เอ็มมานูแอล เปอตีต์ อดีตมิดฟิลด์คนดัง ระบุ ในมุมมองของตน คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ คือแข้งเบอร์ 1 ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จนเหมือนกับเป็นราชาของที่นั่น แต่เชื่อว่า เอ็มบั๊ปเป้ น่าจะสนใจที่จะย้ายไปซบ เรอัล มาดริด เพราะดูเหมือนเจ้าตัวจะเอือมระอากับเรื่องวุ่นๆ ภายในแดนน้ำหอมแล้ว
   
เอ็มมานูแอล เปอตีต์ ตำนานกองกลางชาวฝรั่งเศส กล่าวว่าส่วนตัวแล้วตนยกให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เป็นนักเตะเบอร์ 1 ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

ปัจจุบัน ปารีสฯ มีแนวรุกที่เต็มไปด้วย 3 ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการลูกนัง ไม่ว่าจะเป็นทั้ง เอ็มบั๊ปเป้, ลิโอเนล เมสซี่ และ เนย์มาร์ อย่างไรก็ตาม ดาวเตะชาวฝรั่งเศสก็กำลังจะหมดสัญญาหลังจบฤดูกาลนี้แล้ว และมันก็มีข่าวลืออยู่เรื่อยๆ ว่าเขาต้องการที่จะบอกลาทีม

เปอตีต์ เผยว่า "ผมเชื่อว่าบางครั้งเขาคงจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับการยกย่องในระดับเดียวกับนักเตะอย่าง เมสซี่ หรือ เนย์มาร์ ก่อนหน้าที่ เมสซี่ จะมาอยู่ที่นี่น่ะเขาเป็นราชาของ บาร์เซโลน่า แต่สำหรับผมแล้วราชาของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คือ เอ็มบั๊ปเป้ ไม่ใช่ทั้ง เมสซี่ หรือ เนย์มาร์ ที่จริงผมเคารพ เมสซี่ อย่างมากนะ แต่ผมมองว่า เอ้มบั๊ปเป้ ยังเป็นเบอร์ 1 อยู่"

อดีตแข้งคนดังเชื่อด้วยว่า เอ็มบั๊ปเป้ น่าจะสนใจที่จะย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด หลังจบฤดูกาลนี้ เพราะมันดูเหมือนว่า เอ็มบั๊ปเป้ จะเบื่อกับเรื่องวุ่นวายต่างๆ ในฝรั่งเศสแล้ว โดยพอถูกขอให้ความเห็นถึงอนาคตของหัวหอกเลือดน้ำหอมแล้วนั้น เปอตีต์ ก็บอกว่า "อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กันแล้ว มันมีข่าวลือหลายอย่างเกี่ยวกับทีมนั้น และคุณไม่มีวันรู้หรอกว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างสามารถพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว"

"เขามีข่าวกับ เรอัล มาดริด อย่างหนักด้วย และผมรู้ดีว่าเขาใฝ่ฝันที่จะเล่นให้สโมสรระดับนี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว เพราะมันเคยมีสตาร์ดังหลายคนไปเล่นให้กับทีมนั้น แถมพวกเขายังมีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่สุดๆ อีก"

"ผมคิดว่าเขาคงหงุดหงิดและเอือมระอากับสถานการณ์ที่ เปแอสเช ตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมาแล้วล่ะ เราได้เห็นปัญหาในสนามระหว่างคนเป็นนักเตะด้วยกันทั้งที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และในทีมชาติฝรั่งเศส มาบ้างในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมันก็สะท้อนไปถึงเกมการเล่นและอารมณ์ของเขา บางทีเขาอาจจะสนใจที่จะย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด ก็ได้ เพราะเขาคงเบื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสเต็มทีแล้ว"