จิ้งจอกถอนแค้นสะใจ,หงส์ห่างแชมป์ออกไปอีกคืบ! 5 ประเด็นเลสเตอร์เฉือนลิเวอร์พูล
Posted 29/12/2021 by siamsport
ลิเวอร์พูล กับ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอกันเมื่อไหร่ไม่เคยทำให้แฟนบอลผิดหวังเนื่องจากต่างก็เป็นทีมที่เน้นเกมบุกเดินหน้าฆ่าลูกเดียว ถอยหลังไม่เป็นทั้งคู่ เพียงแต่เกมรับของ เดอะ ฟ๊อกซ์ ออกจะน่าเป็นห่วงอยู่สักหน่อย
ล่าสุดที่ฟ้องให้เห็นเป็นเกม คาราบาวคัพ รอบแปดทีมที่ แอนฟิลด์ ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 3-3 แต่เป็น เร้ด แมชีน ที่ชนะการดวลลูกโทษ
จนในที่สุด ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็เปิดบ้านเอาคืนทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้อย่างยอดเยี่ยมในศึก พรีเมียร์ลีก ด้วยการเฉือนเอาชนะ เครื่องจักรสีแดง ไปได้อย่างน่าเสียวไส้ชวนให้หัวใจวาย 1-0
และนี่คือประเด็นที่น่าสนใจในเกมที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
1. แผงหลังอย่างหนาของ เลสเตอร์ ซิตี้
ปกติทีม เดอะ ฟ็อกซ์ ไม่ได้ขึ้นชื่อในเรื่องเกมรับมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
และจากโผ 11 คนแรกในเกมต้อนรับ ลิเวอร์พูล แกนนำในแนวรับของพวกเขายังหายหน้าไปหลายรายเนื่องจากบาดเจ็บจึงถือว่าน่าหนักใจแทน ร็อดเจอร์ส ไม่น้อยที่ต้องมาเจอกับทีมที่มีเกมรุกสุดอันตรายอย่าง ลิเวอร์พูล ซึ่งไม่ได้ส่งชุดสำรองลงเล่นเหมือนฟุตบอล คาราบาวคัพ
โดยเฉพาะในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล คือทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุด 50 ลูกเท่ากับ แมนฯ ซิตี้ ขณะที่ เลสเตอร์ ซิตี้ เสียประตูไปแล้ว 33 ลูกจาก 17 เกมก่อนหน้านี้ มากกว่าทีมในโซนตกชั้นอย่าง เบิร์นลีย์ ซะอีก
อย่างไรก็ดี สุดท้ายแล้ว แผงหลังที่พิกลพิการของ เลสเตอร์ ช่วยกันยันเกมรุกที่บ้าคลั่งของ ลิเวอร์พูล ได้อยู่หมัด และแม้ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์จะมีโอกาสสับไกมากถึง 21 ครั้ง แต่ก็เข้ากรอบแค่ 4 ครั้ง และไม่อาจเปลี่ยนเป็นประตูได้
2. ลูกโทษของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
ถ้าสตาร์ทีมชาติอียิปต์ซัดลูกโทษตั้งแต่ต้นเกมได้สำเร็จ เร้ด แมชีน ก็อาจคว้าสามแต้มได้อย่างไร้ปัญหา และน่าจะมีสกอร์ที่ขาดลอยอีกเกม
แต่แล้วเรื่องที่เหลือเชื่อก็เกิดขึ้นจนได้เนื่องจาก แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เซฟลูกโทษสุดสำคัญจากเพชฌฆาตเท้าฉมังที่สุดคนหนึ่งของวงการได้สำเร็จเนื่องจาก ซาลาห์ มีสถิติยิงลูกโทษที่วางใจได้จากการสังหารในเกม พรีเมียร์ลีก ไม่พลาดมานาน 15 ลูกโดยครั้งสุดท้ายที่พลาดเป็นเกมกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เมื่อเดือนต.ค.2017
เท่านั้นแหละ เหมือนกับว่า คิง ออฟ อียิปต์ หมดความเชื่อมั่นไปในบัดดล แม้จะมีโอกาสเช็คบิลในเกมอีก แต่เหมือนกับว่าเขาไม่มีสมาธิแล้ว
ตรงข้ามกับ ชไมเคิ่ล ซึ่งเหมือนผีเข้าหลังเซฟลูกโทษจาก ซาลาห์ ได้เพราะจากนั้นมือกาวทีมชาติเดนมาร์คก็เซฟลูกอันตรายได้อุตลุดกระทั่งพาทีมคว้าชัยได้อย่างน่าประทับใจ
3. คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
สังเวียนแข้งแห่งนี้น่าจะอยู่ในความทรงจำของแฟนบอล ลิเวอร์พูล ไปอีกนานหลังจากซีซั่นก่อน หงส์แดง ก็เอาชื่อมาทิ้งที่นี่ในเกม พรีเมียร์ลีก ซึ่งส่งผลให้พวกเขาชวดลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในท้ายที่สุด
และไม่แน่ว่าบางทีประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยอีกก็ได้หลังทีมของกุนซือชาวเยอรมันถูก เดอะ ฟ็อกซ์ ทำแสบเข้าให้อย่างไม่น่าเชื่ออีกคำรบ
ย้อนอดีตกลับไปเมื่อเดือนก.พ. กองเชียร์ เร้ด แมชีน อาจยังจำกันได้ว่า ซาลาห์ ซัดประตูพาทีมบุกมานำที่สนามแห่งนี้
แต่เป็น เจมส์ มิลเนอร์ ที่ปั่นฟรีคิกตีเสมอให้ เลสเตอร์ ก่อนที่ อลิสซง กับ โอซาน คาบัค จะก่อควาผิดพลาดเปิดโอกาสให้ เจมี่ วาร์ดี้ ซัดประตูโล่งๆ
จากนั้น ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ก็มาซัดลูกปิดกล่องก่อนหมดเวลาห้านาทียัดเยียดความปราชัยที่แสนชอกช้ำให้กับ ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ 3-1
4.ช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อของ ลิเวอร์พูล
หลังพ่ายให้กับ เลสเตอร์ ลิเวอร์พูล จะมีเกมลีกบุกไปเยือน เชลซี ในวันอาทิตย์ที่ 2 ม.ค.
แน่นอนว่ามันเป็นเกมที่สามารถชี้อนาคตของทั้ง หงส์แดง และ สิงห์บลูส์ ได้เลยต่อโอกาสการยื้อแย่งลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้ไปจาก แมนฯ ซิตี้
อย่างไรก็ดี หงส์แดง มีเรื่องให้โล่งอกไม่น้อยเนื่องจากเป็นอันแน่นอนว่าสตาร์แอฟริกันทั้งหลายของทีมไม่ว่าจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ , ซาดิโอ มาเน่ และ นาบี้ เกอิต้า สามารถลงเล่นที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ก่อนอำลาสโมสรไปรับใช้ชาติในรายการ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่น
ฉะนั้นแล้ว จึงเชื่อได้เลยว่าทั้งหมดจะต้องทุ่มเทกันอย่างสุดชีวิตในเกมทิ้งทวนเพื่ออำลาสโมสรเป็นการชั่วคราวอย่างดีที่สุด
ถัดจากนั้น หงส์แดง ก็ต้องเจอกับทีมที่ฟอร์มแรงอย่าง อาร์เซน่อล ในเกม คาราบาวคัพ รอบตัดเชือกนัดแรกที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
และจากบทเรียนในรอบแปดทีมรายการนี้ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เกือบหมดลุ้นแชมป์เนื่องจากโรเตชั่นทีมอย่างหนักจนหวิดเสียท่าให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ คา แอนฟิลด์ ก็น่าจะทำให้ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันคิดหนักต่อการจัดทัพ แม้เชื่อว่าน่าจะมีการโรเตชั่นทีมบางตำแหน่ง แต่คงไม่ยกแผงเหมือนเกมกับ เดอะ ฟ็อกซ์ เพราะอย่างน้อย ลิเวอร์พูล ก็มีอีกเกมกับ เดอะ กันเนอร์ส รออยู่ในบ้านตัวเองซึ่งจะอุบัติขึ้นหลังจากนั้นแค่สัปดาห์เดียว
5. เลสเตอร์ กับเส้นทางที่สดใส
นับตั้งแต่เปิดบ้านสยบ วัตฟอร์ด 4-2 ช่วงปลายเดือนพ.ย. เดอะ ฟ็อกซ์ ก็มีผลงานที่ย่ำแย่มาโดยตลอดหกถัดมาก่อนปะทะกับ ลิเวอร์พูล
โดยในจำนวนนี้ ทีมของ บีร็อด กำราบ นิวคาสเซิ่ล ในเกมลีกที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม 4-0 ได้แค่นัดเดียวเท่านั้นจากทุกรายการ และเป็นการแพ้ไปถึงสี่นัด รวมถึงเกม คาราบาวคัพ กับ เร้ด แมชีนด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อเหลือบดูโปรแกรมข้างหน้าของ เลสเตอร์ แล้ว บอกได้เลยว่านับเป็นโอกาสทองที่พวกเขาจะเร่งเก็บแต้มขยับอันดับในตารางให้สูงขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่สักที
ด้วยเพราะในอีกห้านัดข้างหน้า เลสเตอร์ ไม่มีเกมที่ยากจนเกินไปโดยพวกเขาจะได้เล่นกับทีมในโซนล่างของตารางซะเป็นส่วนใหญ่
ก่อนจะต้องเปิดทางให้ หงส์แดง ได้ชำระหนี้แค้นในเกมลีกอีกยกที่ แอนฟิลด์ เดือนก.พ.ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้น สุนัขจิ้งจอก ก็น่าจะเก็บแต้มได้อย่างเป็นกอบเป็นกำแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ลิเวอร์พูลแพ้ส่งท้ายปี! เชลซีลุ้นขึ้นรอง-แมนซิตี้เฮแตะครึ่งร้อยยืดฝูงโด่ง
ลิเวอร์พูลแพ้ส่งท้ายปี! เชลซีลุ้นขึ้นรอง-แมนซิตี้เฮแตะครึ่งร้อยยืดฝูงโด่งซาลาห์-มาเน่น่าผิดหวัง!ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลเกมบุกพ่ายเลสเตอร์
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ปราชัยเป็นหนที่ 2 ในศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ หลังพลาดท่าออกไปพ่าย เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งก็ต้องชื่นชม "จิ้งจอกสยาม" ที่เล่นได้เหนียวแน่นเหลือเกิน แต่อีกมุมหนึ่ง ลิเวอร์พูล ก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานเยอะด้วย โดยเฉพาะเกมรุกที่เล่นขาดๆ เกินๆ แถม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดจุดโทษพลาด และนี่คือผลสอบของลูกทีมกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่ละคนในแมตช์นี้ที่สังเวียนแข้ง คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ซึ่งมีผลงานน่าผิดหวังหลายคน โดยเฉพาะสองตัวความหวังในแนวรุก
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์