนุกเร้าใจตั้งแต่นาทีแรกจนหมดเวลา และสุดท้ายทั้งสองทีมเสมอกันไปสุดมัน 2-2 ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา
แมตช์นี้ทั้งสองทีมโดดเด่นกันฝ่ายละครึ่ง โดยช่วง 45 นาทีแรก "เรือใบสีฟ้า" ทำผลงานได้เหนือกว่าเจ้าบ้าน สร้างโอกาสในการทำประตูได้บ่อย แต่จบสกอร์ยังไม่เฉียบคม ขณะที่ "เดอะ เร้ดส์" เล่นได้อย่างสุดยอดในครึ่งหลัง และมีโอกาสยิงประตูหลายครั้ง
สำหรับนักเตะที่ต้องบอกว่าได้รับคำชื่นชมอย่างมากในแมตช์นี้คงหนีไม่พ้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทั้งยิงทั้งจ่าย โดยเฉพาะประตูขึ้นนำ 2-1 ต้องบอกว่าเป็นการโชว์ทักษะระดับเวิลด์คลาสของ "บังโม" อย่างแท้จริง
แม้เกมนี้จะจบลงด้วยผลเสมอกันก็ตาม แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่เปิดหน้าใส่กันแบบไม่มีหยุด คงจะทำให้แฟนบอลของทั้งสองทีมรวมคุ้มค่ากับการได้ชมเกมระดับ 5 ดาวแบบนี้
1. ลิเวอร์พูลต้องเก็บซาลาห์เอาไว้ให้ได้
ตอนนี้หลายคนเริ่มคิดไปในทิศทางเดียวกันแล้วว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อาจจะเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในเวลานี้ หลังจากที่เขาแสดงผลงานสุดยอดมาตลอดในสีเสื้อ "หงส์แดง" โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นมาตลอด
สำหรับแมตช์นี้ "บังโม" แสดงให้เห็นถึงคุณภาพชั้นยอดของเขาโดยเฉพาะในครึ่งหลังที่ ซาลาห์ จัดการป่วนเกมรับของ "เรือใบสีฟ้า" ได้ตลอด ที่สำคัญ 2 ประตูของ ลิเวอร์พูล มาจากความสุดยอดดาวเตะชาวอียิปต์อย่างแท้จริง
ซาลาห์ โชว์ความเฉียบคมในจังหวะการแอสซิสต์ให้กับ ซาดิโอ มาเน่ ซึ่งน้ำหนักทิศทางพอดีเป๊ะทำให้ ดาวเตะชาวเซเนกัล สามารถซัดได้ทันที ขณะที่ประตู 2-1 ต้องซูฮกให้กับความสามารถเฉพาะตัวของ "บังโม" ที่โชว์สเต๊ปหลอกแข้ง แมนฯ ซิตี้ ก่อนจะส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย
แม้ว่าท้ายที่สุดเกมจะจบลงด้วยการแบ่งแต้มก็ตาม แต่ด้วยผลงานของ ซาลาห์ ในเกมนี้คงจะทำให้เขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ และงานนี้สาวก "เดอะ ค็อป" จะได้เห็นความยอดเยี่ยมของแข้งเบอร์ 1 ประจำสโมสรอีกแน่นอน
ที่สำคัญสิ่งที่บอร์ดบริหารควรจะต้องทำก็คือการจับ ซาลาห์ ขยายสัญญาฉบับใหม่ให้เร็วที่สุด และหากต้องยอมจ่ายค่าเหนื่อยตามที่นักเตะเรียกร้อง ก็ควรทำ เพราะฟอร์มในเวลานี้บอกเลยว่า ลิเวอร์พูล ขาดเขาไม่ได้จริงๆ
2. มาติปยิ่งเล่นยิ่งแกร่ง
สำหรับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ คงไม่มีใครเหมาะสมมากไปกว่า โฌแอล มาติป อีกแล้ว โดยฟอร์มของเจ้าตัวโดดเด่นมากๆ ในช่วงต้นซีซั่น และในเกมนี้เขาก็สมควรที่จะได้รับคำชมจากการจัดการเกมบุกของ แมนฯ ซิตี้ ได้อยู่หมัด
ในส่วนของเกมรับ มาติป คอยตัดจังหวะการผ่านของ "เรือใบสีฟ้า" ได้อย่างแม่นยำ ช่วยทีมเคลียร์บอลได้ตลอด และบางครั้งยังคอยไปยืนในตำแหน่งฟูลแบ็กเวลาที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ เจมส์ มิลเนอร์ ดันขึ้นสูง
ขณะเดียวกัน ดาวเตะชาวแคเมอรูน ยังพยายามที่จะช่วยเล่นเกมบุกด้วยการลำเลียงบอลขึ้นไปในแดน แมนฯ ซิตี้ ซึ่งในเกมนี้จะเห็นได้ว่าเขามักจะลากบอลขึ้นมาจากแดนหลัง และพยายามหาช่องเพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้เล่นเกมรุกอยู่บ่อยๆ
อย่างไรก็ตามจุดที่น่าเสียดายสำหรับ มาติป ก็คือจังหวะที่ทีมเสียประตูที่สอง เพราะหากพูดกันแบบตรงๆ ทิศทางที่ลูกยิงของ เควิน เดอ บรอยน์ พุ่งไปเห็นได้ชัดว่า อลีสซง เบ็คเกอร์ มีโอกาสปัดได้สูงมาก แต่บอลดันไปแฉลบตัว มาติป เปลี่ยนทาง ....นี่แหละฟุตบอลบางครั้งเรื่องโชคร้ายก็มักจะเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว
3. มิลเนอร์ เจองานหนักเกือบตาย
เกมนี้ คล็อปป์ จำเป็นต้องใช้งาน เจมส์ มิลเนอร์ เนื่องจาก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังไม่ฟิตลงสนาม และต้องยอมรับว่าดาวเตะจอมเก๋าเลือดผู้ดีเป็นบ่อน้ำมันชั้นดีให้ แมนฯ ซิตี้ ไล่เจาะอย่างเมามันตลอดทั้งเกม
มิลเนอร์ มีปัญหาอย่างมากในการรับมือกับ ฟิล โฟเด้น ที่ทั้งหนุ่ม, รวดเร็ว, เทคนิคดี และมีความคล่องแคล่วว่องไว โดยหลายครั้งที่ ดาวเตะหมายเลข 7 ถูกแข้งรุ่นน้องหลอกหัวทิ่มหัวตำ และสุดท้ายก็ต้องทำฟาวล์จนโดนใบเหลืองในช่วงครึ่งแรก
ในขณะที่ครึ่งหลัง มิลเนอร์ ก็ยังโดน โฟเด้น กับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เล่นงานไม่หยุด ที่สำคัญเขายังโชคดีสุดๆ ที่ไม่โดนใบเหลืองที่ 2 จากการทำฟาวล์ ปีกชาวโปรตุกีส ในช่วงที่สกอร์เสมอ 1-1 ซึ่งนั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ คล็อปป์ จำเป็นต้องถอดเขาออก เพราะขืนยังเล่นต่อมีสิทธิ์โดนไล่ออกแน่นอน
สำหรับการใช้ โจ โกเมซ มายืนในตำแหน่งแบ็กขวาก็ยังไม่ดีนัก แต่ด้วยความหนุ่มและความเร็ว ทำให้เขายังพอที่จะสู้กับพวกแข้งทักษะสูงของ แมนฯ ซิตี้ ได้บ้าง อย่างไรก็ตามหากพิจารณาดีๆ ทั้ง 2 ประตูที่ "หงส์แดง" เสียเกิดจากการขึ้นเกมทางฝั่งขวาของเจ้าบ้านล้วนๆ
ฉะนั้นนี่เป็นจุดที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ต้องหาทางแก้ไขเป็นการด่วน เพราะต่อให้เกมนี้ "หนุ่มเทรนต์" ลงเล่นได้ ก็ไม่แน่ว่าจะจัดการกับแนวรุกที่วูบวาบของทัพ "สำเภาทอง" ได้หรือเปล่า เนื่องจากแบ็กขวาทีมชาติอังกฤษก็เป็นประเภทเกมรับรั่วเช่นกัน !!
4. ซิลวา โดดเด่นคู่ควรอยู่แมนซิตี้ต่อไป
ตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยืนยันว่า แบร์นาโดร์ ซิลวา เป็นหนึ่งในนักเตะของ แมนฯ ซิตี้ ที่ต้องการย้ายออกจากถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม แต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะสู้เพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริงกลับมาให้ได้ และก็ทำได้ดีเยี่ยมซะด้วย
ดาวเตะวัย 27 ปี เป็นหนึ่งในแข้ง "เรือใบสีฟ้า" ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมเยือน ลิเวอร์พูล โดยเขาเป็นผู้เล่นที่สามารถปั่นป่วนเกมรับของ "หงส์แดง" ได้ตลอด และพยายามที่จะสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมเข้าไปทำประตู
ในช่วง 45 นาทีแรก ปีกชาวโปรตุกีส ใช้ความเร็วและทักษะที่ว่องไวในการจัดการกับแผงแบ็กโฟร์ของเจ้าบ้านได้ตลอด และยังพยายามวิ่งหาช่องเพื่อที่จะเข้าไปทำประตูด้วย ที่สำคัญความเร็วของเขาสามารถเรียกฟาวล์ได้อยู่บ่อยๆ และในครึ่งหลังเกือบทำให้ มิลเนอร์ ต้องโดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงด้วย
ผลงานในแมตช์นี้น่าจะทำให้ "เป๊ป" จำเป็นต้องเก็บ ซิลวา เอาไว้ เพราะศักยภาพของเขายังสามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้อีกเยอะ โดยเฉพาะในซีซั่นนี้ที่มีการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ลีกกันอย่างดุดัน การมีนักเตะแบบเขาอยู่ในทีมจะช่วยสร้างความแตกต่างได้เยอะมากๆ
5. เกมคุณภาพระดับ 5 ดาว
แมตช์นี้ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ลิเวอร์พูล-แมนฯ ซิตี้ และแฟนเฉพาะกิจ "เรือใบสีฟ้า" ต้องยอมรับว่านี่คือเกมบิ๊กแมตช์ที่เต็มไปด้วยการเล่นเกมบุกที่สุดเร้าใจ และไม่มีฝ่ายไหนกลัวแพ้ เพราะสู้กันตั้งแต่นาทีแรกจนกระทั่งหมดเวลา
ในช่วง 45 นาทีแรกแชมป์เก่าดูดีมีราศีมากกว่าเมื่อสามารถกด ลิเวอร์พูล ได้อยู่หมัด ทำให้พวกเขาแทบไม่มีโอกาสบุกเข้าไปสร้างความระคายเคืองให้กับ เอแดร์ซอน โมราเอส แม้แต่นิดเดียว ขณะที่เกมรับของเจ้าบ้านต้องเจองานหนักในการสู้กับผู้เล่นที่มีความเร็วและเทคนิคสูงของ แมนฯ ซิตี้
อย่างไรก็ตามช่วงครึ่งหลังกลายเป็น "เดอะ เร้ดส์" ที่กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นและเหนือกว่าทีมเยือน ที่สำคัญในช่วง 45 นาทีหลังทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันแบบเต็มสูบไม่มีใครกลัวแพ้เลย ขนาดสกอร์เสมอกัน 2-2 และเหลืออีกไม่กี่นาทีทั้ง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ ก็ยังพยายามเปิดเกมบุกเพื่อหวังยิงประตูชัยให้ได้
หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวของ พอล เทียร์นี่ย์ ทำให้ ลิเวอร์พูล ยังคงรักษาสถิติไร้พ่ายต่อไป ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือพวกเขาไม่สามารถทำแต้มขึ้นไปแซง เชลซี ได้ กระนั้น 1 คะแนนในเกมนี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆ
หากสาวก "เดอะ ค็อป" จะเสียดายก็ควรไปเสียดายเกมที่เสมอ เบรนท์ฟอร์ด ดีกว่าเพราะแมตช์นั้น "หงส์แดง" กำชัยชนะเอาไว้ในมืออยู่แล้ว แต่ดันเล่นเกมรับพลาดจนทำให้สองแต้มหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
มีพาดพิงแมนยู!เป๊ปสุดฉุนหลังพาแมนซิตี้ตามเจ๊าลิเวอร์พูล
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ แมนฯ ซิตี้ แสดงอาการไม่พอใจอย่างแรงหลังเกมคุม เรือใบสีฟ้า บุกมาไล่ตีเสมอ ลิเวอร์พูล อย่างสุดมันถึง แอนฟิลด์ 2-2 โดยไม่วายมีแขวะไปถึง แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมคู่แค้นร่วมเมืองด้วย
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
สถิติข้อมูล บุนเดสลีก้า 2 รอบที่ 9:แฮร์ธ่า เบอร์ลิน VS ไอน์ทรัค บราวน์ชไวก์
สถิติข้อมูล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบที่ 3:แอสตัน วิลล่า vs โบโลญญ่า
สถิติข้อมูล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบที่ 3:ปารีส แซงต์ แชร์กแมง vs พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น
สถิติข้อมูล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบที่ 3:เอซี มิลาน vs คลับบรูซ
สถิติข้อมูล บุนเดสลีกา เยอรมัน รอบที่ 7: โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ VS ซังค์ เพาลี
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์