เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมคเกอร์กัปตันทีมชาติไทย พลาดโอกาสคว้าโทรฟี่แรกบนแผ่นดินญี่ปุ่น หลังจาก คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ต้นสังกัดใหม่พ่ายต่อ อุราวะ เร้ดส์ ในศึก ฟูจิฟิล์ม ซูเปอร์ คัพ 2022

รายการนี้คืออีเวนท์ที่นำสองทีมแชมป์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งแดนอาทิตย์อุทัยมาวัดฝีเท้ากัน โดย ฟรอนตาเล่ มาในฐานะ แชมป์ เจลีก ส่วน อุราวะ ท้าชนด้วยศักดิ์ศรีแชมป์ เอ็มเพอเรอร์ส คัพ

ชนาธิป ได้รับความไว้วางใจจาก โทรุ โอนิกิ เฮดโค้ชใหญ่ลงสนามเป็นตัวจริงเป็นครั้งแรกในสีเสื้อ "อัซซูโร่เนโร่" ซึ่งเจ้าตัวมีเวลาอยู่ในสนามเป็นเวลา 77 นาทีก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก

ตลอดเวลาที่โลดแล่นบนผืนหญ้าที่ นิสสัน สเตเดี้ยม "ชนาคุง" มีฟอร์มเป็นอย่างไร และมีจุดไหนที่เข้าตา รวมถึงตรงไหนที่ต้องนำไปปรับ เราไปวิเคราะห์พร้อม ๆ กัน

- ออกสตาร์ตเคียงข้างสตาร์ดัง

โทรุ โอนิกิ แม่ทัพใหญ่แห่ง ฟรอนตาเล่ ส่ง ชนาธิป ลงเล่นเกมรุกร่วมกับ เลอันโดร ดามิเยา และ อากิฮิโร่ อิเอนากะ สองแกนหลักจากซีซั่นที่แล้ว โดยดาวเตะช้างศึก ประจำการตรงพื้นที่ทางกราบซ้ายคอยประสานงานกับ เคียวเฮ โนโบริซาโตะ ทางริมเส้น

บทบาทตรงพื้นที่นี้ของ ชนาธิป เป็นสิ่งที่แฟนบอลชาวไทย ไม่คุ้นตาเท่าไหร่นัก เพราะไม่ว่าจะในนามทีมชาติ หรือ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทีมเก่า เราจะเห็น "เจ" ยืนคอยปั้นเกมตรงกลางเป็นส่วนใหญ่

และยิ่งไปกว่านั้น ชนาธิป ยังต้องเจอตอชิ้นใหญ่เผชิญหน้าเงยขึ้นมาปะ ฮิโรกิ ซาไก แบ็กขวา อุราวะ ที่มีดีกรีเป็นถึงตัวจริงทีมชาติญี่ปุ่น ชุดใหญ่ ผ่านประสบการณ์ค้าแข้งในยุโรปกับ มาร์กเซย มาหลายปี

หลังเสียประตูให้ อุราวะ เร้ดส์ ตั้งแต่ไก่โห่ ฟรอนตาเล่ พยายามตั้งเกมบุกตามที่ตัวเองถนัด พวกเขาครองบอลได้เป็นส่วนใหญ่ก็จริงแต่โอกาสเข้าทำแทบไม่เกิดขึ้น

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือช่วง 45 นาทีแรก การเล่นของ ชนาธิป ดูไม่เข้าตาเท่าไหร่

 สาเหตุที่ต้องบอกเช่นนี้คือ ความไหลลื่นของเกมบุก ฟรอนตาเล่ ทางฝั่งซ้ายกับขวาต่างกันสิ้นเชิง

 ด้านขวาที่มี อิเอนากะ กับ มิกิ ยามาเนะ คอยประสานงานกัน เคลื่อนที่ตัดแนวรับได้ดี ซึ่งเป็นภาพที่เราเห็นได้บ่อยเมื่อ ฟรอนตาเล่ พยายามจะเข้าในกรอบเขตโทษ

 อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งซ้าย ชนาธิป ยังไม่สามารถสอดประสานงานให้เหมือนกับเพื่อนที่อยู่ด้านตรงข้ามได้ ทำเพียงส่งบอลคืน และมีสองจังหวะที่เจ้าตัวพยายามวางบอลข้ามแนวรับให้ตัวโฉบฝั่งขวาเข้าทำ แต่วิถีบอลยังไม่แม่นยำพอ

- เข้าสู่ที่ที่ถนัดในช่วงครึ่งหลัง

 หลังเสร็จสิ้นช่วงพักครึ่งแรก โอนิกิ ตัดสินใจถอด ชูเอา ชมิดท์ มิดฟิลด์โปรตุกีส ที่ช่วงครึ่งแรกเล่นต่ำกว่ามาตรฐานออก แล้วส่ง มาร์ซินโญ่ แนวรุกตัวริมเส้นลงมาทำให้ ชนาธิป ถูกขยับมาเล่นตรงกลางในตำแหน่งที่คุ้นเคย

 ตรงพื้นที่ตรงนี้นี่เอง ที่ ชนาธิป เริ่มเล่นเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีจังหวะแทงทะลุช่องให้ มาร์ซินโญ่ หลุดเข้าไปถึงกรอบเขตโทษ ซึ่งบอลลักษณะนี้ แทบไม่ได้เห็นเลยในช่วงครึ่งเวลาแรก

 นอกจากนี้ การยืนตรงกลางยังเอื้อให้ ชนาธิป อาศัยโชว์ทักษะหลอกล่อคู่แข่ง รวมถึงมีจังหวะได้สับไกไปหนึ่งดอก ทว่าไปติดบล็อกแนวรับ อุราวะ ที่ตามมาเซฟไว้ได้ทัน

 ถึงกระนั้น ปัญหาของ ฟรอนตาเล่ คือการเจาะแนวรับ อุราวะ ที่ยืนเรียงหน้ากระดานรับมือเกมบุกได้ทุกรูปแบบ ตลอดทั้ง 90 นาทีทีมแชมป์เจลีก 3 สมัยซ้อนมีโอกาสยิงเข้ากรอบแค่ครั้งเดียวจากการยิงทั้งหมด 4 ครั้งทั้งที่ตัวเลขการครองบอลเหนือกว่า 58% ต่อ 42%

 - ฟรอนตาเล่ ต้องจูนใหม่ทั้งเกมรุก-เกมรับ

 นับตั้งแต่เสีย คาโอรุ มิโตมะ ช่วงกลางฤดูกาลที่แล้ว เกมรุกของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ มีเป๋ไปพักใหญ่ ซึ่งกว่าจะจูนกันได้ติดก็ต้องใช้เวลาหลายเกม เคราะห์ดีที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาตุนแต้มไว้ได้เป็นกอบเป็นกำ จนไม่ส่งผลเสียต่อการป้องกันแชมป์เจลีกเท่าไหร่นัก

 อย่างไรก็ดี มาปีนี้ ฟรอนตาเล่ เสียอีกหนึ่งกำลังหลักที่มีบทบาทต่อทีมสูงมากอย่าง เรโอะ ฮาตาเตะ แข้งสารพัดประโยชน์ที่ออกไปเก็บเกี่ยวเลเวลกับ เซลติก ที่ลีก สกอตแลนด์ ซึ่งการได้ ชนาธิป เข้ามา โอนิกิ ก็หวังว่าจะเข้ามาอุดช่องว่างตรงนี้ ถึงกระนั้น ยังต้องให้เวลาแก่ ชนาธิป ในการปรับตัวให้เข้ากับแท็กติก เพราะการเล่นบอลระบบของ ฟรอนตาเล่ อยู่ในความเข้มข้นที่สูงมาก

 อีกหนึ่งในปัญหาของ ฟรอนตาเล่ ที่ต่อเนื่องจากท้ายซีซั่นก่อนคือคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ โดยวันนี้การจับคู่กันของ โชโกะ ทานิงูจิ กับ ชินทาโร่ คุรุมายะ ไม่ลงตัวเท่าที่ควร จังหวะที่เสียประตูที่สองเกิดจากข้อผิดพลาดของฝ่ายหลัง ซึ่งการขาดหายไปของ เชเซียล ปราการหลังจอมแกร่งชาวบราซิเลี่ยน ที่บาดเจ็บจากปลายฤดูกาลที่แล้วนับเป็นหลุมขนาดใหญ่

 - อุราวะ ไม่หมู พร้อมขึ้นท้าทายบัลลังก์แชมป์

 ในขณะที่ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ หมายครองแชมป์เจลีก 3 สมัยติดต่อกัน ด้าน อุราวะ เร้ดส์ ก็ตั้งเป้าที่จะผงาดกลับไปครองบัลลังก์แชมเปี้ยนส์อีกครั้ง

 ระยะเวลากินนานไปกว่า 15 ปีที่ อุราวะ เร้ดส์ ไม่ได้ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของ เจลีก ครั้งแรกและครั้งเดียวที่พวกเขาทำได้คือต้องย้อนไปเมื่อปี 2006

 นับตั้งแต่พ่ายคาบ้านต่อ ฟรอนตาเล่ 0-5 เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2021 เชื่อหรือไม่ว่าการเจอกัน 4 ครั้งหลังสุดที่ ริคาร์โด้ โรดริเกซ ลงคุมทีมเผชิญหน้ากับ "อัซซูโร่เนโร่" นั้น เขาไม่แพ้อีกเลย โดยเขี่ย ฟรอนตาเล่ ร่วงตกรอบ เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในรอบรองฯ ด้วยผลเสมอทั้งสองนัด และได้เข้ารอบไปด้วยกฎประตูทีมเยือน ขณะที่เกมลีกก็สามารถบุกยันเสมอ 1-1 ที่ คาวาซากิ โทโดโรกิ สเตเดี้ยม ได้

 จนกระทั่งเกมนี้ โรดริเกซ วางหมากได้อย่างแยบยล ใช้แท็กติกของตัวเองเอาชนะ ฟรอนตาเล่ ของ โอนิกิ ไปแบบน่าประทับใจ กดให้ทีมที่มีเกมบุกเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไร้สกอร์ แถมยังปิดให้ยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

 - ก้าวต่อไปของ ชนาธิป

 การโยกข้ามจากแดนเหนือมาอยู่ฝั่งใต้ของเกาะญี่ปุ่น ครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางอาชีพของ ชนาธิป สรงกระสินธ์

 สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจคือ บทบาทของ ชนาธิป กับ ฟรอนตาเล่ จะต่างออกไปจาก คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ถิ่นเก่า

 ที่นี่ "เจ" ไม่ใช่ผู้เล่นที่จะแบกภาระ ไม่ใช่คนที่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อทำให้ทีมเอาชนะคู่แข่ง แต่ที่นี่จะเป็นที่ที่ "เจ" ต้องคอยประสานงานกับซูเปอร์สตาร์คนอื่น ๆ ไม่ใช่ตัวความหวังเหมือนที่ ซัปโปโร

 การเข้าใจแท็กติก และการเคลื่อนที่ในรูปแบบ ฟรอนตาเล่ คือสิ่งที่ ชนาธิป ต้องปรับตัวให้ได้โดยไว และด้วยความสามารถบวกกับความตื่นตัวพร้อมเรียนรู้ตลอดเวลาแล้ว เชื่อเหลือเกินว่า ชนาธิป จะไม่ทำให้คนไทยผิดหวังแน่นอน