เป็นไปตามความคาดหมายเมื่อ ลิเวอร์พูล ลอยลำเข้ารอบแปดทีมถ้วย เอฟเอคัพ ได้สำเร็จในเกมต้อนรับการมาเยือนของ นอริช ทีมร่วมพรีเมียร์ลีก
    แม้เจ้าบ้านจะโรเตชั่นทีมบานตะไท แต่ขุนพลชุดสำรองของ หงส์แดง ยังแกร่งพอที่จะกำราบ นกขมิ้นเหลืองอ่อน ได้ด้วยสกอร์ 2-1 พร้อมทั้งสร้างสถิติชนะคู่แข่งทีมเดียวกันได้สี่นัดเป็นครั้งแรกทั้งในเกมลีก เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ ในซีซั่นเดียวกันโดยเกมที่ แอนฟิลด์ มีประเด็นให้ต้องพูดถึง 5 ข้อดังนี้

1. สามหัวหอกของ เร้ด แมชีน

    จากโผ 11 รายชื่อของทีมเจ้าบ้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรับทัพตัวจริงจากแม็ตช์คว้าแชมป์ คาราบาวคัพ มากถึง 10 ตำแหน่งเนื่องจาก หงส์แดง ต้องบู๊กับ เชลซี นานถึง 120 นาทีก่อนได้เฮจากการดวลลูกโทษตัดสิน

    ในจำนวนนี้ มีแค่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมรายเดียวเท่านั้นจากเกมชิงถ้วยเครื่องดื่มชูกำลังที่ เวมบลีย์ ที่ได้ออกสตาร์ตฟาดเกือกกับ นอริช

    และหากจะมองไปที่สามหัวหอกนัดดวลกับ นกขมิ้นเหลืองอ่อน คล็อปป์ วางหมากให้ ทาคูมิ มินามิโนะ , ดิว็อค โอริกี้ และ ดีโอโก้ โชต้า ประสานงานร่วมกัน

    ตามสถิติ มีการเปิดเผยว่าสามหัวหอกชุดนี้มีผลงานที่ดีในรายการ คาราบาวคัพ เนื่องจากยิงประตูได้มากถึง 9 จาก 10 ลูกในรายการที่ว่า

    ขณะเดียวกัน โชต้า กับ มินามิโนะ คลำเป้าในถ้วย เอฟเอคัพ ได้เรียบร้อยแล้วด้วยคนละเม็ดในเกมเฝ้าบ้านยำ คาร์ดิฟฟ์ 3-1

2. ทาคูมิ มินามิโนะ ประกาศศักดา

    บอกเลยว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆสำหรับฝีเท้าการยิงประตูของดาวเตะเอเชียสัญชาติซามูไรรายนี้

    และจากการซัดลูกเบิกร่องเม็ดแรกของเกม มินามิโนะ ก็เช็คบิลให้ตัวเองเป็นลูกที่แปดของซีซั่นในทุกรายการ เป็นรองเพื่อนร่วมสังกัดแค่ ซาดิโอ มาเน่ , โชต้า และ โม ซาลาห์ เท่านั้น

    พร้อมกันนี้ มันยังเป็นประตูที่ 750 ของสโมสรนับตั้งแต่ คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน ลิเวอร์พูล ด้วย

    จากนั้น สตาร์ชาวเมืองปลาดิบก็พังประตูได้อีกลูกก่อนจบครึ่งแรกซึ่งเป็นประตูที่ 9 ของเขาจากการลงสนาม 22 นัดในซีซั่นนี้

3. หงส์แดง ชนะ11นัดรวด

    หลังย้ำแค้น นอริช เพิ่มเติมจากเกม พรีเมียร์ลีก ที่ทั้งสองทีมดวลกันไปไม่นาน ลิเวอร์พูล ก็สร้างผลงานชนะรวด 11 นัดติดต่อกันในทุกรายการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.2007

    ทั้งนี้ มันรวมถึงเกมที่ผ่านมาซึ่งพวกเขาได้แชมป์ คาราบาวคัพ เช่นกันจากการดวลลูกโทษพิชิต เชลซี หลังจากทั้งสองทีมเสมอกันแบบไม่มีสกอร์ใน 120 นาที
   
    สำหรับเกมสุดท้ายที่ หงส์แดง สยบคู่แข่งไม่ได้คือศึก คาราบาวคัพ รอบตัดเชือกนัดแรกที่พวกเขาเปิด แอนฟิลด์ เสมอกับ อาร์เซน่อล 0-0 ช่วงกลางเดือนม.ค.ก่อนบุกไปคว้าชัย 2-0 ที่ ลอนดอน

4. ผลงานที่ดีที่สุดของ คล็อปป์ ในถ้วยน็อคเอาท์

    พลันที่คว้าชัยเหนือ นอริช ได้สำเร็จ หมายความว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ มีผลงานในถ้วยใบนี้ดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าสุดท้ายเขาจะพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม

    นับตั้งแต่เข้ามากุมบังเหียน เร้ด แมชีน เมื่อเดือนต.ค.2015 ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันไม่เคยพาทีมผ่านเข้ารอบฟุตบอลรายการนี้ได้ไกลกว่านี้มาก่อนเลยเนื่องจาก ลิเวอร์พูล จอดป้ายแค่รอบสาม และรอบสี่เท่านั้น

    และมีแค่หนเดียวที่นายใหญ่วัย 54 ปีพา เครื่องจักรสีแดง หลุดเข้าถึงรอบ 16 ทีมถ้วย เอฟเอคัพ คือซีซั่น 2019/20 แต่บุกไปพ่าย เชลซี 2-0 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์

5. นัดต่อไปกับ เวสต์แฮม

    เกมต่อไปในวันเสาร์นี้ ลิเวอร์พูล จะทำศึก พรีเมียร์ลีก และได้ปักหลักเล่นใน แอนฟิลด์ ต่อด้วยการต้อนรับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

    เอ่ยถึง ขุนค้อน จะเห็นได้ว่าทีมของ เดวิด มอยส์ ลงเล่นเกม เอฟเอคัพ รอบห้าในคืนวันเดียวกับ ลิเวอร์พูล และออกไปแพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน แบบขาดลอย 3-1 ชนิดที่ส่งทีมชุดใหญ่ออกศึกซะด้วย

    ตรงกันข้ามกับ หงส์แดง ซึ่งออมความสดของขุนพลคีย์แมนเอาไว้แทบทั้งทีมเพื่อรอทุบ เดอะ แฮมเมอร์ส เก็บแต้มไล่กดดัน แมนฯ ซิตี้ ต่อ

    มองกันตามเนื้อผ้าแล้ว คาดว่า เร้ด แมชีน ไม่น่าจะทำให้สาวกผิดหวัง และมีสิทธิ์สานต่อผลงานด้วยการกำชัยในทุกรายการเป็นเกมที่ 12 ติดต่อกัน