สถิติในสนามที่โดดเด่นของ แมนยู ในนัดแรกของ รังนิก
Posted 06/12/2021 by siamsport
ถือเป็นการเปิดตัวที่ดีสำหรับ ราล์ฟ รังนิก ผู้จัดการทีมชั่วคราวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่เขาประเดิมการคุมทีมด้วยการนำ "ปีศาจแดง" เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เอาชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา
แม้ว่าก่อนลงเล่นเกมนี้ พาเลซ จะไม่ชนะใครในลีกมา 3 เกมติดต่อกัน แต่หลายคนก็คาดกันเอาไว้แล้วว่านี่น่าจะไม่ใช่งานง่ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะว่า 2 นัดก่อนถึงเกมนี้พวกเขาก็แพ้ไปเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น นั่นคือนัดที่แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-2 และเกมพ่าย ลีดส์ 0-1 แถม 3 เกมในลีกที่ พาเลซ เก็บชัยชนะได้ในฤดูกาลนี้นั้น ก็เป็นการทุบทีมจากบิ๊ก 6 ได้ถึง 2 นัด นั่นคือเกมที่ชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 3-0 และวันที่ดับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0
ทั้งนี้ เกมแรกในการคุม แมนฯ ยูไนเต็ด ของ รังนิก นั้น มันเกิดผลงานที่น่าสนใจหลายอย่าง อย่างเช่นการที่เขาเป็นกุนซือชาวเยอรมันคนแรกที่เก็บชัยชนะได้ตั้งแต่การคุมทีมนัดแรกใน พรีเมียร์ลีก หรือการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บคลีนชีทได้เป็นหนแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนสำคัญมาจากการเล่นในสนามที่ดีกว่าที่ผ่านๆ มาเยอะ และตัวเลขจาก อ็อปต้า โจ สื่อด้านสถิติชื่อดังก็เป็นสิ่งที่ยืนถึงเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี
อย่างแรกเลยคือ "การผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้าย" ถึงแม้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีขุมกำลังแนวรุกชั้นยอดให้เลือกใช้งานหลายต่อหลายราย แต่เชื่อหรือไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก จนกลายเป็นการทำให้เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ไหลลื่นเท่าที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายของ พาเลซ ได้ถึง 77 ครั้ง และนั่นก็ถือเป็นจำนวนครั้งการผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายที่มากที่สุดของพวกเขากับการลงเล่นในลีกประจำฤดูกาลนี้เลย
นอกจากนี้ ที่น่าประหลาดใจก็คือคนที่ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายได้มากที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมกับ พาเลซ กลับเป็นแนวรับอย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จากการที่ทำไปถึง 15 ครั้ง โดยมันทำให้ แม็กไกวร์ เป็นนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีจำนวนครั้งการผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายในเกมลีกต่อ 1 นัดได้มากเป็นอันดับ 2 ประจำฤดูกาลนี้ด้วย โดยอันดับ 1 คือ ปอล ป็อกบา ที่เคยทำไป 23 ครั้งในวันที่เจอกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
ข้อสองคือการเก็บบอลที่กระฉอกมาเล่น ไม่ว่าจังหวกระฉอกมันจะเกิดจากการเสียบอลของคู่แข่งหรือของฝั่งตัวเอง โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาบรรดานักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ขยันกันอย่างมากจนทำให้พวกเขาเอาบอลที่กระฉอกมาเล่นได้ 105 ครั้ง และนั่นก็เป็นเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บบอลที่กระฉอกมาเล่นได้มากเป็นอันดับ 2 ประจำซีซั่นนี้
ประการที่ 3 คือการตั้งแนวป้องกันที่ดี อย่างที่บอกไปในเบื้องต้นว่านี่เป็นเกมแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถเก็บคลีนชีทได้ ซึ่ง ปัจจัยสำคัญมาจากการตั้งแนวรับกันอย่างเป็นระบบจนทำให้แนวรุกของ พาเลซ เจาะได้ยาก โดยเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแข้งของ พาเลซ มีโอกาสลากเข้ามาในพื้นที่สุดท้ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด เพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น ซึ่งนี่ถือเป็นเกมลีกประจำซีซั่นนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่คู่แข่งมีโอกาสได้ลากบอลเข้ามาในพื้นที่สุดท้ายของพวกเขาน้อยที่สุด เท่ากับตอนที่เจอ แอสตัน วิลล่า เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ปัจจัยที่ 4 และเป็นสิ่งที่น่าพูดถึงมากที่สุดก็ว่าได้คือ "การกดดัน" รังนิค เป็นกุนซือที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องแท็กติกการไล่บีบคู่แข่งอยู่แล้ว เพราะเขาคือคนที่ได้รับเครดิตว่าเป็นผู้ให้กำเนิด "เกเก้นเพรสซิ่ง" หรือสไตล์การไล่กดดันอย่างดุเดือดตั้งแต่ในแดนของคู่แข่ง โดยสไตล์ที่ว่านั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ กับ โธมัส ทูเคิ่ล สามารถเอามาต่อยอดได้จนทำให้ทีมของพวกเขามีผลงานที่ยอดเยี่ยมตามไปด้วย
ทั้งนี้ ในเกมกับ พาเลซ บรรดานักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด บีบกดดันสูงได้ดีในระดับหนึ่งจนทำให้พวกเขาสามารถแย่งบอลจากในพื้นที่สุดท้ายของ พาเลซ เองได้ถึง 12 ครั้ง และนี่ก็ถือเป็นเกมลีกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่บีบคู่แข่งในพื้นที่สุดท้ายของอีกฝ่ายได้มากที่สุดนับตั้งแต่หมดยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไล่บีบคู่แข่งในพื้นที่สุดทเายของ พาเลซ ได้มากที่สุดก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จากการที่เขาทำไป 3 ครั้ง ซึ่งนั่นถือเป็นผลงานที่น่าประทับใจอย่างมากเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่หลายคนเคยคิดว่าเขาคือคนที่น่าจะได้รับผลกระทบกับการเข้ามาของ รังนิก มากที่สุด จากการที่ก่อนหน้านี้คนมองกันว่า โรนัลโด้ ไม่ขยันมากเท่าที่ควร
แน่นอนว่านี่เพิ่งเป็นนัดแรกในการคุมทีมของ รังนิก เท่านั้น ทำให้มันยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่าเขาจะรักษามาตรฐานระดับนี้ให้กับทีมได้ แต่อย่างน้อยสถิติที่ออกมาในนัดประเดิมการคุมทีมของเขามันก็ดูดีจนน่าจะพอทำให้ "เร้ด เดวิลส์" ใจชื้นในระดับหนึ่งได้เลยทีเดียว
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
ห้ามทำตาม! อดีตแข้งอินเตอร์ เมาหยำเป,มีเซ็กซ์ไม่ป้องกัน
ทางการ! เอฟเอลงโทษแบนยาว เบนตานกูร์ เหยียด ซน ฮึง มิน
ดีทั้งปัจจุบันและอนาคต!เด ลา ฟวนเต้ ลั่นวงการบอล สเปน กำลังอยู่ในช่วงรุ่ง
อดเซิ้งบอลโลก 2026 ! ฟีฟ่า, ยูฟ่า มติแบน รัสเซีย ต่อไป
ผลงาน 5 ดาว!แฟน ฟิออเรนติน่า โหวต เด เคอา แข้งยอดเยี่ยมตุลาคม
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์