ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ฮาแวร์ตซ์ซูเปอร์ฮีโร่,อบราโมวิชกวาดหมดโต๊ะ! 5 ข้อเชลซีคว้าแชมป์สโมสรโลก

ฮาแวร์ตซ์ซูเปอร์ฮีโร่,อบราโมวิชกวาดหมดโต๊ะ! 5 ข้อเชลซีคว้าแชมป์สโมสรโลก

Posted 13/02/2022 by siamsport

เป็นอันว่า เชลซี คว้าแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลกเป็นผลสำเร็จจากการเอาชนะ พัลไมรัส ทีมจากเมืองกาแฟ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
    ในที่สุดทีมจากลอนดอนก็ไม่ทำให้สาวกต้องผิดหวังเมื่อประกาศศักดาซิวโทรฟี่ใบสำคัญนี้มาครองเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรจนได้

    และนี่คือ 5 ข้อที่น่าสนใจต่อความสำเร็จหนนี้ของทีมจากเมืองผู้ดี

    1. โธมัส ทูเคิ่ล เสี่ยงเปลี่ยนทีมอย่างได้ผล

    จากเกมชนะ อัล ฮิลาล 1-0  ในรอบตัดเชือก โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือทีม เชลซี ซึ่งหายป่วยจากโควิดบินมาคุมทีมลงเล่นนัดชิงชนะเลิศได้สำเร็จจัดแจงเปลี่ยนทีมบู๊กับ พัลไมรัส สี่ตำแหน่ง

    ไม่ว่าจะเป็น  เอ็นโกโล่ ก็องเต้ , เมสัน เมาท์น และ คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย ที่ได้ลงเล่นแทน จอร์จินโญ่ , มาร์กอส อลอนโซ่ และ ฮาคิม ซีเย็ค ซึ่งหล่นไปนั่งในซุ้มข้างสนาม

    อย่างไรก็ดี จุดที่น่าพูดถึงมากที่สุดคือการดร็อป เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ไปเป็นตัวสำรองเพื่อเปิดทางให้ เอดูอาร์ เมนดี้ นายทวารแชมป์ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ กลับมาเฝ้าเสาในตำแหน่งตัวจริง

    ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะนับตั้งแต่นายทวารทีมชาติ เซเนกัล ผละไปจากสโมสร มือกาวทีมชาติสเปนสามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้  และพาทีมเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่กลับไม่ได้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ

     รวมแล้ว อาร์ริซาบาลาก้า เฝ้าตาข่ายเป็นมือหนึ่งแทน เมนดี้ ที่อำลาสโมสรไปรับใช้ชาติตั้งแต่เกม พรีเมียร์ลีก นัดเสมอกับ ลิเวอร์พูล 2-2 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ช่วงต้นเดือนม.ค. มากถึงเจ็ดนัด และเขาพาทีมดังแห่งกรุงลอนดอนสร้างผลงานชนะห้า เสมอหนึ่ง (บุกเสมอ ไบรท์ตัน 1-1 ในลีก) แพ้หนึ่ง (บุกไปแพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-0 ในลีก)

    ส่วนอีกนัด มาร์คัส เบตตเนลลี่ นายทวารอิงลิชได้ลงสนามพาทีมเปิดบ้านยำใหญ่ เชสเตอร์ฟิลด์ 5-1 ในศึก เอฟเอคัพ รอบสาม

    และเมื่อผลปรากฏว่า เชลซี ซิวแชมป์สโมสรโลกไปครองจึงเท่ากับว่า ทูเคิ่ล ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง หาไม่แล้วหากเผอิญว่า สิงห์บลูส์ ปราชัยให้กับ พัลไมรัส รับรองได้เลยว่ากุนซือวัย 48 ปีจะต้องโดนถล่มเละแน่ข้อหาเปลี่ยนตัวนายทวารที่กำลังเข้าฝักในเกมที่มีเดิมพันสูงลิบ 

    2. เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า นักเตะประวัติศาสตร์

    หลังมีส่วนในความสำเร็จที่ อาบูดาบี อัซปิลิกวยต้า ก็กระโดดขึ้นสู่ทำเนียบนักเตะประวัติศาสตร์ของถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทันที

    จากการรับใช้ เชลซี มานานสิบปี กองหลังสแปนิชได้แชมป์กับสโมสรรวมทั้งสิ้นเป็นใบที่เก้าแล้ว และเป็นคนเดียวของทีมที่ได้ครองแชมป์ครบทุกรายการ

    แบ่งได้เป็นแชมป์ สโมสรโลก 1 สมัย

    แชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย

    แชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย

    แชมป์ ยูโรปาลีก 2 สมัย

    แชมป์ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย

    แชมป์ เอฟเอคัพ 1 สมัย

    และแชมป์ ลีกคัพ 1 สมัยโดยเจ้าตัวอาจได้เพิ่มเป็นสมัยที่สองด้วยหากเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ในเกมชิงดำวันที่ 27 ก.พ.นี้

    ยิ่งไปกว่านั้น อัซปิลิกวยต้า ยังเป็นดาวเตะทีม เชลซี คนเดียวที่ยังรับใช้สโมสรอยู่จากชุดที่แพ้ให้กับ โครินเธียนส์ ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลสโมสรโลกปี 2012

    เท่านั้นไม่พอ อัซปิลิกวยต้า ยังได้รางวัล ฟีฟ่า แฟร์เพลย์ อวอร์ด ของศึกสโมสรโลกงวดนี้ด้วย ขณะที่ ติอาโก้ ซิลวา คว้ารางวัล เพลเยอร์ ออฟ เดอะ ทัวร์นาเมนต์

    3.เสี่ยหมีกวาดแชมป์ครบทุกรายการแล้ว

    โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์ เชลซี ตั้งแต่ปี 2003

    ถึงวันนี้ มันกินเวลา 18 ปีแล้วที่เขาทุ่มเทให้การสนับสนุนด้านการเงินกับทีม สิงห์บลูส์

    และเท่าที่ผ่านมา เศรษฐีชาวเมืองหมีขาวสมหวังกับการได้สัมผัสกับโทรฟี่ในเกมลูกหนังครบทุกชิ้นแล้ว ขาดก็แต่ ฟีฟ่าคลับเวิร์ลคัพ เท่านั้น

    หากแต่อันที่จริง เชลซี เคยเข้าชิงดำฟุตบอลรายการนี้มาแล้วในปี 2012 ยุคที่ ราฟาเอล เบนิเตซ เป็นผู้จัดการทีม แต่พวกเขามีอันต้องแพ้ให้กับ โครินเธียนส์ ทีมจากบราซิลเช่นกันด้วยสกอร์ 1-0 ที่ โยโกฮาม่า

    จนมาวันนี้ อบราโมวิช ซึ่งเดินทางไปเชียร์ทีมบนอัฒจันทร์ของสนาม บิน ซาเยด สเตเดี้ยม ด้วยก็ได้สมหวังกับการรอคอยจนได้

    รวมแล้ว เสี่ยหมี ได้แชมป์ทั้งหมดกับ เชลซี ดังนี้

    พรีเมียร์ลีก 5 สมัย

    แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย

    ยูโรปาลีก 2 สมัย

    เอฟเอคัพ 5 สมัย

    ลีกคัพ 3 สมัย

    คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2 สมัย

    ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 สมัย

    สโมสรโลก 1 สมัย

    ขณะเดียวกัน มีข่าวว่าเขาสนใจลงทุนเทคโอเวอร์ วาสโก ดา กาม่า สโมสรฟุตบอลในเมืองกาแฟเพิ่มอีกโดยเตรียมตัดหน้ากลุ่มทุน FSG เจ้าของสโมสร ลิเวอร์พูล ชาวอเมริกันซึ่งพร้อมเทคโอเวอร์ทีมลูกหนังแห่งนี้เช่นกัน

    อย่าไรก็ตาม จากผลพวงของชัยชนะที่มีต่อ พัลไมรัส เชลซี จึงกลายเป็นทีมที่สามจากอังกฤษที่ประสบความสำเร็จได้แชมป์สโมสรโลกไปครองต่อจาก แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล

    แม้ หงส์แดง จะลงเล่นนัดชิงรายการนี้ก่อนในปี 2005 แต่พวกเขาแพ้ให้กับ เซา เปาโล 1-0 และเป็น ผีแดง ที่ได้แชมป์รายแรกจากเมืองผู้ดีในปี 2008 จากการพิชิต แอลดียู กีโต้ จาก เอกวาดอร์ 1-0

    จากนั้นในปี 2012 สิงห์บลูส์ ทะลุไปชิงดำกับ โครินเธียนส์ แต่ก็พ่ายไปด้วยสกอร์ 1-0 กระทั่งปี 2019 ลิเวอร์พูล ก็ได้โทรฟี่ไปเชยชมด้วยการพิชิต ฟลาเมงโก้ 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

    4.ไค ฮาแวร์ตซ์ เกิดมาเพื่อสิ่งนี้

    ถ้าไม่เครียดก็คงไม่ใช่ สำหรับใครก็ตามไม่เฉพาะดาวเตะทีมชาติเยอรมันหรอกที่รับหน้าที่ยิงลูกโทษสุดสำคัญพาทีม สิงห์บลูส์ คว้าแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลกเป็นสมัยแรก

    เท่านั้นแหละ พ่อค้าแข้งวัย 22 ปีก็ได้ชื่อว่านักเตะรายที่สองที่ยิงประตูให้ทีมจาก พรีเมียร์ลีก ได้ในนัดชิงชนะเลิศถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก และนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลสโมสรโลก

    พร้อมกันนี้ เขายังเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูชัยได้ทั้งในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก และ สโมสรโลกต่อจากที่ ลิโอเนล เมสซี่ ทำได้กับ บาร์เซโลน่า ในปี 2011 ด้วย

    ต่อการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของทีมที่ อาบูดาบี บอกได้เลยว่าโชคชะตามีส่วนสำคัญเช่นกันเนื่องจากในเกมบู๊กับ พัลไมรัส กระบี่มือหนึ่งของ เชลซี อย่าง จอร์จินโญ่ ไม่ถูกส่งสนาม แล้วไหน โรเมลู ลูกากู มือวางอันดับสองซึ่งเป็นฮีโร่ในรอบตัดเชือก และโขกให้ทีมออกนำในนัดชิงชนะเลิศก็โดนเปลี่ยนตัวออกไปแล้ว

    ขณะเดียวกัน ฮาคิม ซีเย็ค ซึ่งยิงลูกโทษได้ดีเช่นกันก็มอบหน้าที่ดังกล่าวให้กับ ฮาแวร์ตซ์ สังหารลูกโทษซึ่งสุดท้ายแล้วดาวเตะชาวเมืองเบียร์ก็ไม่ทำให้พรรคพวกต้องผิดหวังแต่อย่างใด 

    5.เสียใจด้วย พัลไมรัส

    การดวลเกือกที่ อาบูดาบี นับเป็นการเจอกันครั้งแรกระหว่าง เชลซี กับ พัลไมรัส ในทุกรายการ

    และทีมจากแดนแซมบ้าก็เป็นเหมือน สิงห์บลูส์ ที่ไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลสโมสรโลกมาก่อน

    เท่าที่ผ่านมา ทีมจากเมืองกาแฟได้แชมป์รายการนี้ไปประดับบารมีรวมสี่ครั้งจากสามสโมสรอันประกอบไปด้วย โครินเธียนส์ สองครั้งในปี 2000 และ 2012, เซา เปาโล ปี 2005 และ อินเตอร์นาซิอองนาล ปี 2006

    อย่างไรก็ดี มีทีมจากบราซิลที่ผิดหวังในรายการนี้มาก่อนแล้วสี่ทีมคือ วาสโก ดา กาม่า ปี 2000, ซานโต้ส ปี 2011 , เกรมิโอ ปี 2017 และ ฟลาเมงโก้ ปี 2019

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »