ทีมชาติไทย เสร็จสิ้นผลงานรอบแบ่งกลุ่มศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 ปี รอบคัดเลือก กลุ่มเจ ที่ประเทศมองโกเลีย ด้วยการเป็นอันดับสอง หลังจากเกมสุดท้ายเสมอ มาเลเซีย 0-0
   
ก่อนเกมการแข่งขัน ทีมชาติไทยชุดนี้มีเงื่อนไขง่าย ๆ ที่จะเข้าสู่รอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติคือต้องปราบทีมเพื่อนบ้านทางแดนใต้ให้ได้ ซึ่งหากเป็นแบบนั้น "ช้างศึก" ก็จะจบด้วยการคว้าแชมป์กลุ่ม โดยไม่ต้องไปดูผลการแข่งขันของอีกคู่

อย่างไรก็ดี เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดยาวที่สนามหญ้าเทียม เอ็มเอเอฟ ฟุตบอลเซ็นเตอร์ ณ เมืองอูลันบาตอร์ แม้ลูกทีมของ "โค้ชโย่ง" วรวุฒิ ศรีมะฆะ จะทำผลงานเข้าป้ายอันดับสองของกลุ่ม แต่การจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายด้วยการเป็นอันดับสองนั้น ยังต้องลุ้นอีกหลายตลบ

ก่อนจะไปถึงเรื่องเงื่อนไขนั้น เรามาดูกันว่าผลงานจากเกมเจ๊า มาเลเซีย ไร้สกอร์ มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

11 ผู้เล่นของทีมชาติไทย ได้รับข่าวดีเมื่อ เบนจามิน เดวิส มิดฟิลด์จาก อ๊อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ฟิตพอที่จะมีชื่อลงเล่นเป็นตัวจริง หลังได้รับบาดเจ็บระหว่างช่วงต้นเกมที่เจอกับ มองโกเลีย ในเกมแรก

ส่วนผู้เล่นคนอื่น ๆ ยังเป็นแข้งหน้าเดิม ๆ ที่ "โค้ชโย่ง" เลือกใช้มาตลอด แนวรับมี นาคิน วิเศษชาติ, โจนาธาน เข็มดี, อนุศักดิ์ ใจเพชร, จตุรพัช สัทธรรม ส่วนแดนกลาง ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร คุมเกมร่วมกับ อิรฟาน ดอเลาะ และ เบนจามิน เดวิส โดยแนวรุกเป็นหน้าที่ของ สกุลชัย แสงโทโพธิ์, จักรกริช พะลาพล และ กรวิชญ์ ทะสา

อย่างไรก็ตาม เกมผ่านไปไม่ถึง 10 นาที ปัญหาที่ทีมไทย เจอมาตลอด นั่นคือเรื่องอาการบาดเจ็บ สกุลชัย แสงโทโพธิ์ ตัวริมเส้นจาก เกษตรศาสตร์ เอฟซี วางเท้าลงพื้นผิดจังหวะจนได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว แล้ว สัมพันธ์ เกษี ลงสนามมาเล่นแทน

รูปเกมผ่านไปครึ่งทางของครึ่งเวลาแรก เป็น "เสือเหลือง" ที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย อาศัยการวิ่งเพรสเข้าใส่หาแข้งทีมไทย จนทำให้บรรดาผู้เล่นของเรา เจอปัญหาในการเอาตัวรอด

และเมื่อถึงช่วงนาที 24 นายใหญ่ทีมชุดนี้ เลือกถอด เบนจามิน เดวิส ออก แล้วส่ง ธีรศักดิ์ เผยพิมาย  ลงมา

ถึงกระนั้น มาเลเซีย ยังคอยทำลายจังหวะตั้งเกมของทีมไทย เล่นบอลหนักใส่ ธนวัฒน์ จนเกือบถูกหามออกจากสนามไปอีกคน และตลอด 45 นาทีแรก ทีมชาติไทย ไม่มีโอกาสลุ้นทำประตูเลย

เข้าสู่ครึ่งหลัง เป็น มาเลเซีย ทีมมีโอกาสเข้าทำได้ลุ้นมากกว่า และเกือบชิงนำจาก ฮาริธ อดัม แนวรับที่เติมสูงขึ้นโขกในจังหวะลูกเตะมุม แต่เคราะห์ดีของไทยที่รอดพ้นไปได้เนื่องจากบอลเจ้ากรรมไปชนคานเข้าอย่างจัง

มาเลเซีย ที่ตอนนี้เล่นได้แบบสบาย ๆ เพราะหากได้หนึ่งแต้มก็เพียงพอให้พวกเขาทะยานเข้าสู่รอบต่อไป

จะเรียกความเก๋าเกมหรือเล่ห์เหลี่ยมก็ได้ เพราะช่วงท้าย แข้ง "เสือเหลือง" เล่นกับเวลามากขึ้น พยายามถ่วงจังหวะเกมให้ช้าลง เพื่อดึงผลการแข่งขันนี้ไว้

เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย ทีมไทย เร่งเครื่องเต็มอัตราศึก สร้างโอกาสส่องประตูจากลูกยิงไกลของ "เจ้ากันต์" และช็อตโซโล่จาก กรวิชนญ์ ทะสา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ผ่านมือ มูฮัมหมัด กานี่ ผู้รักษาประตู มาเลย์

จากผลสกอร์ที่เกิดขึ้น และรูปแบบเกมที่ออกมา ต้องยอมรับว่าเรื่องระบบการเล่นของทีมไทย ยังเป็นรอง "เสือเหลือง" อยู่ การต่อบอลเข้า การเข้าทำ และจังหวะสร้างสรรค์ ไม่เกิดขึ้นเลยในเกมนี้

ผิดกับ มาเลย์ ที่แม้จะเล่นด้วยลูกหนัก แต่การต่อบอล และการเอาชนะในการดวลหนึ่งต่อหนึ่งทำได้ดีกว่า ไทย อยู่พอตัว

แม้ที่ผ่านมา มาเลเซีย จะทำประตูได้ค่อยข้างน้อย แต่เฮดโค้ชของพวกเขาไม่ได้เป็นกังวลในเรื่องนี้ เพราะสุดท้ายลูกทีมก็สามารถคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการได้

ส่วนฝั่ง ทีมชาติไทย ยังต้องลุ้นกับการเข้ารอบสุดท้ายด้วยการติดอันดับ 2 ที่ดีที่สุดจาก 10 กลุ่มเป็นจำนวน 4 ทีม เพราะผลการแข่งขันอีกคู่ในกลุ่มที่จะแข่งกันในเวลา 14.00 น. ระหว่าง มองโกเลีย กับ สปป.ลาว มีผลต่อการเข้ารอบ

เนื่องจากว่า ณ ตอนนี้ ไทย มี 5 คะแนนจาก 3 เกม แต่หาก มองโกเลีย ไม่แพ้ จะทำให้พวกเข้าจบอันดับ 3 ของกลุ่ม ซึ่งจะทำให้ สปป.ลาว จบอันดับสุดท้าย

ที่นี้แหละ ปัญหาจะเกิดขึ้นกับทีมชาติไทย เพราะการวัดอันดับ 2 ที่ดีที่สุดกับอีก 10 กลุ่มนั้น จะตัดผลการแข่งขันที่เจอกับทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่มไป เนื่องจากบางกลุ่มมีไม่ถึง 4 ทีม

ซึ่งหากเกิดเช่นนั้น ทีมไทย จะเหลือแต้มไปวัดกับกลุ่มอื่นแค่ 2 แต้มเท่านั้น จากผลเสมอ มองโกเลีย กับ มาเลเซีย

แล้วหาก ไทย จะเอาคะแนนไปวัดกับกลุ่มอื่นด้วยการมีแต้มมากกว่านั้นล่ะ ต้องเป็นอย่างไร?

คำตอบเดียวคือ สปป.ลาว ต้องเอาชนะ มองโกเลีย ให้ได้เพื่อการันตีที่ 3 แล้วถีบ มองโกเลีย ไปจมบ๊วย แน่นอนหากเป็นเช่นนี้ ทีมไทย จะถูกตัดแต้มออกแค่คะแนนเดียว และจะมีแต้มในมือไปวัดกับอีก 9 กลุ่มด้วยการมี 4 แต้ม