ทีมชุดใหญ๋ของ ลิเวอร์พูล ในกำมือของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ถูกส่งลงสนามในศึก คาราบาวคัพ แทนพลพรรค หงส์น้อย เป็นครั้งแรก
    และทั้งๆที่ได้เปรียบจำนวนผู้เล่นตั้งแต่กลางครึ่งแรก แต่เจ้าบ้านไม่มีทีเด็ดแม้แต่น้อยก่อนเจ๊ากับ อาร์เซน่อล ไปแบบไร้สกอร์ในเกมตัดเชือก คาราบาวคัพ นัดแรกเมื่อ 13 ม.ค.

    อย่างไรก็ดี หงส์แดง ยังมีโอกาสกู้หน้าอีกหนในกลางสัปดาห์หน้าที่จะต้องบุกไปเยือน เดอะ กันเนอร์ส บ้าง และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจในเกมที่ แอนฟิลด์

1. ครั้งแรกของ อลิสซง เบ็คเกอร์ กับ คาราบาวคัพ

    ปกติในฟุตบอลถ้วย  คล็อปป์ มีปรัชญาส่งนายทวารตัวสำรองลงเฝ้าตาข่ายเพื่อให้ได้ยืดเส้นยืดสายบ้าง

    ไม่ว่าจะเป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์ หรือว่า อาเดรียน

    อย่างนายด่านตาข่ายวัย 23 ปีชาวไอร์แลนด์ได้ลงเล่นในถ้วยใบนี้รอบสามนัดบุกไปสยบ นอริช 3-0 และรอบแปดทีมที่ดวลลูกโทษดับ เลสเตอร์  ขณะที่โกลสแปนิชได้เฝ้าเสาในรายการนี้รอบสี่นัดบุกไปคว่ำ เปรสตัน 2-0

    กระทั่งเกมกับ อาร์เซน่อล คล็อปป์ เผยว่าเขาต้องการส่ง อลิสซง ลงสนามเนื่องจากผู้รักษาประตูทีมชาติบราซิลห่างหายไปจากสังเวียนแข้งนานเกินไปแล้ว จึงสมควรต้องกลับมาเริ่มสร้างความต่อเนื่องอีกรอบ

    และมันเป็นเกมฟุตบอลถ้วยใบเล็กของอังกฤษนัดแรกที่ อลิสซง ได้สัมผัสเกม

    เท่านั้นไม่พอ จากโผตัวจริง กุนซือชาวเยอรมันส่งขุนพลชุดใหญ่ลงบู๊แบบเต็มอัตราศึกอีกต่างหากหลังประสบกับดราม่าผลโควิดลวง ผิดไปจากนโยบายของเขาก่อนหน้านี้ที่ใช้แรงงานเด็กเป็นสำคัญ

    จากโผที่ปรากฏ คล็อปป์ จึงยอมรับว่านี่คือไลน์อัพที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาในเกม คาราบาวคัพ นับตั้งแต่เข้ามากุมบังเหียน หงส์แดง

2. ใบแดงของ กรานิต ชาคา

    ไม่ว่าจะมองในมุมไหน กองกลางทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ก็สมควรได้ใบแดงสถานเดียวในนาทีที่ 24 จังหวะยกเท้าสูงใส่ ดีโอโก้ โชต้า หมายสกัดไม่ให้ดาวเตะโปรตุกีสหลุดเข้าเขตโทษ

    และมันเป็นใบแดงใบที่สองในซีซั่นนี้ของ ชาคา หลังจากเขาโดนตะเพิดในเกม พรีเมียร์ลีก นัดบุกไปโดน แมนฯ ซิตี้ ยำเละ 5-0 ช่วงปลายเดือนส.ค.ซึ่งกองกลางฮาร์ดแมนถูกอัญเชิญออกจากสนามช่วงครึ่งแรกเช่นกันในนาทีที่ 35

    สำหรับช่วงนั้น เรือใบสีฟ้า นำอยู่ก่อนแล้ว 2-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 3-0 ก่อนกำชัยขาดลอย 5-0

    อย่างไรก็ดี หากจะว่ากันตั้งแต่ได้ประเดิมสนามกับทีม ปืนใหญ่ ในซีซั่น 2016/17 ต้องบอกว่าไม่มีนักเตะของ พรีเมียร์ลีก คนไหนที่ได้ใบแดงมากกว่าหมอนี่อีกแล้ว

    เพราะมันเป็นใบแดงใบที่ห้าของเขากับทีมดังแห่งกรุงลอนดอนจากการลงเล่นในทุกรายการ

    ถึงกระนั้นก็ให้น่าเซอร์ไพรส์อย่างแรงที่ เร้ด แมชีน อาศัยกำลังพลที่มากกว่าคลำเป้าทีมเยือนใน 45 นาทีแรกไม่ได้เลยจากเปอร์เซนต์การครองบอล 80%-20% ซึ่งทีมเจ้าบ้านได้ยิงสี่หน แต่ไม่เข้ากรอบ อาร่อน แรมสเดล จึงไม่ต้องออกแรงเซฟเลยสักครั้ง

    ครบ 90 นาที ลิเวอร์พูล ครองบอลเหนือกว่าในอัตราส่วน 78%-22% และมีโอกาสยิง 17 ครั้ง แต่เข้ากรอบหนเดียว

    พิจารณาดูแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า อาร์เตต้า มีบทเรียนจากเกมโดน แมนฯ ซิตี้ ถล่มในลีกจึงจัดกระบวนท่าตั้งรับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นที่สุด

    แต่ขณะเดียวกัน มันก็ชัดเจนว่าการปราศจาก ซาลาห์ และ มาเน่ ทำให้ หงส์แดง ไม่มีตัวรุกที่จะกระชากบอลทะลุทะลวงเข้าเขตโทษทีมจากลอนดอนเลยซึ่งส่งผลให้เกมรุก ตลอดจนจังหวะสุดท้ายของทีมไร้ประสิทธิภาพ

    นี่ถ้าดาวยิงไอยคุปต์อยู่ในสนามเกมนี้ คาดว่า อาร์เซน่อล อาจมีเละ

    ฉะนั้น หงส์แดง จึงสมควรต่อสัญญาให้ คิงโม ได้แล้ว

    หรือไม่อย่างน้อยถ้า ดิว็อค โอริกี้ ไม่บาดเจ็บ ท่านเทพสัญชาติเบลเยี่ยมอาจลุกไปส่องประตูให้สาวก เดอะ ค็อป ได้เฮในช่วงทดเวลาก็เป็นได้

3.แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์

    หากจะยึดศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เป็นที่ตั้ง ทั้งสองทีมเสียหายพอกันที่ต้องเสียนักเตะคนสำคัญให้กับทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว

    แม้โดยรวม ทีม ปืนใหญ่ จะขาดสมาชิกไปสี่ราย ขณะที่ หงส์แดง เสียคีย์แมนไปสามราย แต่ทีมเยือนคงพอใจไม่น้อยที่พวกเขาไม่ต้องปวดหัวกับพิษสงของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งผละไปรับใช้ชาติเช่นเดียวกับ ซาดิโอ มาเน่ และ นาบี้ เกอิต้า

    สำหรับ อาร์เซน่อล อาจไม่นับรวม ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง ซึ่งถูกดร็อปออกจากทีม และไม่น่าจะถูกส่งลงเล่นเกมนี้อีกตามเคย ทีมจากเมืองหลวงก็ปราศจากนักเตะแอฟริกันไปสามรายซึ่งได้แก่ นิโกล่าส์ เปเป้ , โมฮาเหม็ด เอลเนนีย์ และ โธมัส ปาร์เตย์

4. แปดวันอันตรายของ อาร์เซน่อล

    ก่อนบุกมาเยือน แอนฟิลด์ ทีมของ อาร์เตต้า เพิ่งประสบกับความขายหน้าในเกม เอฟเอคัพ รอบสามที่บุกไปแพ้ ฟอเรสต์ ทีมรองบ่อนในช่วงท้ายด้วยสกอร์ 1-0

    หลังจบแม็ตช์โดน เจ้าป่า เขี่ยร่วงจากถ้วยน็อคเอาท์ ผู้จัดการทีมเลือดกระทิงถึงกับต้องเอ่ยปากขอโทษแฟนบอลที่ทีมเล่นกันได้ไม่ดีพอ ทั้งๆที่ ปืนใหญ่ อยู่ในช่วงมีผลงานดีอย่างต่อเนื่องแท้ๆ

    และก่อนจะเปิดรังบู๊กับ ลิเวอร์พูล นัดสองของถ้วย คาราบาวคัพ เพื่อหาทีมเข้าไปชิงดำกับ เชลซี ที่ เวมบลีย์ อาร์เซน่อล ต้องเจองานหนักก่อนหน้านั้นเช่นกันเนื่องจากสุดสัปดาห์นี้พวกเขามีคิวบุกไปเยือน สเปอร์ส ในศึก พรีเมียร์ลีก

    จากอันดับตาราง จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกมลอนดอนดาร์บี้แม็ตช์นัดนี้ถือเป็นการแย่งพื้นที่ท๊อปโฟร์อย่างแท้จริงเพราะหากทีมไหนมีชัยก็จะเป็นการตัดโอกาสทีมคู่แข่งแบบโดยตรงได้ทันที

    อย่างไรก็ดี ไก่เดือยทอง คงไม่ยอมง่ายๆเนื่องจากนัดล่าสุดพวกเขาเพิ่งโดน สิงห์บลูส์ บุกมาย้ำแค้นเขี่ยตกรอบตัดเชือกถ้วย คาราบาวคัพ ไปหมาดๆ

    จึงเชื่อได้เลยว่าดาวเตะ เดอะ กันเนอร์ส จะต้องหอบซี่โครงบานอีกแม็ตช์หากคิดเก็บสามแต้มกลับบ้านเนื่องจาก สเปอร์ส เองก็มีคิวโหดในลีกเช่นกันที่ต้องบุกไปเยือนทั้ง เลสเตอร์ และ เชลซี ใน พรีเมียร์ลีก หลังเปิดรังซดกับ อาร์เซน่อล อันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลี่ยนจึงต้องเน้นเกมสุดสัปดาห์นี้มากเป็นพิเศษ

5. อาร์เซน่อล ก็มี ซาลาห์

    ซาลาห์ เอ็ดดีน หรือชื่อเต็ม ซาลาห์ เอ็ดดีน อูลาด เอ็มฮันด์ มีชื่อเป็นตัวสำรองของ อาร์เซน่อล ในเกมที่ แอนฟิลด์

    แม้นัดนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวดังทีมชาติอียิปต์ของเจ้าบ้านจะไม่ได้อยู่ในสนาม แต่ทีมเยือนมี ซาลาห์ แทนโดยเจ้าหนูวัย 18 ปีถูกคว้ามาจาก เฟเยนูร์ด สโมสรในฮอลแลนด์แบบไม่มีค่าตัวเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2020

    และแม้จะเป็นขุนพลในทีมเยาวชนของ เดอะ กันเนอร์ส แต่จากปัญหาขาดนักเตะหลายรายรวมทั้ง มาร์ติน โอเดการ์ด และ เอมิล สมิธ โรว์ มิดฟิลด์วัยรุ่นชาวเมืองกังหันลมจึงถูก อาร์เตต้า ใส่ชื่อเอาไว้ที่ม้านั่งข้างสนามด้วย

    อย่างไรก็ดี เขาเคยมีชื่อนั่งอยู่ในซุ้มโดยไม่ได้ลงเล่นมาก่อนแล้วในเกมรอบ 16 ทีมถ้วยเดียวกันนี้ซึ่ง เดอะ กันเนอร์ส เฝ้าบ้านพิชิต ลีดส์ 2-0