ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เตรียมพร้อมรับวิกฤติ! 5 ระบบ คล็อปป์ เตรียมใช้กรณีขาด 3 แข้งกาฬทวีป

เตรียมพร้อมรับวิกฤติ! 5 ระบบ คล็อปป์ เตรียมใช้กรณีขาด 3 แข้งกาฬทวีป

Posted 11/01/2022 by siamsport

เจอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งจะลองทีมด้วยการจัดชุดผสมผสานระหว่างดาวรุ่งกับแข้งชุดใหญ่ในแมตช์ที่ไล่ต้อน ชรูว์สบิวรี่ 4-1 ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งก็ถือว่าสอบผ่านในระดับหนึ่งสำหรับการสู้กับทีมในระดับ ลีก วัน
    
"เดอะ เร้ดส์" เลือกใช้นักเตะชุดใหญ่อย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, อิบราฮิม่า โกนาเต้ , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ ฟาบินโญ่ ลงตัวจริง ขณะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กับ ทาคุมิ มินามิโนะ ลงเป็นตัวสำรอง

แม้ว่าแมตช์นี้ ชรูว์สบิวรี่ จะบุกมายิงนำไปก่อนก็ตาม แต่ด้วยคุณภาพของ "หงส์แดง" และขุมกำลังที่เหนือกว่าทำให้พวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าชัยชนะได้จากการยิงของ เคด กอร์ดอน, ฟาบินโญ่ (2 ประตู) และ ฟีร์มีโน่

การทดลองทีมของ คล็อปป์ ในแมตช์นี้ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะในช่วงเวลานี้แคมป์ "หงส์แดง" มีปัญหาใหญ่ทั้งนักเตะติดโควิด-19 โดยรายล่าสุดก็คือ เทรนต์-อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แถมกำลังสำคัญอย่าง ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ นาบี เกอิต้า ต้องเดินทางไปรับใช้ชาติทำศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์

ในรายของ "หนุ่มเทรนต์" คาดว่าจะได้กลับมาช่วยทีมในเกมพบ อาร์เซน่อล รอบตัดเชือก ศึกคาราบาว คัพ ที่แอนฟิลด์ แต่ 3 แข้งกาฬทวีปหมดสิทธิ์ลงสนามให้ทีมในเกมพบ "ปืนใหญ่", รับมือ เบรนท์ฟอร์ด และเยือน คริสตัล พาเลซ เป็นอย่างน้อย

งานนี้ คล็อปป์ จำเป็นต้องเตรียมแผนให้พร้อมสำหรับการขาดผู้เล่นสำคัญทั้ง 3 คนไปนานกว่า 1 เดือน โดยงานนี้กุนซือชาวเยอรมัน น่าจะมีออปชั่นเพื่อที่จะรองรับสถานการณ์นี้เอาไว้แล้ว
 
ฟีร์มีโน่ยืนหน้าเป้าเต็มสูบ

สำหรับแมตช์ที่พบกับ ชรูว์สบิวรี่ สิ่งหนึ่งที่ คล็อปป์ ค่อนข้างจะมีความสุขเป็นพิเศษน่าจะหนีไม่พ้นการยิงประตูสุดสวยของ ฟีร์มีโน่ ที่โชว์ลีลาแซมบ้าตอกส้นส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย
 
"บ็อบบี้" พลาดลงสนามในเกมที่บุกเสมอ เชลซี เนื่องจากติดโควิด โดยนักเตะได้โอกาสโชว์ลีลาในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายเกมกับทีมลีก วัน และผลงานของเขาแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวกลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว

การขาด มาเน่ กับ "บังโม" ไปนานทำให้ ลิเวอร์พูล คงจะต้องพึ่งพา ฟีร์มีโน่ ในการทำประตูช่วงหลายๆ สัปดาห์ต่อจากนี้ โดยจะประสานงานกับ ดีโอโก้ โชต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน

ในขณะที่ เคอร์ติส โจนส์ ซึ่งถูกจับไปเล่นเป็นแนวรุกในเกมกับ ชรูว์สบิวรี่ แต่ดูเหมือนฟอร์มไม่ค่อยโดดเด่น งานนี้ คล็อปป์ คงจับมายืนในตำแหน่งมิดฟิลด์ที่เจ้าตัวถนัด และประสานงานกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโย่

สำหรับแผงแบ็กโฟร์ แน่นอนว่า กุนซือเลือดด๊อยท์ช ไม่ค่อยอยากปรับมากนักหากไม่มีใครบาดเจ็บหรือติดโควิด คงเป็นหน้าที่ของ เทรนต์, โฌแอล มาติป, ฟาน ไดค์ และ โรเบิร์ตสัน

ใช้งาน มินามิโนะ จับ โชต้า หน้าเป้า

คล็อปป์ ค่อนข้างจะประทับใจผลงานของ ทาคุมิ มินามิโนะ พอสมควรหลังจากที่นักเตะได้ลงเล่นในช่วงต้นครึ่งหลังในเกมล่าสุด โดยฟอร์มของเขาแสดงให้เห็นว่าไม่มีอาการบาดเจ็บหลงเหลืออยู่แล้ว

งานนี้ สตาร์ชาวญี่ปุ่น คงจะได้ลงเล่นตัวจริงในช่วง 2-3 แมตช์ต่อจากนี้ โดยศักยภาพของเขาสามารถที่จะขู่แนวรับคู่แข่ง และที่สำคัญเขาเป็นนักเตะที่มีการเคลื่อนที่หาตำแหน่งได้ชาญฉลาดในแนวรุก

ก่อนหน้านี้ในบางครั้ง กุนซือชาวเยอรมัน ก็เคยปรับแผนมาเล่นในระบบ 4-2-3-1 (ซึ่งอาจจะกลายเป็นระบบ 4-5-1 หรือ 4-2-4)  งานนี้มีความเป็นไปได้ที่จะนำระบบนี้กลับมาใช้ในกรณีที่ขาด ซาลาห์ และ มาเน่

อย่างไรก็ตามสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดคำถามก็คือการจับ แชมเบอร์เลน ไปยืมริมเล่นในระบบนี้ เพราะเอาเข้าจริงๆ นักเตะน่าจะทำผลงานได้ดีกว่าเมื่อถูกจับไปยืนในแผงมิดฟิลด์มากกว่า

ได้เวลา โอริกี้

การขาด โอริกี้ ในช่วงที่ผ่านมาทำให้ คล็อปป์ เซ็งพอสมควร อย่าลืมว่า ดาวเตะชาวเบลเยียม ยังคงมีประโยชน์เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ "หงส์แดง" เกิดไอเดียในการทำประตูตัน และเขาสามารถลงมาพลิกเกมได้ดูได้จากแมตช์ชนะ วูล์ฟส์ และ เอซี มิลาน เป็นต้น

คล็อปป์ ยอมรับว่า โอริกี้ เคยมีความคิดที่จะอำลาถิ่นแอนฟิลด์หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา แต่เขายังคงต้องการให้นักเตะอยู่ต่อเพราะมั่นใจว่าเจ้าตัวจะสร้างผลงานได้ดีเมื่อมีสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์

ฉะนั้นในกรณีนี้นายใหญ่เมืองเบียร์อาจจะให้โอกาส โอริกี้ ได้เป็นตัวหลักในแดนหน้าโดยจับคู่กับ ดีโอโก้ โชต้า และถอย ฟีร์มีโน่ ลงมายืนต่ำนิดนึง โดยแผนจะคล้ายๆ กับระบบไดมอนด์

แน่นอนว่าสาวก "เดอะ ค็อป" อาจจะรู้สึกกังวลเนื่องจาก โอริกี้ มักจะทำผลงานไม่ค่อยโดดเด่นเวลาที่ลงเป็นตัวจริง แต่ในยามที่ขาดแนวรุกตัวหลัก การมีเขาอยู่ในสนามก็น่าจะทำให้เกมรุกของทีมขู่แนวรับคู่แข่งได้

ขยับ เทรนต์ ยืนมิดฟิลด์

สำหรับกรณีนี้ดูเหมือน คล็อปป์ ไม่ค่อยจะเห็นด้วยซักเท่าไหร่ เพราะการจับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มายืนตรงกลางไม่เคยอยู่ในไอเดียของเขาเลย แต่งานนี้เจ้าตัวอาจจะพิจารณาลองใช้ก็ได้

ตำแหน่งแบ็กขวาจะถูกแทนที่โดน เนโก วิลเลี่ยมส์ ขณะที่ แชมเบอร์เลน จะได้ยืนเป็นตัวรุกทางกราบขวาโดยประสานงานกับ ฟีร์มีโน่ และ โชต้า ในการไล่ล่าตาข่ายคู่แข่ง

กรณีของ วิลเลี่ยมส์ เคยได้รับโอกาสลงเล่นในตำแหน่ง 3 แนวรุกมาแล้วฤดูกาลนี้ซึ่งหากเป็นกรณีนี้ แชมเบอร์เลน คงถูกจับมายืนตำแหน่งมิดฟิลด์เหมือนเดิม และ เทรนต์ กลับไปประจำการแบ็กขวา ซึ่งถือเป็นแผนการที่อาจจะเป็นไปได้ในช่วงเวลานี้

อย่างไรก็ตามระบบนี้อาจจะมีข้อเสียตรงที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ถูกโยกไปยืนทางฝั่งซ้าย ทำให้ประสิทธิภาพของเขาลดลง กระนั้น โจนส์ กับ เจมส์ มิลเนอร์ สามารถเล่นในตำแหน่งนี้ได้เช่นกัน

กอร์ดอน โชว์ของ


มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ ลิเวอร์พูล อาจจะเชื่อมั่นในตัว เคด กอร์ดอน หลังจากที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น และยิงประตูในเกมเอฟเอ คัพ ต่อหน้า

สาวก "เดอะ ค็อป" เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศักยภาพของ กอร์ดอน คงไม่สามารถเทียบได้กับ ซาลาห์ ที่ถนัดเท้าซ้าย และมักจะลากบอลตัดเข้าในก่อนจะยิงประตู ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าหนูวัย 17 ปี ไม่

สามารถทำได้เหมือนกับ "บังโม" แต่ฟอร์มของเขาสามารถที่จะช่วยทีมได้ในช่วงที่ขาด "คิง ออฟ อียิปต์"  สำหรับทางฝั่งขวา กอร์ดอน จะได้รับการสนับสนุนจาก "กัปตันเฮนโด้" และ "หนุ่มเทรนต์" ซึ่งน่าจะทำให้เขาสามารถระเบิดฟอร์มการเล่นออกมาได้อย่างเต็มที่

เห็นได้ชัดเจนว่า คล็อปป์ มีความเชื่อมั่นในบรรดานักเตะดาวรุ่งของเขาเสมอ และพร้อมให้โอกาสหากแข้งวัยกระเต๊าะเหล่านั้นมีศักยภาพที่จะช่วยทีมได้ ฉะนั้นแฟนบอลลิเวอร์พูล อาจจะได้เห็น กอร์ดอน ประสานงานแนวรุกกับ ฟีร์มีโน่ และ โชต้า อีกหลายๆ เกมต่อจากนี้ก็ได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »