ลิเวอร์พูล ช่วงนี้กำลังอยู่ในฟอร์มที่โดดเด่นเหลือเกิน โดยพวกเขามีความฮึกเหิมเต็มเปี่ยมหลังเพิ่งบุกชนะ อินเตอร์ มิลาน ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์
    ทำให้เกมรับมือ นอริช ซิตี้ ต้องบอกเลยว่า "หงส์แดง" เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างแท้จริง กระนั้นข่าวร้ายก็คือการที่พวกเขาจะไม่มี ดีโอโก้ โชต้า เป็นหน่วยล่าสังหาร สำหรับเกมรับตอนนี้แข็งแกร่งสุดๆ เพราะมี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เป็นตัวหลัก

     ส่วนคู่หูไม่ว่าจะเป็น อิบราฮิม่า โกนาเต้ หรือ โฌแอล มาติป สามารถลงเล่นร่วมกับ ฟาน ไดค์ ได้สบายๆ ที่สำคัญหากชนะในแมตช์นี้จะเป็นการโยนแรงกดดันใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แข่งต่อจากพวกเขาได้ทันที

1. สถานการณ์ โชต้า หนักแค่ไหน

     ในชัยชนะเหนือ อินเตอร์ มิลาน ถึงจูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า มีข่าวร้ายที่สาวก "เดอะ ค็อป" ไม่อยากได้ยินนั่นก็คือการที่นักเตะสำคัญได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะผู้เล่นฟอร์มแรงอย่าง ดีเอโก้ โชต้า หัวหอกตัวเก่งของทีม

     แนวรุกทีมชาติโปรตุเกส ถูกเปลี่ยนตัวออกเนื่องจากได้บาดเจ็บที่เอ็นรอบข้อเท้าโดยอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วงเลยทีเดียว และแมตช์ที่จะต้องปะทะกับ นอริช ซิตี้ ในวันเสาร์นี้ เจ้าตัวหมดสิทธิ์ช่วยทีมอย่างแน่นอน

     นอกจากนี้ในแมตช์ดวลกับ "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด คาดว่า คล็อปป์ คงไม่ส่ง โชต้า ลงสนามเช่นกัน เพราะพวกเขาต้องการพักนักเตะร่างกายให้เต็มที่ และหวังให้หายเจ็บ เนื่องจาก "หงส์แดง" มีแมตช์สำคัญในเกมดวลกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศ ศึกคาราบาว คัพ วันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ.นี้
 

2.  สามประสานจะเป็นใครน่าสนใจ

     การที่ไม่มี โชต้า ในแมตช์เปิดรังแอนฟิลด์ รับมือ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ทำให้ คล็อปป์ ต้องมีการปรับกลยุทธ์สามประสานเพราะตอนนี้ตัวเลือกของเขามี โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, หลุยส์ ดิอาซ และ ทาคุมิ มินามิโนะ สามารถที่จะลงทำหน้าที่แทนได้

     หากเป็นสมัยก่อนแน่นอนว่า "บ็อบบี้" คงจะได้รับโอกาสลงไปยืนเป็นหน้าเป้าแน่นอน แต่ตอนนี้สถานการณืไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะมีความเป็นไปได้ที่ คล็อปป์ อาจจะเลือกขยับ  โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เข้าไปยืนตรงกลาง และให้ ดิอาซ ทำหน้าที่กระชากลากเลื้อยริมเส้น

     ในแมตช์เยือน อินเตอร์ มิลาน จะเห็นได้ว่า ซาดิโอ มาเน่ ไม่สามารถจัดการกับแนวรับของ "งูใหญ่" ได้เลย จนกระทั่ง คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง ดิอาซ ลงเล่นในช่วง 30 นาทีสุดท้าย และดาวเตะชาวโคลอมเบีย สามารถปั่นป่วนเจ้าบ้านได้ตลอด

     อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ อาจจะเลือกใช้สามประสาน "หินเหล็กไฟ" อีกครั้งก็ได้ เพราะทั้ง มาเน่, ฟีร์มีโน่ และ ซาลาห์ ต่างเล่นกันอย่างเข้าขามานาน โดยอาจส่ง ดิอาซ ลงมาสร้างความแตกต่างในช่วงครึ่งหลังก็เป็นไปได้

3. โกนาเต้-ฟาน ไดค์ ควรได้เล่นคู่คุมแนวรับต่อไป

     สถิติไม่แพ้ใคร 10 เกมทุกรายการ โดยชนะ 8 เสมอ 2 เกม ขณะที่ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พวกเขาชนะรวด 4 เกมหลังสุด แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่ง โดยมี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เป็นตัวหลักในแผงแบ็กโฟร์ และ อลีสซง เบ็คเกอร์ คอยทำหน้าที่เฝ้าประตูอย่างเหนียวแน่น

     ในส่วนของคู่หู ฟาน ไดค์ ตอนนี้ คล็อปป์ มีตัวเลือกเยอะมากทั้ง โฌแอล มาติป และ อิบราฮิม่าโกนาเต้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยในรายของ มาติป ถือว่าเล่นได้อย่างเหนียวแน่นเมื่อจับคู่กับ ปราการเหล็กชาวดัตช์

     อย่างไรก็ตามฟอร์มของ โกนาเต้ ได้รับการยกย่องอย่างมากในเกมที่ไปเยือน อินเตอร์ มิลาน โดยสถิติของเขาทั้งความแม่นยำในการผ่านบอล, การเข้าสกัด หรือการผ่านบอลสำเร็จ โดดเด่นไม่แพ้ ฟาน ไดค์ ในเกมที่จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า จนนักวิจารณ์มากมายต่างยกย่องว่านี่คือคู่เซนเตอร์แบ็กที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

     ฉะนั้นในเกมกับ นอริช มีความเป็นไปได้ที่ คล็อปป์ อาจจะให้โอกาส โกนาเต้ ได้รักษาโมเมนตัมผลงานเอาไว้ต่อไป ที่สำคัญคู่แข่งในแมตช์นี้ก็ไม่ค่อยอันตรายมากนัก ฉะนั้นการพัก มาติป เพื่อเอาไว้ใช้งานในเกมกับ ลีดส์ และ เชลซี น่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับ "หงส์แดง"

4. ฟูลแบ็กจอมสร้างโอกาส 

     เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ตำแหน่งฟูลแบ็กอย่างต่อเนื่อง เพราะผลงานของทั้งสองคนโดดเด่นอย่างมาก และมีผลต่อเกมรุกของ "เดอะ เร้ดส์" อย่างแท้จริง

     ฤดูกาลนี้ผลงานของ "หนุ่มเทรนต์" โดดเด่นมากๆ ในการทำ 10 แอสซิสต์ให้กับทีมในเกมลีก และยิงได้ 2 ประตู ขณะที่ โรเบิร์ตสัน ทำไป 8 แอสซิสต์ กับ 1 ประตู แน่นอนว่าการเล่นเกมรุกทางกราบมีความสำคัญกับลิเวอร์พูลอย่างมาก

     เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (9 แอสซิสต์) และ โรเบิร์ตสัน (7 แอสซิสต์) ทำสถิติ 16 แอสซิสต์แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานทำให้ผลงานร่วงลงไปอย่างน่าใจหายเลยทีเดียว 

     สำหรับซีซั่นนี้ ยอดฟูลแบ็กชาวอังกฤษ กับ สกอตแลนด์ กลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง และคงไม่ผิดอะไรถ้าจะบอกว่านี่คือแบ็กขวา และแบ็กซ้ายที่เก่งที่สุดในโลกในช่วงเวลานี้จริงๆ

5. เปิดฉากกดดัน แมนฯ ซิตี้ ในการลุ้นแชมป์ลีก

     นี่เป็นโอกาสสำคัญที่ ลิเวอร์พูล จะโยนแรงกดดันใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะพวกเขาจะได้ลงแข่งก่อน และถ้าหาก "หงส์แดง" สามารถเก็บสามคะแนนได้สำเร็จ นั่นจะทำให้ทีมลดความห่างลงเหลือ 6 คะแนนเท่านั้น

     แน่นอนว่าสามคะแนนในแมตช์นี้มีความหมายมากๆ เพราะนอกจากจะทำให้ "เรือใบสีฟ้า" ต้องเครียดเพราะพวกเขามีคิวลงแข่งกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หลังจากนั้น และถ้าหากพลาดขึ้นมางานนี้โอกาสในการลุ้นแชมป์ลีกจะเริ่มน่าสนใจขึ้นมาทันที

     อย่าลืมว่า "เดอะ เร้ดส์" มีเกมอยู่ในมือ 1 แมตช์ และยังมีคิวต้องพบกับ แมนฯ ซิตี้ ด้วย ฉะนั้นสถานการณ์ต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันที แม้ว่ามันอาจจะดูเหมือนมองโลกในแง่บวก แต่เชื่อว่าแฟนบอลลิเวอร์พูล ก็หวังลึกๆ ว่ามันจะเป็นจริง