สุดสัปดาห์นี้ พรีเมียร์ลีก มีบิ๊กแมตช์ให้แฟน ๆ ได้ลุ้นเชียร์ถึงสองสนาม โดยวันเสาร์ มี แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านรับมือ เชลซี ส่วนวันอาทิตย์ มีศึก นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ อาร์เซน่อล ปะทะ สเปอร์ส ส่วนคู่อื่น ๆ มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันได้เลย

    "แมนฯ ซิตี้ - เชลซี"

    ราฮีม สเตอร์ลิง แนวรุก แมนฯ ซิตี้ ทำประตูใน พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เอติฮัด ไปแล้ว 49 ลูก และรอวันที่จะเป็นผู้เล่นคนที่สองของ "เรือใบสีฟ้า" ที่ทำได้แตะหลัก 50 ประตูต่อจาก เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ทำไว้ 106 ตุง

    นี่เป็นครั้งที่สองเท่านั้นที่การพบกันของคู่นี้ลงสนามในฐานะสองทีมอันดับแรกของลีก โดยครั้งแรกคือเมื่อเดือนมกราคม ปี 2015 ที่ ซิตี้ ทีมอันดับสองในตอนนั้นเสมอกับ เชลซี ที่จ่าฝูง 1-1

    หลังจากเอาชนะ ลิเวอร์พูล 4-0 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 และเชือด "สิงห์บลูส์" 1-0 ช่วงต้นซีซั่น "เรือใบสีฟ้า" ก็เตรียมเป็นสโมสรเมืองผู้ดีทีมที่ 4 ที่เอาชนะทีมแชมป์เก่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สามครั้งติดต่อกันทุกรายการต่อจาก น็อตส์ เคาน์ตี้ (1892), สเปอร์ส (1983/84) และ เอฟเวอร์ตัน (1984/85)

    เควิน เดอ บรอยน์ มีส่วนร่วมกับประตู 4 ลูกจาก 4 เกมลีกหลังสุดที่เผชิญหน้ากับ เชลซี ทีมเก่า (3 ประตู 1 แอสซิสต์) โดยหากรวมทั้งหมด เขาซัดประตูใส่ เชลซี ในลีกไปแล้ว 4 ลูก เป็นรองแค่ อาร์เซน่อล ทีมเดียวที่เขาทำสกอร์ได้มากกว่า (5)

    "แอสตัน วิลล่า-แมนฯ ยูไนเต็ด"

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะเกมเยือน พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 299 นัด และจะเป็นนัดที่ 300 หากเอาชนะที่ วิลล่า พาร์ค ได้ โดยไม่มีทีมไหนอีกแล้วที่จะคว้าชัยเหนือทีมทีมหนึ่งได้ถึง 37 นัด และบุกชนะ 17 นัดได้มากกว่าที่ "ปีศาจแดง" เอาชนะ วิลล่า ได้

    แอสตัน วิลล่า มองหาชัยชนะแบบไป-กลับเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้เป็นครั้งแรก หลังจากเกมก่อนที่เจอกันพวกเขาบุกชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด 1-0

    คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีส่วนร่วมไปแล้ว 11 ประตูใน 9 เกมลีกที่เจอกับ "สิงห์ผงาด" (8 ประตู 3 แอสซิสต์) ซึ่ง วิลล่า เป็นทีมที่เขาทำสกอร์ได้มากสุดในเวที พรีเมียร์ลีก

    ในตอนยังเป็นผู้เล่น สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะเวลาเจอ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 10 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติเทียบเท่า นิโกล่าส์ อเนลก้า, จอห์น เทอร์รี่ และ ปีเตอร์ เช้ก อย่างไรก็ตาม หากนับกุนซือรักษาการณ์ด้วย มีผู้จัดการทีมแค่รายเดียวจาก 18 รายที่คว้าชัยได้ตั้งแต่เกมแรกที่ลงคุมทีมเจอ "ปีศาจแดง" นั่นก็คือ มิเกล อาร์เตต้า กับ อาร์เซน่อล เมื่อเดือนมกราคม ปี 2020

    "ลิเวอร์พูล-เบรนท์ฟอร์ด"

    หลังจากคว้าชัย 14 เกมรวด ลิเวอร์พูล ก็พลาดชัยชนะทั้งสองเกมหลังที่เล่นในบ้านตัวเองที่เจอกับทีมน้องใหม่ โดยเสมอกับ เวสต์บรอมวิช และแพ้ต่อ ฟูแล่ม เมื่อซีซั่นก่อน ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ "หงส์แดง" ไม่ชนะทีมน้องใหม่ 3 เกมติดต้องย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2000 -มกราคม ปี 2002

    โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ทำไป 4 ประตูจาก 3 เกมหลังที่เจอกับทีมน้องใหม่ โดยรวมแฮตทริกที่เจอกับ วัตฟอร์ต ไปแล้วด้วย แต่เมื่อย้อนสถิติทั้งหมด ปรากฏว่าหัวหอกแซมบ้าทำได้แค่ 4 ลูกจาก 27 นัดที่เจอทีมน้องใหม่บนศึก พรีเมียร์ลีก

    เบรนท์ฟอร์ด เอาชนะได้ถึง 3 จาก 6 เกมลีกที่ลงเล่นในวันอาทิตย์ (เสมอ 1 แพ้ 2) โดยทีมทั้งหมดที่ลงเล่นในวันนี้อย่างน้อย 5 นัด พวกเขาเป็นหนึ่งในสี่ทีมที่คว้าชัยได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของจำนวนเกมที่ลงเล่นวันอาทิตย์ ซึ่งที่เหลือมี แมนฯ ยูไนเต็ด (165/301), เชลซี (137/270) และ อาร์เซน่อล (151/300)

    ดิโอโก้ โชต้า ทำประตูที่ แอนฟิลด์ ได้ 4 ลูกจาก 4 นัดหลังสุด โดยก่อนหน้านี้ทำได้แค่เม็ดเดียวจากการลงสนาม 12 นัด

    "สเปอร์ส-อาร์เซน่อล"

    ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ ยังไม่แพ้ใครเลยตลอด 8 เกมลีกหลังสุด ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดของกุนซือ "ไก่เดือยทอง" ที่ทำทีมไร้พ่ายในการออกสตาร์ทกับทีม ขณะที่ผู้จัดการทีม สเปอร์ส คนสุดท้ายที่ทำทีมแพ้เกมลีกนัดแรกในศึก นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ คือ ออสซี่ อาร์ดิเลส ที่พ่ายคาบ้านต่อ อาร์เซน่อล 0-1 เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 1993

    ชัยชนะที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 3-1 เมื่อเดือนกันยายน ทำให้ อาร์เซน่อล มองหาการคว้าชัยเหนือ สเปอร์ส ไป-กลับในซีซั่นเดียวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2013/14

    สเปอร์ส ไม่แพ้ อาร์เซน่อล ในบ้านตัวเองเลยตลอด 7 เกมลีกหลังสุด (ชนะ 5 เสมอ 2) โดยสถิติที่ยาวนานที่สุดเกิดขึ้น 9 นัดตอนช่วงระหว่างปี 1960-1968
   
    เอมิล สมิธ โรว์ และ บูกาโย่ ซาก้า ต่างมีชื่อบนสกอร์บอร์ดให้ อาร์เซน่อล ในนัดแรกที่เจอ สเปอร์ส โดยแข้งชาวอังกฤษ คนสุดท้ายที่ทำประตูในเกมเจอกับ สเปอร์ส ทั้งไปและกลับในซีซั่นเดียวคื เอียน ไรท์ ตอนซีซั่น 1993/94