ทีมยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก สัปดาห์นี้ เต็มไปด้วยพ่อค้าแข้งจากบรรดาสโมสรชั้นนำของลีก บางคนคนอาจจะไม่ได้โดดเด่นตลอดทั้งเกม แต่ด้วยความนิ่ง และจิตใจแข็งแกร่ง พวกเขาก็พาทีมคว้าชัยชนะได้สำเร็จ
   
ผู้รักษาประตู : ดาบิด เด เคอา (แมนฯ ยูไนเต็ด)

หากการเซฟลูกยิงของ ติมู ปุกกี้ เป็นจังหวะป้องกันระดับเวิลด์ คลาส แล้วนั้น อีกหนึ่งช็อตเซฟลูกโขก โอซาน คาบัค ก็ถือว่าเข้าข่ายนั้นเช่นเดียวกัน

นี่คือหนึ่งในผู้เล่น "ปีศาจแดง" ที่ทำผลงานสม่ำเสมอมากสุดในซีซั่นนี้ โดยที่นายด่านสแปนิช เก็บคลีนชีตในลีกมาแล้ว 2 เกมติดต่อกันในยุคของ ราล์ฟ รังนิก

กองหลัง : อันโตนิโอ รือดิเกอร์ (เชลซี)

เกมล่าสุดด รือดิเกอร์ อาจจะไม่ได้โดดเด่นในเกมรับมากนัก แต่เขามีบทบาทสำคัญต่อการได้ประตูถึง 2 ลูกจากการเรียกสองจุดโทษให้กับ "สิงห์บลูส์" โดยเฉพาะจังหวะประตูชัยที่เกิดขึ้นจากการที่เขาถูกทำฟาวล์

รือดิเกอร์ เป็นผู้เล่น เชลซี คนที่สองเท่านั้นที่สามารถเรียกจุดโทษได้ 2 ครั้งในหนึ่งเกมต่อจาก ยูริ เชอร์คอฟ เคยทำได้เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2010

กองหลัง : กาเบรียล มากัลเญส (อาร์เซน่อล)

เป็นกำลังหลักแนวรับ "เดอะ กันเนอร์ส" ที่ทีมจะขาดไม่ได้เลย นอกเหนือจากหลังบ้านที่ยืนได้แข็งแกร่ง เรื่องการเติมเกมบุก แข้งแซมบ้าก็ทำได้ดีไม่พอกัน

กองหลัง : เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล)

มีปัญหาช่วงแรกที่รับมือกับ โอลลี่ วัตกิ้นส์ จนโดนใบเหลืองตั้งแต่ต้นเกม ทว่าหลังจากนั้นเขาก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จัดการแนวรุก แอสตัน วิลล่า ได้อยู่หมัด ซึ่งเขาก็ช่วยหยุดทีมเยือนไม่ให้ยิงเข้ากรอบเลยสักครั้ง

กองกลาง : คอเนอร์ กัลลาเกอร์ (คริสตัล พาเลซ)

พาเลซ เจอช่วงเวลาที่ยากลำบากเมื่อแพ้ 3 เกมติด และในเกมล่าสุด ดาวเตะตัวยืมจาก เชลซี ก็จุดประกายให้ทีมกลับมามีฟอร์มที่ดีอีกครั้ง

กัลลาเกอร์ มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงให้ "ดิ อีเกิ้ลส์" ในซีซั่นนี้ถึง 41% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากที่สุดที่นักเตะใน พรีเมียร์ลีก ทำได้

กองกลาง : เจมส์ แมดดิสัน (เลสเตอร์)

กลับมาอยู่ในช่วงฟอร์มดีอีกครั้งหลังก่อนหน้านี้ผลงานรูดลง โดยในทีม เลสเตอร์ ตอนนี้ไม่มีแข้งรายไหนที่มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงไปมากกว่า แมดดิสัน อีกแล้ว (10 เท่ากับ เจมี่ วาร์ดี้ กับ แพตสัน ดาก้า)

กองกลาง : จอร์จินโญ่ (เชลซี)

สองเกมก่อนหน้านี้ จอร์จินโญ่ ฟอร์มหลุดออกทะเล อย่างไรก็ดี มาเกมนี้เจ้าตัวโชว์ความเยือกเย็นซัดสองจุดโทษพา "สิงห์บลูส์" เถือเอาชนะ ลีดส์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

กองกลาง : เฟร็ด (แมนฯ ยูไนเต็ด)

อยู่ในช่วงฟอร์มกำลังสด และถึงแม้เกมที่ แคร์โรว์ โร้ด ภาพรวมของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะดูไม่ดี แต่ เฟร็ด คือคนที่รักษาฟอร์มช่วยทีมเข้าปะทะบอลสำเร็จถึง 7 ครั้ง ขยันและแข็งแกร่ง

สกอร์ที่เกิดขึ้นในนาทีที่ 93 กับอีก 11 วินาที ถือเป็นประตูชัยที่เกิดขึ้นช้าที่สุดของ เชลซี ใน พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2009

กองกลาง : ยูรี่ ตีเลอมันส์ (เลสเตอร์)

หายหน้าไป 4 เกม แต่กลับมาด้วยฟอร์มอันสุดยอดด้วยการเหมาสองประตูพา เลสเตอร์ ถล่ม นิวคาสเซิ่ล ยับเยิน ฉลองการลงเล่นบนเวที พรีเมียร์ลีก ได้อย่างยอดเยี่ยม

กองหน้า : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)

บอกเลยว่าไม่ง่ายที่จะซัดลูกโทษให้ผ่านมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ แต่ ซาลาห์ ทำหน้าที่นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม บรรคงสังหารเสียบโคนเสาพา ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะได้สำเร็จ

กองหน้า : ราฮีม สเตอร์ลิง (แมนฯ ซิตี้)

มีส่วนร่วมกับเกมค่อนข้างเยอะ และรับหน้าที่ยิงจุดโทษได้อย่างเยือกเย็น ถือเป็นประตูสำคัญที่พา ซิตี้ เชือด วูล์ฟส์ สำเร็จ

นี่คือประตูที่ 100 ของ สเตอร์ลิง บนเวที พรีเมียร์ลีก และเป็นแข้งอายุน้อยที่สุดลำดับที่ 8 ที่ทำได้ในวัย 27 ปีกับอีก 3 วัน