ลิเวอร์พูล น่าจะคว้าสามแต้มใน แอนฟิลด์ ได้ไม่ยากเมื่อทำประตูนำ ไบรท์ตัน ไปก่อนถึงสองลูก แต่ทำไปทำมาเกือบม้วยมรณาถูก นกนางนวล ตีเสมอเป็น 2-2 ซะงั้น
    
ทีมของกุนซือ เกรแฮม พ็อตเตอร์ แสดงให้เห็นถึงสปิริตนักสู้ และคว้าหนึ่งแต้มกลับออกไปได้ในเกมที่ หงส์แดง เสียหายไม่น้อย

เจ้าบ้านเริ่มเกมได้ดี และไม่น่าจะมีปัญหาอะไรให้หนักอกเมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คลำเป้าให้ เร้ด แมชีน นำก่อนตั้งแต่หัววัน แถม ซาดิโอ มาเน่ ยังโขกประตูเพิ่มได้อีก

อย่างไรก็ดี หลังจาก เอน็อค เอ็มเวปู ตีไข่แตกให้ทีมเยือนได้ในช่วงท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ก็เหมือนจะช็อตไปตลอดทั้งครึ่งหลัง และมาเสียประตูเพิ่มจนได้ในท้ายที่สุดจากฝีเท้าของ เลอันโดร ทรอสซาร์ ในนาทีที่ 65

เท่านั้นไม่พอ ไบรท์ตัน น่าจะสยบ ลิเวอร์พูล ได้ในช่วงท้ายด้วยซ้ำเหมือนที่พวกเขาเคยทำแสบให้กับ หงส์แดง ที่นี่มาแล้วเมื่อซีซั่นก่อนจากการบุกมาคว้าชัย 1-0

และนี่คือ 5 ประเด็นที่ ลิเวอร์พูล ไม่อาจพิชิต ไบรท์ตัน ต่อหน้าสาวก เดอะ ค็อป ได้

1. ลิเวอร์พูล ใส่พลังไปหมดแล้วกับเกมแดงเดือด

การบุกไปขยี้ แมนฯ ยูไนเต็ด 5-0 เมื่อสัปดาห์ก่อน มีผลอย่างยิ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่มีกำลังวังชาเหลือเฟือมากพอที่จะคว่ำ ไบรท์ตัน ได้อย่างที่ควรจะเป็น

แม้ในเกมกลางสัปดาห์ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะปรับทัพทั้ง 11 ตำแหน่งบุกไปกำราบ เปรสตัน 2-0 ในเกม คาราบาวคัพ รอบ 16 ทีม แต่มันชี้ให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล ให้ความสำคัญกับเกมแดงเดือดมากกว่านัดต้อนรับ นกนางนวล ชนิดเทียบกันไม่ได้

ดังจะเห็นว่าหลังนำห่างทีมเยือน 2-0 นักเตะ หงส์แดง ก็ดูจะผิวปากเล่นกันอย่างสบายอุรา และไม่อาจพังประตูที่สามได้

และในที่สุด มันก็เป็นผลร้ายทันทีเมื่อทีมเยือนตีไข่แตกได้ก่อนจบครึ่งแรก และลงเล่นในครึ่งหลังกันด้วยความคึกคัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาผ่านไป ทีมของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ก็ยิ่งเหนือกว่าและน่าจะเป็นฝ่ายแซงชนะด้วยซ้ำหากพวกเขาสามารถคลำเป้าได้อย่างเด็ดขาดกว่าที่เป็นไป

2. โม ซาลาห์ หยุดทำสถิติ

หลายเกมที่ผ่านมา ดาวเตะทีมชาติอียิปต์แผลงฤทธิ์สร้างสถิติให้กับตัวเองเป็นว่าเล่น

และหนึ่งในนั้นคือการสอยตาข่ายได้อย่างต่อเนื่องสิบนัดซ้อน

อย่างไรก็ดี ในเกมต้อนรับ ไบรท์ตัน ซาลาห์ ซึ่งยังไม่ได้ต่อสัญญาใหม่กับสโมสรไม่อาจระเบิดฟอร์มเก่งเช็คบิลได้อีก

แม้ เร้ด แมชีน จะสานผลงานไม่แพ้ในทุกรายการได้เพิ่มเป็น 24 นัด แต่สถิติของ ซาลาห์ สิ้นสุดลงแล้ว

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เชื่อขนมกินได้เลยว่าพ่อค้าแข้งวัย 29 ปีจะไม่หยุดสาดกระสุนนานเกินไปอย่างแน่นอน แฟนบอล หงส์แดง สบายใจได้

3. เกมในครึ่งหลังที่พลิกผัน

ก่อนเกมที่ แอนฟิลด์ ไบรท์ตัน บุกมาทำศึกกับ ลิเวอร์พูล ในฐานะทีมอันดับห้าของตารางแม้ผลงานในห้านัดหลังทุกรายการของพวกเขาจะไม่มีคำว่าชนะเลย

นั่นเป็นเพราะว่าทีมของ พ็อตเตอร์ ออกสตาร์ตซีซั่นได้อย่างสวยหรู ก่อนจะฟอร์มสะดุด และถูกมองว่าน่าจะโดน หงส์แดง ไล่จิกไม่ยาก

แน่นอนว่าผลงานในครึ่งแรกเป็น ลิเวอร์พูล ที่เหนือกว่าหลายขุม แต่ในเมื่อครึ่งหลังเจ้าบ้านเริ่มออกอาการหมดแรงข้าวต้ม จึงเป็นโอกาสของทีมเยือนที่ได้เดินเกมรุกกันอย่างเมามัน

แม้จะโดนทิ้งห่างสองประตู แต่ทีม นกนางนวล ก็ไม่คิดถอดใจ และไล่บด เครื่องจักรสีแดง อย่างต่อเนื่องชนิดที่แทบไม่เคยมีทีมไหนทำได้ กระทั่งตีเสมอเป็น 2-2 ได้อย่างเหลือเชื่อ

จากผลงานดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องฟลุ๊คที่ ไบรท์ตัน สามารถรั้งอยู่ในกลุ่มบนของตาราง พรีเมียร์ลีก ได้ และพวกเขาสามารถสร้างปัญหาให้กับทุกทีมได้หากในเกมนั้นพลพรรค นกนางนวล จะเล่นกันได้อย่างท๊อปฟอร์ม

4. ไบรท์ตัน รั้งตัว อีฟส์ บิสซูม่า ได้สำเร็จ

หลายต่อหลายครั้งโดยเฉพาะในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาที่ บิสซูม่า ตกเป็นข่าวอาจย้ายออกจาก เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม

แน่นอนว่ามิดฟิลด์ทีมชาติมาลีสถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของ ไบรท์ตัน ไปแล้ว และเมื่อช่วงต้นปีเจ้าตัวถึงขนาดคุยเขื่องเองเลยว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดของ พรีเมียร์ลีก

ด้วยเหตุนี้ บิสซูม่า จึงถูกลือว่าได้รับความสนใจจาก ลิเวอร์พูล เช่นกันเนื่องจากพวกเขาต้องการได้ตัวแทนของ จินี่ ไวจ์นัลดุม ที่ย้ายออกไป

และแม้จะยังอยู่กับ นกนางนวล แต่ด้วยฟอร์มในเกมนี้ มันส่อเค้าว่าเขาน่าจะได้ย้ายสโมสรไม่ช้าก็เร็ว

นอกจากจะบัญชาเกมในแดนกลางได้ดีแล้ว บิสซูม่า ยังเกือบซัดประตูในครึ่งแรกได้อีกด้วย

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นเพชรเม็ดงามของ ไบรท์ตัน และบางที เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจขยับมาจีบเขาก็เป็นได้ในเมื่อเห็นลีลาของ บิสซูม่า อย่างถนัดถนี่

5. สภาพร่างกายของ เกอิต้า

ทั้งๆที่โดนหามลงเปลออกไปในเกมวันอาทิตย์นัดที่ ลิเวอร์พูล บุกไปขยี้ แมนฯ ยูไนเต็ด 5-0 แต่เป็นเรื่องเหลือเชื่อไม่น้อยที่สตาร์ทีมชาติกินีได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในเกมนี้
 
และหลังอยู่ในสนามได้แค่ 20 นาที เกอิต้า ก็มีปัญหาบาดเจ็บจนต้องเดินออกไป

เท่ากับว่า คล็อปป์ น่าจะเสียกองกลางที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีตาม เจมส์ มิลเนอร์ ไปอีกคน และคราวนี้ยังไม่แน่ว่าพ่อค้าแข้งแอฟริกันจะกลับมาลงสนามได้อย่างเร็วเกินคาดอีกหนหรือเปล่า

อย่างไรเสีย ลิเวอร์พูล มี อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน รอท่าอยู่นานแล้ว และอดีตขุนพลทีม อาร์เซน่อล ฉวยโอกาสได้เยี่ยมในเกมนี้จากการผ่านบอลยาวอย่างแม่นยำให้ มาเน่ โขกตุงตาข่าย

แต่ไม่ว่าจะยังไง งานนี้ต้องบอกว่า คล็อปป์ เสี่ยงส่ง เกอิต้า ลงเล่นเป็นตัวจริงโดยใช่เหตุเพราะถัดจากนี้ไป เร้ด แมชีน มีเกมหนักรออยู่ข้างหน้าให้เพียบไปหมด