ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » "ปีศาจแดง" กำลังฮึกเหิม! 5 ข้อก่อนเกมแมนยูดวลวัตฟอร์ด

"ปีศาจแดง" กำลังฮึกเหิม! 5 ข้อก่อนเกมแมนยูดวลวัตฟอร์ด

Posted 26/02/2022 by siamsport

ราล์ฟ รังนิก นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมทำภารกิจสำคัญในเกมลีกด้วยการรับมือ วัตฟอร์ด ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ โดยพวกเขากำลังอยู่ในฟอร์มที่ฮึกเหิมหลังบุกไปเสมอ แอตเลติโก มาดริด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
     แมตช์นี้สาวก "เร้ด อาร์มี่" คงจะได้เห็นเจ้าหนูแอนโธนี่ อีแลงก้า ได้โชว์ทีเด็ดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน "แตนอาละวาด" คงสู้ยิบตาเพราะพวกเขาต้องการสามคะแนนเพื่อความอยู่รอด ในขณะที่ "ปีศาจแดง" ต้องการชัยชนะเพื่อรักษาโอกาสติดท็อปโฟร์

     1. อีแลงก้าฟอร์มกำลังเข้าฝัก
     ตอนนี้ดูเหมือนว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด มีสิทธิ์ที่จะต้องโดนดร็อปเป็นตัวสำรองในแมตช์นี้ หลังฟอร์มของเขาไม่น่าอภิรมย์ในแมตช์บุกเสมอ แอตเลติโก มาดริด สวนทางกับผลงานของ แอนโธนี่ อีแลงก้า ที่ร้อนแรงเหลือเกิน ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่ ราล์ฟ รังนิก จะเลือกส่งเจ้าหนูรายนี้ยืนประจำแนวรุกร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เจดอน ซานโช่  โดย บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยังคงทำหน้าที่เป็นเพลย์เมกเกอร์คอยปั้นเกมเหมือนเดิม ซึ่งดูแล้วทั้งสี่คนนี้เล่นกันได้อย่างเข้าขามาก ซึ่งเชื่อว่าตอนนี้แนวรุกของ "ปีศาจแดง" เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก และน่าจะปั่วป่วนเกมรับของ "แตนอาละวาด" ที่ไม่ค่อยจะแข็งแกร่งอยู่แล้ว ได้อย่างสบายๆ

    2. แดนกลางกำลังฮึกเหิม
     ในขณะที่แนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังฟอร์มเข้าฝัก แดนกลางของพวกเขาก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน เนื่องจาก ปอล ป็อกบา กับ เฟร็ด เล่นกันได้ดีเยี่ยมเมื่อลงสนามพร้อมกัน ในขณะที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ อาจจะต้องนั่งดูทั้งคู่อยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง สำหรับ ดาวเตะแชมป์โลก ถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนแดนกลางของทีมได้เป็นอย่างดี เพราะศักยภาพของเขาทำหน้าที่คอยเชื่อมเกมระหว่างแผงมิดฟิลด์กับแดนหน้าได้เป็นอย่างดี โดยช่วงหลายเกมที่ผ่านมา ป็อกบา มีส่วนอย่างยิ่งในการสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม แต่ข้อเสียขอเขาก็คือการครองบอลนานเกินไปจนบางคนโดนไล่กดดันและเสียบอล ฉะนั้นการได้ เฟร็ด มาช่วยคอยทำหน้าที่ตัดเกม จะทำให้ มิดฟิลด์เลือดเฟร้นช์ เล่นเกมรุกได้มากขึ้น และสามารถแสดงผลงานได้อย่างเต็มที่

    3. โรนัลโด้อยากเล่นหน้าคู่ ?
     สำหรับประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากก็คือกรณีที่ "ดิ แอธเลติก" สื่อมาตรฐานสูง รายงานว่า โรนัลโด้ ได้เข้าไปคุยกับ รังนิก เกี่ยวกับแท็กติกการเล่นเพราะระบบของ "เดอะ โปรเฟสเซอร์" ที่เน้นการเล่นหน้าเป้าคนเดียวทำให้ "เฮียโด้" ซึ่งยิงเข้ากรอบไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในแมตช์เสมอ แอต.มาดริด เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ และอยากให้หันมาใช้หน้าคู่เพราะระบบนี้เข้ากับแนวทางการเล่นของเขาที่สุด และจะช่วยดึงศักยภาพที่แท้จริงของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้หากหันมาใช้แท็กติกตามที่แนะนำจะเป็นประโยชน์ทั้งกับเจ้าตัว และทีม กระนั้นแนวคิดของ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส อาจจะต้องพักเอาไว้ก่อน เพราะช่วงที่ผ่านมา นายใหญ่ชาวเยอรมัน ก็ยังคงยึดสไตล์การเล่นกองหน้าคนเดียวเหมือนเดิม แถมหากจะใช้หน้าคู่ก็คงยากเนื่องจาก เอดินสัน คาวานี่ ยังมีปัญหาบาดเจ็บ ส่วน แรชฟอร์ด ฟอร์มในตอนนี้ฟอร์มยังไม่พร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นกองหน้า

    4. วัตฟอร์ดต้องสู้ถึงจะอยู่รอด
     ในส่วนของทีมเยือนพวกเขาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสู้ถวายหัวเพื่อที่จะอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก เพราะสถานการณ์ตอนนี้ วัตฟอร์ด อยู่อันดับรองบ๊วย มี 18 คะแนน ฉะนั้นหากสามารถบุกชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทีมมีโอกาสที่จะกระโดดขึ้นไปอยู่เหนือโซนตกชั้นได้ทันที แม้บรรดาเกจิอาจารย์จะมองว่านี่เป็นภารกิจที่ยากมาก แต่อย่าลืมว่าเกมแรกที่บ้าน "แตนอาละวาด" พวกเขาจัดการทุบ "ผีแดง" มาแล้ว แม้ตอนนี้ เคลาดิโอ รานิเอรี่ จะไม่ได้อยู่กุมบังเหียนก็ตาม แต่ รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือขรัวเฒ่า ก็มีประสบการณ์ล้นเหลือในเกมระดับสูงแบบนี้ 

    5. แรงกดดันจาก อาร์เซน่อล ในการไล่ล่าท็อปโฟร์
     สถานการณ์ในการลุ้นท็อปโฟร์ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ถือว่าหืดจับเลยทีเดียว เพราะ อาร์เซน่อล ที่เพิ่งพลิกนรกคว่ำ วูล์ฟส์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาทำให้ตอนนี้พวกเขาไล่บี้แบบหายใจรดต้นคอ "ปีศาจแดง" เหลือแค่แต้มเดียวเท่านั้น แต่ที่สำคัญก็คือ "เดอะ กันเนอร์ส" แข่งน้อยกว่า 2 แมตช์ ฉะนั้นหากในวันเสาร์นี้สโมสรเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 20 สมัยไม่สามารถเก็บสามแต้มจากทีมรองบ๊วยได้ นั่นหมายความว่า แมนฯ ยูฯ จะแข่งมากกว่า "ปืนใหญ่" เพิ่มอีกเกม (อาร์เซน่อล ไม่มีโปรแกรมแข่ง) และทำให้พวกเขาต้องเจอกับความตึงเครียดในการทำแต้มเพื่อคว้าโควตาใบสุดท้ายไปเล่นเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า  ส่วนการจะลุ้นคว้าแชมป์ถ้วยใบโตยุโรปไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่โอกาสค่อนข้างยาก เพราะมีคู่แข่งเยอะเหลือเกิน แถมแต่ละทีมก็ฟอร์มน่ากลัวกว่าเยอะ ฉะนั้นท็อปโฟร์ในลีกจึงมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »