เหลืออีกเพียงนัดเดียวภารกิจลงแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายการ เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนส์ชิพ 2020 ก็จะปิดฉากลง โดยโอกาสที่ทีมชาติไทย จะเดินหน้าคว้าแชมป์เหนือทีมชาติอินโดนีเซีย มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง เพราะด้วยสกอร์ที่ยิงใส่ไว้ 4-0 ในเกมแรกทำให้งานเกมที่สองที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 ม.ค.65 จึงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงเกินไป
    แน่นอนว่าความทุ่มเทของนักเตะโค้ชและทีมงานทุกคนที่เกี่ยวข้องนอกจากภูมิใจที่ทำให้ทีมชาติไทยกลับมาอยู่ในศรัทธาและความสุขอีกครั้ง พร้อมกับพุ่งไปที่เป้าหมายข้างหน้าในอนาคต  สิ่งที่พวกเขาได้รับการตอบแทนจากการทุ่มเทภายใต้การจัดการของ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ  ล่ำซำ ผจก.ทีม  จะได้รับเงินโบนัสพิเศษบวกกับเงินรางวัลแชมป์เบื้องต้นอยู่ที่ 36 ล้าน (โบนัสอัดฉีด 26 ล้านบาท , เงินรางวัล 10 ล้านบาท) อีกทั้งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยังมอบเงินไปก่อนหน้านี้อีก 10 ล้านบาท รวมยอดตอนนี้ 46 ล้านบาท แต่เชื่อว่าเมื่อจบทัวร์นาเมนต์ยอดน่าจะพุ่งไปถึง 50 ล้านบาท

    ก่อนหน้านี้  "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ผจก.ทีม  ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเงินทั้งหมดจะถูกแบ่งไปให้กับนักเตะเท่าๆกัน ซึ่งเบื้องต้นหากคำนวณแล้วนักเตะทีมชาติไทยชุดนี้น่าจะมีเงินตอบแทนสำหรับการเดินหน้าสู้ศึกครั้งนี้คนละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทอย่างแน่นอน  สำหรับนักเตะทีมชาติและนักฟุตบอลอาชีพที่ฝึกฝนแข่งขันหนักมาตลอดทั้งปีมันคือผลตอบแทนที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าในปี 2564 แข้งทีมชาติไทย ที่ค้าแข้งต่างแดน อย่าง เจ-ชนาธิป  สรงกระสินธ์, อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน กลายเป็นนักเตะที่ทำรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำจากความสามารถของตัวเองและการวิ่งหาฝันด้านฟุตบอลอาชีพอย่างจริงจัง

    จนบางครั้งต้องเลือกที่จะต้องทิ้งอะไรบางอย่างเพื่อเป้าหมายของตัวเอง อย่าง ชนาธิป  สรงกระสินธ์  ตัดสินใจลาออกจากข้าราชการตำรวจพุ่งไปหาเป้าหมายฟุตบอลอาชีพเพื่อดูแลอนาคตของตัวเอง นี่คือเม็ดเงินรายได้ของทั้ง 2 แข้งที่ว่ากันว่ามีรายได้สูงสุดจากการเล่นฟุตบอลอาชีพ แม้ว่า ธีราทร บุญมาทัน จะโยกกลับมาเล่นไทยลีกกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงเลกที่สอง แต่ก่อนหน้านี้กับ โยโกฮามา เอฟ มารินอส ตลอดทั้งปี 64 ก็กวาดรายได้ไปไม่น้อย เมื่อรวมกับโบนัสอัดฉีดจากทีมชาติที่จะได้รับนับว่ามหาศาลเลยทีเดียว

    ธีราทร บุญมาทัน : ปีละ 14,600,000 บาท - เดือนละ 1,216,000 บาท

    ชนาธิป สรงกระสินธ์ : ปีละ 11,600,000 บาท - เดือนละ 966,666 บาท

    รายได้ดังกล่าวทางสโมสรจ่ายภาษีให้ต่างหาก และยังไม่รวมโบนัสแมตซ์วินและการเป็นพรีเซนเตอร์ต่างๆของทั้งสองคน ที่ถูกว่าจ้างจากความสามารถที่โดดเด่นในเรื่องของฟุตบอล  รายได้ทั้งหมดในรอบปีของ ชนาธิป และ ธีราทร อาจจะไม่ใช่แรงจูงใจโดยตรงแต่อาจจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับนักเตะที่จะมุ่งมั่นทำอะไรจริงจัง เพราะอีกด้านของการก้าวขึ้นมายืนตรงจุดนี้นักเตะเหล่านี้ผ่านการฝึกฝนตัวเองมาอย่างหนักแบบต่อเนื่องจริงจังเพื่อเป้าหมายปลายทางที่คาดหวังคือเรื่องของฟุตบอลอาชีพ แน่นอนบางช่วงเวลาของชีวิตย่อมพบกับความยากลำบากในการฝึกฝนตนเองเพื่อให้ก้าวมายืนตรงจุดนี้ สิ่งสำคัญต้องมองทั้งสองด้านเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการฝ่าฟันอุปสรรคสู่ความสำเร็จ