ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » เทพีแห่งโชคไม่ได้อยู่ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด!ผ่า 5 ประเด็น แมนยู ตกรอบ เอฟเอ คัพ

เทพีแห่งโชคไม่ได้อยู่ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด!ผ่า 5 ประเด็น แมนยู ตกรอบ เอฟเอ คัพ

Posted 05/02/2022 by siamsport



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องโบกมือลาศึกเอฟเอ คัพ เพียงแค่รอบ 4 เท่านั้น เมื่อพวกเขาพ่ายดวลจุดโทษต่อ มิดเดิลสโบรช์ 7-8  หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
    โดยแมตช์นี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พลาดยิงจุดโทษในช่วงต้นเกมด้วย ขณะเดียวกันประตูตีเสมอของ "เดอะ โบโร่" ต้องขอบคุณ "วีเออาร์" ที่ไม่จับว่าเป็นจังหวะแฮนด์บอล

    ซึ่งความผิดหวังในแมตช์นี้ทำให้โอกาสในการลุ้นแชมป์ฟุตบอลถ้วยของพวกเขาต้องหลุดลอยไป 1 รายการ และเหลือแค่ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น ซึ่ง "ผีแดง" คงต้องลุ้นหนักหากอยากประสบความสำเร็จ !!


1. วีเออาร์นำ โบโร่ รอดตาย


    แมนฯยูฯ ใช้แนวรุกที่จัดว่าดุดันลงสนามนำโดน เจดอน ซานโช่, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงตัวจริง ซึ่งต้องบอกว่าทีมเล่นได้เหนือกว่า "เดอะ โบโร่" อย่างเห็นได้ชัด สามารถสร้างโอกาสในการทำประตูได้มากมาย ก่อนที่ ซานโช่ จะช่วยให้ "เร้ด เดวิลส์" ขึ้นนำในนาทีที่ 25

    หลังจากนั้นเจ้าบ้านก็ยังครองเกมได้เหนือกว่า แต่สุดท้ายโดนทีมเยือนตีเสมอได้ในครึ่งหลังจากจังหวะที่น่ากังขาอย่างมาก เพราะเห็นได้ชัดว่า ดันแคน วัตมอร์ ทำแฮนด์บอลก่อนที่จะส่งให้ แม็ตต์ ครู้กส์ จัดการสังหารไม่เหลือซาก

    อย่างไรก็ตาม "วีเออาร์" เช็คแล้วว่าจังหวะนั้นไม่ผิดกฎ เพราะเป็นจังหวะที่ไม่ได้เจตนาใช้มือเล่น และนั่นทำให้ มิดเดิลสโบรช์ ได้ประตูตีเสมอ จะว่าไปแล้วแฟนบอล "เดอะ โบโร่" ต้องขอบคุณที่มีการเปลี่ยนแปลงกฎนี้เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2021 เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาคงได้เฮเก้อแหงๆ 
 

2. ป็อกบากลับมาลงตัวจริง

    รังนิก มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเยอะมากและจำเป็นต้องบริหารจัดการทีมอย่างระมัดระวัง แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเขาที่ ป็อกบา กลับมาฟิตสมบูรณ์และสามารถลงสนามช่วยทีมได้ในแมตช์นี้

    โดยการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นในระบบ 4-3-3 ทำให้ ดาวเตะชาวฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในสองมิดฟิลด์ที่ได้ประสานงานร่วมกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส

    โดยเขามีส่วนช่วยให้ทีมได้จุดโทษในนาทีที่ 18 นอกจากนี้กองกลางแชมป์โลกมีส่วนในเกมบุกของทีมเยอะมาก และพยายามที่จะวิ่งไล่บี้เพื่อแย่งบอลคืนจากแดนกลาง ที่สำคัญเขามีส่วนในการตัดบอลจาก "เดอะ โบโร่" ก่อนที่จะส่งให้ จอมทัพเลือดโปรตุกีส ที่แอสซิสต์ให้กับ เจดอน ซานโช่ กดประตูให้เจ้าบ้านขึ้นนำในช่วงครึ่งแรก กระนั้นด้วยสภาพร่างกายที่เพิ่งฟื้นตัว

    ทำให้นักเตะมีอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด และจำเป็นต้องโดนถอดออกไปในช่วงครึ่งหลัง แต่ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับ "ปีศาจแดง" ที่ได้ขุมกำลังระดับโลก กลับมาช่วยทีมในการลุ้นท็อปโฟร์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
 

3. โรนัลโด้พลาดจุดโทษอย่างไม่น่าเชื่อ

 

    ปกติแล้ว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในจอมสังหารจุดโทษที่ไว้วางใจได้ แต่วันนี้ดูเหมือนไม่ใช่วันของเขาจริงๆ เพราะดันซัดบอลออกเสาอย่างน่าเหลือเชื่อ

    ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับ "เฮียโด้" มากนัก จะว่าไปแล้ว โรนัลโด้ ถือว่ายิงดีพอสมควรเพราะหากตรงกรอบ โจ ลัมลี่ย์  คงยากจะปัดได้ นอกจากจังหวะพลาดจุดโทษแล้ว "ซีอาร์ 7" พยายามที่จะมุ่งมั่นแก้ตัวให้ได้ และใช้พละกำลังในการวิ่งเยอะมากตลอด 120 นาที แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย

    แม้สุดท้ายเจ้าตัวจะสามารถยิงประตูในการดวลจุดโทษ แต่มันไม่เพียงพอที่จะนำ "ผีแดง" เข้าไปเล่นในรอบต่อไป เชื่อว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส คงอยากให้จังหวะนี้เกิดขึ้นในเวลามากกว่า และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นเขายังคงต้องรอประตูแรกในปี 2022 ต่อไป เพราะเข้าสู่ปีขาล โรนัลโด้ ยังไม่สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายให้กับต้นสังกัดได้เลย
 

4. โทรฟี่ที่ได้ลุ้นมากที่สุดหลุดลอยไป

    บรูโน่ แฟร์นันด์ส เพิ่งจะออกมาประกาศก้องจะพยายามนำ "ผีแดง" คว้าแชมป์ให้ได้ในฤดูกาลนี้ โดยก่อนแมตช์นี้พวกเขามีลุ้นในถ้วยเอฟเอ คัพ กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ตอนนี้ทีมเหลือลุ้นความสำเร็จแค่รายการเดียวนั่นก็คือโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์"

    ซึ่งแน่นอนว่าโอกาาสที่พวกเขาจะได้มาครอบครองมันยากซะเหลือเกิน ยิ่งเมื่อเทียบกับฟอร์มการเล่นของทีมในเวลานี้ ยิ่งแทบไม่ต้องฝันเลยว่าจะเห็นถ้วย "หูกาง" แวะมาประดับในตู้โชว์สโมสรซีซั่นนี้ แน่นอนว่า เอฟเอ คัพ เป็นโอกาสทองที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีสิทธิ์ที่จะได้แชมป์มากที่สุด

    แต่พวกเขาดันปล่อยให้มันหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นหากทีมจบฤดูกาลมือเปล่าอีกครั้ง นั่นหมายความว่า เจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 20 สมัย จะไร้โทรฟี่แชมป์ 5 ปีติดต่อกันเลยทีเดียว

    ดังนั้นสิ่งที่ รังนิก ต้องทำต่อจากนี้ก็คือกระตุ้นลูกทีมให้กับมามีสมาธิ และพยายามที่จะทำผลงานเพื่อรักษาโอกาสในการลุ้นท็อปโฟร์ให้ได้ก่อน ส่วนเรื่องความสำเร็จต้องค่อยๆ คิดไปทีละสเต็ป แต่เหนือสิ่งอื่นใดอย่างพยายามออกมาพูดเรื่องนี้มากนักเพราะจะกลายเป็นดาบสองคมทำให้ตัวเองกดดันเปล่าๆ !!


5. สภาพนักเตะอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ

    แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในช่วงโปรแกรมแน่นเอี๊ยดในช่วงเดือนแห่งความรัก โดยหลังจบแมตช์กับ มิดเดิลสโบรช์ พวกเขาจะมีเกมที่จะต้องปะทะกับ เบิร์นลี่ย์ เกมพรีเมียร์ลีก วันอังคารนี้

    ซึ่งการที่ทัพ "ปีศาจแดง" ต้องเล่นเกมเอฟเอ คัพ ลากยาวถึง 120 นาที ทำให้สภาพร่างกายของนักเตะต้องใช้เวลาในการพักฟื้นร่างกายหลายวัน แต่ลูกทีมของกุนซือราล์ฟ รังนิก จะได้พักราวๆ 3 วัน แม้ว่ามันดูเหมือนเยอะ

    แต่สำหรับเกมลีกเมืองผู้ดีที่เน้นพละกำลัง แถมคู่แข่งกลางสัปดาห์ยังเป็นทีมที่เน้นการปะทะของร่างกายซะด้วย รวมทั้งทีมเพิ่งจะเสียขวัญจากการตกรอบ เอฟเอ คัพ  

    มีความเป็นไปได้ที่ แมนฯ ยูฯ อาจจะมีอาการป้อแป้ แม้คู่แข่งของพวกเขาจะเป็นทีมบ๊วยในตารางลีก แต่การได้เล่นในบ้าน และเจอกับ "ผีแดง" ที่อยู่ในช่วงจิตตก งานนี้อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งหาก แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดคว้า 3 คะแนนสำคัญ อาจสุ่มเสี่ยงต่อการเสียอันดับ 4 ให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, สเปอร์ส หรือ อาร์เซน่อล ได้เลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »