แมนฯ ยูไนเต็ด ยังหนีไม่พ้นวังวนของการเล่นเกมรุกได้ในระดับเด็กอนุบาลเรียกพ่อเมื่อทำได้แค่เปิดบ้านเสมอกับ วัตฟอร์ด แบบไร้สกอร์ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่ 26 ก.พ.
    แม้ตลอด 90 นาที ผีแดง จะได้ครองบอลมากถึง 67% และมีโอกาสส่องยิง 22 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบได้แค่ 3 หน แถมไม่ได้เสียวเลยแม้แต่ครั้งเดียวชนิดที่ต่อให้เล่นกันอีก 90 นาทีอย่างที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส สารภาพก็ไม่มีวี่แววว่าจะสอยตาข่าย แตนอาละวาด ได้เลย

    และนี่คือ 5 ประเด็นที่ทุกคนได้เห็นในเกมที่ โรงละครแห่งความฝัน

     1.แฮร์รี่ แม็กไกวร์ โดนดร็อป

    ในเกมรับมือ วัตฟอร์ด ราล์ฟ รังนิก เปลี่ยน 11 ตัวจริงจากเกมฟัดกับ แอตเลติโก มาดริด ในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อกลางสัปดาห์รวมสี่ตำแหน่ง

    ในจำนวนนี้ คนที่ถูกจับตามากที่สุดย่อมหนีไม่พ้น แม็กไกวร์ กัปตันทีมซึ่งถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงหลังทั้งฟอร์มการเล่น และบุคลิกความเป็นผู้นำ

    แต่ไม่ว่าจะอย่างไร มันไม่น่าจะมีดราม่าอะไรเนื่องจากกุนซือชาวเยอรมันอธิบายอย่างที่สามารถเข้าใจได้ว่าเขาจำเป็นต้องโรเตชั่นเนื่องจากนักเตะลงสนามอย่างถี่ยิบ

    พร้อมกันนี้ ปลอกแขนกัปตันทีมก็ไม่ได้ตกอยู่กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เหมือนที่สื่อบางสำนักพยายามกุข่าวว่าสองดาวเตะแย่งกันรับบทกัปตันทีมด้วยเนื่องจาก รังนิก ยกให้ แฟร์นันด์ส ทำหน้าที่กัปตันในเกมบู๊กับ แตนอาละวาด

     2. ถึงเวลาจับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่งพัก

    ถ้าไม่คิดเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง โรนัลโด้ สมควรรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเอาซะเลย

    ในทางตรงกันข้าม หลายเกมหลัง "ซีอาร์ซีเว่น" ฉายพิษสงไม่ได้อีกแล้วโดยเฉพาะการสอยตาข่ายทั้งๆที่เขาเป็นตัวความหวังเบอร์หนึ่งของทีมในฐานะดาวซัลโวของสโมสร

    และที่สำคัญ ในเกมล่าสุดกับ วัตฟอร์ด มันฟ้องให้เห็นว่าสภาพร่างกายและความฟิตของกองหน้าวัย 37 ปีไม่ได้สดเท่ากับเด็กหนุ่มวัยฉกรรจ์ การลงเล่นสองเกมติดต่อกันตลอดทั้ง 90 นาทีในเวลาเพียงไม่กี่วันถือว่าเป็นเรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงของดาวยิงพ่อลูกดก

    ดังจะเห็นว่า โรนัลโด้ ไม่มีสปีดหลงเหลืออยู่เลย แถมกำลังวังชาก็ร่อยหรอลงไปตามอายุ อีกทั้งความแข็งแกร่งในจังหวะปะทะกับฝ่ายตรงข้ามก็อ่อนด้อยลงไปตามกาลเวลา ซ้ำร้ายยังเห็นได้ชัดว่าแข้งขาของเขาไม่แข็งแกร่งเหมือนก่อนอีกแล้ว กว่าจะก้าวหรือขยับแต่ละทีก็ต้องลุ้นเอาใจช่วยกันสุดฤทธิ์

    เมื่อเป็นอย่างนี้ ผลงานในสนามของ โรนัลโด้ จึงเข้าขั้นขี้เหร่สิ้นดีถึงขนาดสื่ออย่าง แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ ให้คะแนนความสามารถของเขาในเกมเจ๊ากับ วัตฟอร์ด 3/10 เท่านั้น

    ฉะนั้นแล้ว เกมต่อไป รังนิก ต้องกล้าดร็อป โรนัลโด้ ให้นั่งรอลงไปพลิกสถานการณ์ที่ข้างสนามจะดีกว่า แม้ว่ามันจะเป็นเกมดาร์บี้แม็ตช์ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เจอศึกหนักต้องบุกไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ก็ตาม หาไม่แล้วเฮียโด้อาจเสียชื่อยับก็เป็นได้แม้กลางสัปดาห์นี้ ผีแดง จะไม่มีเกมให้ลงเล่นอันจะทำให้สตาร์โปรตุกีสได้พักแข้งพักขาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆก็ตาม

     3.ท็อปโฟร์ที่ไกลเกินเอื้อม

    หลังจบเกมเสมอกับ วัตฟอร์ด 0-0 แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามไปแล้ว 27 นัด เก็บเพิ่มได้เป็น 47 แต้ม ยังรักษาอันดับสี่ของตารางได้ก็จริง แต่ทิ้งห่าง อาร์เซน่อล ทีมอันดับห้าเพิ่มได้เป็นสองแต้มเท่านั้น แถมลงสนามมากกว่า เดอะ กันเนอร์ส ถึงสามนัด

    และยิ่งเทียบฟอร์มกับทีมเมืองหลวงแล้ว ผีแดง ทาบไม่ติดเลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นเกมรุกที่ไร้ความแพรวพราว และไม่จัดจ้านเท่ากับทีมของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า

    ดีที่ว่าก่อน สเปอร์ส จะบุกไปถล่ม ลีดส์ เละตุ้มเป๊ะ พวกเขาดันออกไปแพ้ เบิร์นลีย์ แบบน่าช็อค แมนฯ ยูไนเต็ด เลยได้หายใจหายคอโล่งมากขึ้น แต่ช่วยไม่ได้จริงๆที่เกมกลางสัปดาห์ ทีม ปืนใหญ่ เปิดบ้านสยบ วูล์ฟส์ ได้แบบเหลือเชื่อ 2-1 ในช่วงทดเวลา ทีมเมืองกรุงจึงมีภาษีเหนือกว่าทีมของลุง ราล์ฟ หลายช่วงตัวเมื่อเล็งไปที่โปรแกรมนัดถัดไปที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องออกไปเยือน แมนฯ ซิตี้ และเปิดบ้านฉะกับ สเปอร์ส พร้อมทั้งต้องบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล หลังทำศึกหูใหญ่นัดสองกับทีม ตราหมี ในรังตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     4.ปู่รอยประกาศศักดาที่โรงละคร

    จากการเผชิญหน้ากันของทั้งสองทีมที่ โรงละครแห่งความฝัน แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยแพ้คารังให้กับ วัตฟอร์ด เลยแม้แต่เกมเดียว

    ตลอด 13 นัดที่ผ่านมา ผีแดง กำชัยได้มากถึง 11 นัด และโดน แตนอาละวาด บุกมาแบ่งแต้มไปได้ 2 นัดก่อนที่ทั้งสองทีมจะเจ๊ากันอีกหนจนได้ในเกมล่าสุด

    อย่างไรก็ดี สำหรับ รอย ฮ็อดจ์สัน ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆกับการคุมทีมบุกมาเหยียบรังของ ผีแดง ซึ่งเกมล่าสุดเขาพา แตนอาละวาด เก็บหนึ่งแต้มออกไปได้สำเร็จ แม้ฟอร์มจะเป็นรองบานเบอะ

    เท่านั้นไม่พอ ในสามเกมหลังของเจ้าคุณปู่สุดสมัยคุมทีม คริสตัล พาเลซ บุกมาซดแข้งกับ ปีศาจแดง ระหว่างปี 2018-2020 "อังเคิ่ลรอย" ซึ่งปัจจุบันมีอายุปาเข้าไป 74 ปีแล้วสร้างผลงานอันแสบสันต์ให้กับทีมเจ้าบ้านได้เช่นกันจากการกำชัยได้สองนัด 2-1 เดือนส.ค. 2019 และ 3-1 ในเดือนก.ย. 2020. แถมเสมอ 0-0 อีกนัดในเดือน พ.ย.2018

    5.สกอร์และแต้มรวม วัตฟอร์ด 4-แมนฯ ยูไนเต็ด 1

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า วัตฟอร์ด ทีมรองบ๊วยสามารถบุกมาแบ่งแต้มกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ชนิดที่ตาข่ายไม่ขาดซะด้วย

    และมันพิสูจน์ให้เห็นถึงเกมรุกที่ไร้ประสิทธิภาพของ ผีแดง ซึ่งเกิดขึ้นมานานหลายปีดีดักแล้ว แม้กระทั่งปรมาจารย์ที่ได้รับความเลื่อมใสอย่าง รังนิก ก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้

    เทียบจากฟอร์มล่าสุด แตนอาละวาด แพ้คารังให้กับ คริสตัล พาเลซ อย่างยับเยินถึง 4-1 ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด อุตส่าห์บุกไปตีเสมอ แอตเลติโก มาดริด แชมป์ ลา ลีกา ได้ 1-1 ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดแรก

    แต่สุดท้าย ผีแดง ก็แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานของพวกเขาที่ไม่อาจคาดเดา หรือคาดหวังอะไรได้ และมันทำให้ วัตฟอร์ด เก็บได้มากถึงสี่แต้มจากการดวลกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในลีกซีซั่นนี้ครบสองเกมแล้วเพราะทุกคนคงจำได้ว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ซึ่งฉลองวันเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาครบอายุ 48 ปีพอดีเคยพาทีมบุกไปแพ้แบบน่าอายที่ วิคาเรจ โร้ด 4-1

    และนั่นเป็นเกมสุดท้ายในฐานะกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ของอดีตกองหน้าซูเปอร์ซับ ขณะที่เกมล่าสุดทั้งสองฝ่ายเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมด้วยกันทั้งคู่เนื่องจากการต่อกรกันหนแรกเมื่อเดือนพ.ย.หรือสามเดือนก่อน วัตฟอร์ด มี เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุมบังเหียน

    ด้าน เบน ฟอสเตอร์ นายทวาร แตนอาละวาด ซึ่งเคยเฝ้าเสาให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นมือกาวทีมเยือนอายุมากที่สุดที่เก็บคลีนชีตนัดบู๊กับ ผีแดง ได้ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ขณะมีอายุ 38 ปี 329 วัน ทำลายสถิติของ เดวิด ซีแมน อดีตผู้รักษาประตู อาร์เซน่อล ที่สร้างเอาไว้เมื่อเดือนพ.ค.2002 ในวัย 38 ปี 231 วัน