สมกับเป็น "สงครามดอกกุหลาบ" อย่างแท้จริง แม้ทั้งสองทีมจะมีเป้าหมายที่แตกต่างกันสำหรับการโม่แข้งกันระหว่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด กับ แมนฯ ยูไนเต็ด
   
จากเกมแรกซึ่งเป็นนัดเปิดซีซั่นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด มีการสอยตาข่ายรวมกันหกเม็ด แต่เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สนุกข้างเดียวจากการไล่ต้อน ยูงทอง ยับเยิน 5-1

และสำหรับเกมล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ก.พ.ทั้งคู่บู๊กันได้อย่างดุเดือดเลือดพล่านอีกตามเคย แถม ผีแดง หวิดโดนดีเข้าให้ด้วย แต่สุดท้ายก็คว้าสามแต้มไปได้จากชัยชนะ 4-2 หลังจาก ราล์ฟ รังนิก แก้เกมส่งสองตัวสำรอง เฟร็ด และ แอนโธนี่ อีแลงก้า ลงไปยิงเพิ่มอีกสองประตูพาทีมเฮฮาโดยมี 5 ประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

1. การกลับมาของ เจสซี่ ลินการ์ด

นับเป็นเรื่องช็อกไม่น้อยที่  รังนิก จัดทัพบุกไปเยือน ลีดส์ ด้วยการส่ง ลินการ์ด ลงเล่นเป็นตัวจริง

นับตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ปี 2020 เป็นต้นมา ลินการ์ด ไม่เคยได้ออกสตาร์ตในโผ 11 ตัวแรกให้กับ ผีแดง เลย รวมแล้วในลีกซีซั่นนี้เขาลงเล่นให้สโมสรแค่ 106 นาทีเท่านั้นก่อนได้รับโอกาสครั้งสำคัญที่ เอลแลนด์ โร้ด

ถึงอย่างนั้น เจ้าตัวก็คว้าเอาไว้ไม่ได้ ไม่ได้มีบทบาทที่น่าจำจดอะไรกระทั่งต้องโดนเปลี่ยนออกหลัง ผีแดง โดนทีเด็ดของเจ้าบ้านตีเสมอเป็น 2-2 ในช่วงต้นครึ่งหลัง

มองดูแล้ว ลินการ์ด ไม่น่าจะได้รับการพิจารณาอีกต่อไปเนื่องจากเกมที่เหลืออยู่ของซีซั่นล้วนมีความสำคัญต่อสโมสรทั้งสิ้น และมันคงเป็นการจากลา โรงละครแห่งความฝัน หลังจบซีซั่นนี้ที่ไม่สวยเท่าไหร่ของเด็กปั้นรายนี้

2.ผีแดง ลบอาถรรพ์ลูกเตะมุม

ในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ทำสกอร์จากลูกเตะมุมได้เป็นเม็ดแรกของซีซั่นนี้ซะที หลังจากพวกเขาโดนคุณไสยเล่นงานมานานถึง 389 วัน

มันเกิดขึ้นในนาทีที่ 34 และเป็นสกอร์ขึ้นนำ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-0 หลังจากพวกเขาทิ้งขว้างลูกเตะมุมอย่างไม่ใยดีก่อนหน้านี้ไปมากถึง 138 ครั้ง และมาประสบความสำเร็จครั้งที่ 139

สถิติบ่งชี้ว่ามันเป็นการได้ประตูจากลูกเตะมุมครั้งแรกของ ปีศาจแดง นับตั้งแต่พวกเขาทำได้หนล่าสุดในเกมบู๊กับ เบิร์นลีย์ เมื่อเดือนเม.ย.2021

และที่สำคัญ มันเป็นลูกโขกจากกัปตันทีม แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซึ่งน่าจะทำให้เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอังกฤษมีความมั่นใจมากขึ้นหลังถูกวิจารณ์อย่างหนักทั้งฟอร์มการเล่น และบุคลิกความเป็นผู้นำ

นอกจากนี้ ลูกโขกของกองหลังค่าตัวแพงยังเป็นการคลำเป้าใน พรีเมียร์ลีก ลูกแรกของเขาจาก 34 นัดเช่นกันโดยหนสุดท้าย แม็กไกวร์ พังตาข่ายได้ในเกมเผชิญหน้ากับ เชฟฯ ยูไนเต็ด ทีมเก่าของตัวเองเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2021 แต่ลงเอยแล้ว ปีศาจแดง พ่าย ดาบคู่ คารังด้วยสกอร์ 2-1
   
ยิ่งไปกว่านั้น ใครที่ถือหาง แม็กไกวร์ คงกระเป๋าตุงไปตามๆกันเนื่องจากก่อนเกมที่ เอลแลนด์ โร้ด ร้านรับพนันบางเจ้าตั้งอัตราต่อรอง 20-1 กรณีที่กัปตัน ผีแดง สามารถโขกบอลเป็นประตูได้สำเร็จซะด้วย

3.เกมรับของ ยูงทอง

ถ้าไม่นับ นอริช ทีมบ๊วยของตาราง (53ประตู)  ยูงทอง คือทีมที่เสียประตูมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ และมันเป็นจุดบอดที่ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า กุนซืออาร์เจนไตน์แก้ไม่ตก

แค่ครึ่งแรกที่ เอลแลนด์ โร้ด เจ้าบ้านก็โดนสอยตาข่ายเพิ่มไปอีกสองเม็ดซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่สำหรับทีมที่มีผลงานตกต่ำดำดิ่งลงทุกที และจำเป็นต้องพยายามพาตัวเองให้อยู่ห่างจากโซนตกชั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เพราะนับตั้งแต่มีคลีนชีตหนล่าสุดในเกมดวลกับ คริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนพ.ย.(เฝ้าบ้านชนะ 1-0) ลีดส์ ลงเตะใน พรีเมียร์ลีก อีกเก้าเกมก่อนต้อนรับ แมนฯ ยูไนเต็ด และเสียประตูรวมทั้งสิ้น 26 เม็ด

อย่างไรก็ดี แม้จะทวงสกอร์คืนได้อย่างรวดเร็วถึงสองเม็ดในครึ่งหลัง แต่สุดท้าย ลีดส์ ก็โดน แมนฯ ยูไนเต็ด เช็คบิลเพิ่มอีกสองประตู แพ้ไปด้วยสกอร์ 4-2 รวมเป็นประตูที่ 50 ในลีกซีซั่นนี้แล้วที่พวกเขาเสียให้กับฝ่ายตรงข้าม

4. บิเอลซ่า จ่อตกเก้าอี้?

ก่อนเกมปะทะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด บิเอลซ่า ให้สัมภาษณ์ด้วยรู้ดีว่ามีโอกาสที่สโมสรจะเปลี่ยนตัวกุนซือหลังจบซีซั่นนี้

แต่บางที อันเดรีย ราดริซซานี่ เจ้าของสโมสรอาจไม่คิดอย่างนั้นก็ได้เมื่อเห็นผลงานของทีมที่ไม่มีท่าทีกระเตื้องขึ้นแม้แต่น้อย

มันจึงไม่แน่ว่ากุนซือวัย 66 ปีอาจตกงานก่อนจบซีซั่นหลังจากเขากุมบังเหียน ยูงทอง มานานสี่ปี และไม่น่าจะพาทีมไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่อีกแล้ว

ขณะเดียวกัน มีข่าวลือว่า ยูงทอง เล็งไปที่กุนซือคนใหม่เอาไว้แล้วเหมือนกัน แต่ชื่อที่ถูกสื่ออ้างถึงมากที่สุดได้แก่ เจสซี่ มาร์ช กุนซือชาวอเมริกันที่ยังว่างงานอยู่หลังแยกทางกับ แอร์เบ ไลป์ซิก เมื่อเดือนธ.ค.2021

ยิ่งถ้าเหลือบไปดูโปรแกรมนัดต่อๆไปของพวกเขาก็ยิ่งน่าเสียวไส้แทนสาวก ยูงทอง มากเข้าไปใหญ่เนื่องจากเกมต่อไปพวกเขาจะต้องบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล เครื่องจักรถล่มประตูที่กำลังบี้ลุ้นแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ แมนฯ ซิตี้

อย่างไรก็ดี ต้องรอดูว่า ลีดส์ จะประคับประคองตัวเองให้อยู่ในลีกสูงสุดได้หรือไม่ในเมื่อพวกเขาไม่มีภารกิจอะไรอื่นในซีซั่นนี้หลงเหลืออีกแล้วนอกจากเกมลีกเท่านั้น

ลิเวอร์พูล (เยือน) 23 ก.พ.

สเปอร์ (เหย้า) 26 ก.พ.

เลสเตอร์ (เยือน) 5 มี.ค.

แอสตัน วิลล่า (เหย้า) 10 มี.ค.

นอริช (เหย้า) 13 มี.ค.

5. บทเรียนก่อนดวล แอตมาดริด และโอกาสลุ้นท็อปโฟร์

เป็นอีกเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ รังนิก เกือบทิ้งขว้างชัยชนะทั้งๆที่บุกมานำห่าง ลีดส์ ถึง 2-0 ในครึ่งแรก

ยังดีที่ว่า ยูงทอง มีเกมรับเป็นจุดอ่อน และกุนซือชาวเยอรมันเปลี่ยนตัวสำรองลงไปกอบกู้สถานการณ์อย่างได้ผลโดยมี เฟร็ด เป็นผู้ชุบชีวิตให้กับทีมซึ่งกองกลางแซมบ้ากระทุ้งได้หนึ่งเม็ดเช่นกันในเกมปะทะกับ ลีดส์ นัดเปิดซีซั่น

และจากที่เห็น ระยะหลัง "เทพเฟร็ด" พัฒนาการยิงประตูได้อย่างเด็ดขาดมากขึ้นเป็นกอง นาทีนี้เขาจึงสถาปนาตัวเองเป็นมิดฟิลด์ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่อาจขาดได้ไปซะแล้ว

อีกทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูจากตัวสำรองในเกมลีกซีซั่นนี้รวมเป็น 10 ลูกแล้ว มากกว่าทุกสโมสรโดย 5 ประตูในจำนวนนี้เกิดขึ้นในยุคของ รังนิก

จะอย่างไรก็ตาม เกมที่ เอลแลนด์ โร้ด นับเป็นบทเรียนที่ล้ำค่าอีกชิ้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนบุกไปเยือน แอตเลติโก มาดริด ในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดแรกกลางสัปดาห์นี้เนื่องจากหากพวกเขาเล่นแบบติดประมาทเหมือนเกมฉะกับ ยูงทอง ก็อาจจบเห่เส้นทางของฟุตบอลยุโรปแต่เพียงรอบนี้ก็เป็นได้

ขณะเดียวกัน ที่ต้องตามลุ้นกันอีกก็คือการจัดทัพของ รังนิก บุกไปเยือนทีม ตราหมี โดยเฉพาะในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟซึ่ง ราฟาแอล วาราน หายป่วยด้วยอาการปวดท้องแล้ว แต่กุนซือด๊อยทช์เลือกใช้บริการ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ เช่นเดิมในเกมต่อกรกับ ลีดส์ ก่อนที่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติฝรั่งเศสจะถูกเปลี่ยนลงไปแทน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในช่วงท้าย

และแม้ ผีแดง เกือบได้สามแต้มเต็มในรัง ยูงทอง ก็ใช่ว่าเส้นทางการคว้าอันดับท็อปโฟร์ของพวกเขาจะโรยด้วยกลีบกุหลาบในเมื่อโปรแกรมลีกนัดต่อๆไปของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีเกมที่หนักอึ้งรออยู่บานเบอะดังนี้

วัตฟอร์ด (เหย้า) 26 ก.พ.

แมนฯ ซิตี้ (เยือน) 6 มี.ค.

สเปอร์ส (เหย้า) 12 มี.ค.

ลิเวอร์พูล (เยือน) 20 มี.ค.

เลสเตอร์ (เหย้า) 2 เม.ย.