ในที่สุดฟางเส้นสุดท้ายของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องขาดสะบั้น หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวหมดเวลาในแมตช์ที่ "ปีศาจแดง" พ่ายยับ วัตฟอร์ด 1-4 ที่สนามวิคาร์เรจ โร้ด ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
    
ชะตากรรมในการกุมบังเหียนของ โซลชา เริ่มกดดันอย่างหนัก จากผลงานที่ไม่น่าอภิรมย์นับตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2021/2022 โดยฟอร์มที่ต้องบอกว่าดีที่สุดของ "ผีแดง" ก็คือแมตช์เปิดสนามที่ไล่ต้อน ลีดส์ ยูไนเต็ด หลังจากนั้นพวกเขาก็เล่นแบบลุ่มๆ ดอนๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมาย

แม้บางแมตช์จะชนะคู่แข่งก็ต้องออกแรงจนเลือดตาแทบกระเด็น บางเกมก็ต้องอาศัยคุณภาพของนักเตะที่เหนือกว่าคู่แข่งเบียดยิงประตูช่วงท้ายเกม แถมบางนัดฟอร์มออกทะเลโดนยิงประตูแพ้ยับไม่นับญาติ

แน่นอนว่าวิถีฟุตบอลก็เป็นแบบนี้หาทำดีก็ได้อยู่ต่อไป หากห่วยแตกก็ต้องไป สำหรับ ตำนานหัวหอกฮีโร่ "ทริปเบิ้ลแชมป์ ปี 1999"  ต้องบอกว่ามี 5 เหตุผลสำคัญตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปีที่กุมบังเหียน "ผีแดง" ทำให้เขาต้องกลายเป็นกุนซือว่างงานในตอนนี้

ความคิดสับสนในการวางแท็กติก
ลองนึกภาพการที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถดึงตัวปีกที่มีสถิติยอดเยี่ยมที่สุดในยุโรปอย่าง เจดอน ซานโช่ มาร่วมทีมได้ แต่กลับกลายเป็นว่า โซลชา ไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับเขาได้

"น้าลูกอม" เลือกที่จะจับ ซานโช่ นั่งตบยุงอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองโดยที่เขาไม่รู้ว่าจะใช้ ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ยังไง ขณะเดียวกันในกรณีของ ปอล ป็อกบา เจ้าตัวจับแข้งเลือดเฟร้นช์ เล่นสูงในแผงมิดฟิลด์ และสร้างสรรค์เกมได้ดีเยี่ยมในแมตช์สอย นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด หลังจากนั้นก็จับ ป็อกบา ขยับลงมาเล่นลึกในเกมต่อมา

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่เมิน ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค และมักใช้งานสองลูกรักอย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด ทำหน้าที่คุมแดนกลาง ทั้งๆ ที่ ดาวเตะเลือดดัตช์ น่าจะมีประโยชน์มากกว่าสองคนนี้ด้วยซ้ำ

ยังไม่หมดแค่นั้นในส่วนของเกมรับบางแมตช์เลือกใช้กองหลัง 3 คน บางเกมก็เล่นแผงแบ็กโฟร์ ฉะนั้นเห็นได้ชัดว่า โซลชา ไม่มีแท็กติกที่แน่นอน และมักจะสับสนในการวางแผนบ่อยๆ

เชื่อว่าแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงจะคิดเหมือนกันนั่นก็คือพวกเขาไม่สามารถเดาใจของ กุนซือชาวนอร์เวย์ ได้เลยว่าจะเลือกทีมหรือวางแท็กติกแบบไหน และแนวคิดแบบนี้ส่งผลให้ฟอร์มการเล่นของทีมขาดความคงเส้นคงวา

แพ้นัดชิง ยูฟ่า ยูโรปา ลีก
หลังจากที่สร้างผลงานด้วยการนำทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ 4 ครั้งติดต่อกันแต่สุดท้ายพ่ายหมดเรียบวุธ ในที่สุด โซลชา ก็สามารถทำลายอาถรรพ์รอบตัดเชือกนำทีมเข้ารอบชิงศึกยูโรปา ลีก พบ บียาร์เรอัล เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

แชมป์ในรายการนี้ไม่ใช่แค่การการันตีตั๋วไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น แต่ โซลชา รู้ว่าการคว้าแชมป์มันมีความสำคัญมากแค่ไหน ในการกระตุ้นให้ทีมยกระดับขึ้นไปอีกขั้น

หากมองจากชื่อชั้น และคุณภาพนักเตะรวมทั้งขุมกำลังทั้งหมดแล้ว แน่นอนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือกว่า "เรือดำน้ำสีเหลือง" แต่ในแมตช์ดังกล่าวแท็กติดที่นำมาใช้ถือว่าน่าผิดหวัง ขณะเดียวกันผู้เล่นทุกคนของ "ผีแดง" ฟอร์มแย่สุดๆ บทสรุปก็คือต้องพ่ายจุดโทษไปอย่างน่าเจ็บปวด
   
การพลาดโอกาสสำคัญในการคว้าแชมป์ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทัพ "เร้ด เดวิลส์" ไม่สามารถยกระดับทีมขึ้นไปตามที่ โซลชา คาดหวังเอาไว้ และทำให้ส่งผลกระทบต่อเนื่องในฤดูกาลนี้
 

เชื่อมั่นในทีมสตาฟฟ์คนหนุ่มมากเกินไป
สำหรับแบ็กรูมสตาฟฟ์ของ โซลชา ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนรุ่นใหม่ถ้าไม่ใช่อดีตเพื่อนร่วมทีมสมัยที่โลดแล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นคนหนุ่มไฟแรงที่เข้ามาช่วยงาน

หากไม่นับ ไมค์ ฟีแลน ผู้ช่วยผู้จัดการทีมที่มีอายุ 59 ปี ทีมงานส่วนใหญ่ของ โซลชา ก็ยังถือว่ามีอายุน้อยสำหรับสายงานด้านโค้ชในระดับหนึ่งจริงๆ นั่งจึงเป็นเหตุผลที่หลายคนพยายามทักท้วงเขาให้หาทีมงานที่มีประสบการณ์มาร่วมทีมสตาฟฟ์

ไมเคิ่ล คาร์ริค, คีแรน เม็คเคนน่า, มาร์ติน เพิร์ท และ เอริค แรมเซย์ เป็นกลุ่มคนหนุ่มที่ยังไร้ประสบการณ์ด้านโค้ชในระดับสูง นั่นถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เวลาที่ โซลชา ต้องการคำแนะนำ พวกเขาไม่สามารถมอบสิ่งนี้ได้

ลองนึกภาพซิว่านักเตะชั้นนำอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ป็อกบา จะยอมฟัง เม็คเคนน่า ซึ่งอายุแค่ 35 ปีและมีประสบการณ์ในการคุมทีมยู-18 เวลาที่ลงคุมทีมฝึกซ้อมหรือเปล่า

หนุนหลัง แม็กไกวร์ มากเกินไป
แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไม่ได้ลงเล่นให้ทีมนานถึง 3 สัปดาห์เนื่องจากได้รับบาดเจ็บน่อง แน่นอนว่านักฟุตบอลที่พักไปนานแบบนี้ เรื่องความคุ้นเคยสนาม และการจับจังหวะเกมอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวสักพัก

อย่างไรก็ตาม "น้าลูกอม" ดันไม่คิดแบบนั้น เพราะหลังจากที่ แม็กไกวร์ หายเจ็บ และเขามีโอกาสได้ลงซ้อมกับทีมเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่กลับได้ลงเล่นตัวจริงทันที ในแมตช์เยือน เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา

การที่ แม็กไกวร์ ผ่านการเช็คสภาพความฟิตแบบเฉียดฉิว ทำให้แมตช์นั้นเขาเล่นด้วยสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแกร่ง และสุดท้ายเซนเตอร์แบ็กทีมชาติอังกฤษ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ แมนฯยูฯ แพ้ "จิ้งจอกสยาม" ราบคาบ

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเสียไปถึง 15 ประตูจากการเล่น 5 เกมหลังสุดที่มี แม็กไกวร์ ทำหน้าที่เป็นตัวหลักในเกมรับ รวมไปถึงแมตช์ที่เจ้าตัวโดนไล่ออกในเกมกับ วัตฟอร์ด ด้วย

จริงๆ แล้วมีหลายคนแสดงทัศนะว่า โซลชา ควรที่จะดร็อป แม็กไกวร์ ในบางเกมเนื่องจากนักเตะมีฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวัง และยังขาดความนิ่ง แต่สุดท้ายเจ้าตัวไว้วางใจ ปราการหลังแพงที่สุดในโลก จนนำไปสู่หายนะอย่างที่เห็น

ล้มเหลวในการดึงฟอร์มที่ดีที่สุดของ ป็อกบา

ช่างเป็นเรื่องง่ายเหลือเกินในการโทษ ป็อกบา ที่ทำผลงานได้ย่ำแย่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ทั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ และ โซลชา ไม่สามารถที่จะงัดฟอร์มเก่งของ ดาวเตะแชมป์โลกได้เลย

หลายครั้งที่ ป็อกบา มักจะโชว์ฟอร์มขั้นเทพเวลาที่ลงสนามให้กับทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งสวนทางอย่างสิ้นเชิงเมื่อ อดีตดาวเตะ "ม้าลาย" ยูเวนตุส สวมชุดแข่ง แมนฯ ยูไนเต็ด

มีบางครั้งที่ ป็อกบา ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจที่ถูกจับไปยืนลึกในแดนกลาง มากกว่าที่จะถูกดันให้เล่นเกมบุกเต็มที่ เพราะจุดเด่นของ ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ ก็คือการคุมจังหวะและการผ่านบอลที่เฉียบคม

ยิ่งในเกมที่เปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดน ลิเวอร์พูล ถลุงไส้แตก โซลชา เลือกดร็อป ป็อกบา เป็นตัวสำรอง และกว่าจะส่งนักเตะลงสนามก็สายเกินไปเพราะ "ผีแดง" มีสกอร์ตามหลังถึง 4-0 และเจ้าตัวก็อยู่ในสนามแค่ 15 นาทีก็ถูกไล่ออก

นี่แค่ตัวอย่างเดียวเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายกรณีที่ โซลชา มองข้ามศักยภาพที่แท้จริงของ ป็อกบา และทำให้นักเตะไม่สามารถงัดฟอร์มที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมาช่วยทีมได้