ปีนี้จะมีตามรอยไหม?บาเยิร์นฯ หนึ่งเดียวผู้เก็บชัยรวดในรอบแบ่งกลุ่มแล้วถึงแชมป์
Posted 08/12/2021 by siamsport
นับเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างมากสำหรับ ลิเวอร์พูล กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม หลังจากที่พวกเขาสามารถเก็บชัยชนะในรอบแบ่งกลุ่มของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาลนี้ได้ครบทั้ง 6 นัด ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาเป็นชาติแรกในประเทศของตัวเองที่สามารถทำอย่างนั้นในรอบแบ่งกลุ่มของศึกชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ได้ด้วย
แน่นอน สำหรับ ลิเวอร์พูล แล้วนั้น นี่ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นมากกว่าเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นทีมใหญ่ แต่เป็นเพราะพวกเขาถูกจับมาอยู่ในกลุ่มที่ตอนแรกหลายคนยกให้เป็น "กรุ๊ป ออฟ เดธ" ที่มีทั้ง แอตเลติโก มาดริด, เอซี มิลาน และ เอฟซี ปอร์โต้ เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม โดยตอนแรกหลายคนคิดว่าทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเจองานหนักในการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่กลับกลายเป็นว่า ลิเวอร์พูล การันตีแชมป์กลุ่มได้ตั้งแต่เล่นไปเพียง 4 นัดเท่านั้น
นอกจาก ลิเวอร์พูล กับ อาแจ็กซ์ แล้วนั้น บาเยิร์น มิวนิค ก็เป็นอีก 1 ทีมที่มีโอกาสเก็บชัยในรอบแบ่งกลุ่มได้เรียบวุธ โดยพวกเขามีคิวเจอกับ บาร์เซโลน่า ในนัดสุดท้ายของกลุ่ม อี วันพุธที่ 8 ธันวาคม
ที่จริงหากนับเฉพาะก่อนที่จะถึงฤดูกาลนี้นั้น มีทั้งหมด 7 ทีมด้วยกันที่สามารถคว้าชัยชนะในรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ครบทั้ง 6 นัด ประกอบด้วย เอซี มิลาน ชุดฤดูกาล 1992-93, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในฤดูกาล 1994-95, สปาร์ตัก มอสโก ในฤดูกาล 1995-96, บาร์เซโลน่า ซีซั่น 2002-03, เรอัล มาดริด ชุดฤดูกาล 2011-12 กับ 2014-15 และ บาเยิร์น ซีซั่น 2019-20
อย่างไรก็ตาม มีเพียง "เสือใต้" ชุดเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนเท่านั้นที่หลังจากชนะรวด 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่มแล้วยังสามารถสานต่อไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้
ในซีซั่นนั้น บาเยิร์น ถูกจับไปอยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, โอลิมเปียกอส และ เซอร์เวน่า ซเวซด้า (เร้ด สตาร์ เบลเกรด) ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนยกให้พวกเขาเป็นเต็งแชมป์ของกลุ่ม เพราะเท่าที่ดูแล้วมีเพียง สเปอร์ส แค่ทีมเดียวที่น่าจะสร้างปัญหาให้กับขุนพลจากเมืองเบียร์ได้
สุดท้ายแล้ว บาเยิร์น ก็เป็นแชมป์กลุ่มตามคาด และพวกเขายังสร้างผลงานอันลือลั่นด้วยการบุกไปถล่ม สเปอร์ส ถึงบ้านของอีกฝ่ายได้ 7-2 ด้วย ทั้งที่ตอนแรกคนมองกันว่านี่เป็นงานหินของ บาเยิร์น โดยวันนั้น แซร์จ นาบรี้ ถือเป็นพระเอกของทีมเยือนจากการกดไป 4 ประตู ส่วนอีก 3 ลูกแบ่งเป็น 2 ประตูของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กับ 1 ลูกของ โยชัว คิมมิช
บาเยิร์น จบฤดูกาลนั้นด้วยการยิงไป 24 ประตู และเสียเพียง 5 ลูก ส่งผลให้พวกเขาเป็นทีมที่ทำประตูในรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นนั้นได้มากที่สุด ขณะที่อันดับ 2 คือ ปารีสฯ ที่ยิงไป 17 ลูกในการเล่นของกลุ่ม เอ
หลังจากผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้แล้วนั้น บาเยิร์น ก็ยังสานต่อผลงานอันสุดยอดของพวกเขาในรอบน็อกเอาต์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการถล่ม เชลซี 7-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย, การไล่ต้อน บาร์เซโลน่า 8-2 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย, การชนะ โอลิมปิก ลียง ในรอบรองชนะเลิศ 3-0 ก่อนจะปิดงานด้วยการพิชิต ปารีสฯ 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ
ทั้งนี้ มิลาน ชุดฤดูกาล 1992-93 คือชุดที่เคยเข้าใกล้กับการชนะรวดในรอบแบ่งกลุ่มแล้วไปถึงตำแหน่งแชมป์ โดยสมัยนั้น แชมเปี้ยนส์ ลีก มันเริ่มจากการเล่นรอบน็อกเอาต์ ก่อนจะมาเล่นรอบแบ่งกลุ่มที่แบ่งเป็น 2 กลุ่ม แล้วเอาแชมป์ของแต่ละกลุ่มมาชิงแชมป์กัน ซึ่งฤดูกาลนั้น มิลาน เป็นแชมป์ของกลุ่ม บี จากการพิชิตทั้ง พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น, ปอร์โต้ และ ไอเอฟเค โกเตบอร์ก ได้ครบทั้งเกมเหย้าและเกมเยือน
อย่างไรก็ตาม ในทางตรงสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัยนั้น มิลาน ที่นำโดยนักเตะอย่างเช่น โรแบร์โต้ โดนาโดนี่, แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด, ฟรังโก้ บาเรซี่, มาร์โก แวน บาสเท่น, ฌอง-ปิแอร์ ปาแป็ง และ เปาโล มัลดินี่ ไปแพ้ โอลิมปิก มาร์กเซย 0-1 ในนัดชิงดำ ซึ่ง "โอแอ็ม" ในตอนนั้นมีแข้งอย่าง รูดี้ โฟลเลอร์, อเบดี เปเล่, ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์, มาร์กเซล เดอไซญี่ และ ฟาเบียง บาร์กเตซ อยู่กับทีม
สำหรับทีมที่เหลือนั้น ปารีสฯ ไปแพ้ มิลาน 0-3 ในรอบตัดเชือกของซีซั่น 1994-95, สปาร์ตัก มอสโก จอดป้ายทันทีที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของซีซั่น 1995-96 ด้วยฝีมือของ น็องต์ส ทั้งที่เพิ่งเป็นแชมป์ของรอบแบ่งกลุ่มมาหมาดๆ, บาร์เซโลน่า ชุดฤดูกาล 2002-03 ไปได้เพียงรอบก่อนรองชนะเลิศจากการแพ้ ยูเวนตุส และ เรอัล มาดริด ที่ตกรอบรอบรองชนะเลิศทั้งในฤดูกาล 2011-12 และ 2014-15 โดยเป็นฝีมือของ บาเยิร์น กับ ยูเวนตุส ตามลำดับ
ต้องจับตาดูกันว่าในฤดูกาลนี้จะมีทีมที่สามารถไปไกลถึงสุดทางเหมือนกับ บาเยิร์น ชุดเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะเป็นเหมือนกับอีก 6 ทีมที่ไม่สามารถต่อยอดไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้
7 ทีมก่อนหน้านี้ที่ชนะในรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ครบทั้ง 6 นัด
เอซี มิลาน 1992-93
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1994-95
สปาร์ตัก มอสโก 1995-96
บาร์เซโลน่า 2002-03
เรอัล มาดริด 2011-12
เรอัล มาดริด 2014-15
บาเยิร์น มิวนิค 2019-20
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
พี่เสือจัดเต็ม! บาเยิร์นขอเฮรวด "เลวาน" นำซดบาร์ซ่าที่ต้อง3แต้มเพื่อเข้ารอบ
"เสือใต้" ทีมแชมป์กลุ่ม ลอยลำผ่านเข้ารอบ 16 ทีมเรียบร้อยโดยเกมก่อน ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ประกาศจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามนำโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ส่วนทาง "เจ้าบุญทุ่ม" นายใหญ่ ชาบี เอร์นานเดซ ต้องคว้าชัยเท่านั้นเพื่อไม่ต้องไปลุ้นผลอีกคู่ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม อี นัดสุดท้าย คืนวันพุธที่ 8 ธันวาคมนี้
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
วิเคราะห์บอล อาร์เซน่อล พบ เรอัล มาดริด วันอังคารที่ 8 เม.ย. 68
วิเคราะห์บอล [ กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี 2024-25 ] โบโลญญ่า VS นาโปลี
วิเคราะห์บอล [ แชมป์เปี้ยนชิพ อังกฤษ 2024-25 ] มิดเดิ่ลสโบรห์ VS ลีดส์ ยูไนเต็ด
วิเคราะห์บอล [ แชมป์เปี้ยนชิพ อังกฤษ 2024-25 ] โคเวนทรี่ VS พอร์ทสมัธ
วิเคราะห์บอล ริโอ อาฟ VS เบาวิสต้า
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
หมวดไวกิ้ง ตำรวจสาวขวัญใจหนุ่ม ๆ...
แป้ง สุกานดา หรือ แป้งสามป๋องซาว...
เสี่ยว ปุย ยี่ อดีตดาวดัง OnlyFa...
แม่เจ้าโว้ย! นักร้องสาวนุ่งบิกิน...
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
คลิปไฮไลท์