เมืองทองยื่นฟ้องกรรมการ 4 เคสเกมเยือนขอนแก่น ยูไนเต็ด คณะอนุฯฟันเปา 6 สัปดาห์ แต่มาถึงคณะใหญ่สรุปเสียงข้างมาก "ทัศธราวุทธ" ไม่ผิดทั้ง 4 เคส
   
จากการยื่นประท้วงของทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด ในเกมที่บุกเยือน ขอนแก่น ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 20 ก.พ.65 โดยเกมดังกล่าวเป็นที่พูดถึงทั้งประเทศว่า มีเหตุการณ์ 3 จุดโทษที่เป่าให้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เกิดขึ้นในช่วงเวลา 13 นาที ภายใต้การตัดสินของ ทัศธราวุทธ ขันทะวิชัย ก่อนที่จะเปลี่ยนจุดโทษที่ 3 เป็นใบแดงไล่ ลูคัส โฮซ่า กองหลังเมืองทอง ยูไนเต็ด น.30 โดยทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด ยื่นประท้วงไปยังคณะกรรมการพิจารณา วินัย มารยาท 4 ข้อ

โดยทั้ง 4 ข้อ ประกอบด้วย เหตุการณ์ที่ 1 นาทีที่ 12 ผู้เล่นหมายเลข 10 สโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด พยายามจะเล่นบอลที่โยนโด่งเข้ามา และบอลได้โดนหัวของผู้เล่นสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด ก่อนจะเด้งมาโดนมือผู้เล่นหมายเลข 2 สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด โดยผู้ตัดสินได้ให้เป็นจุดโทษ ทั้งๆ ที่ภาพจาก VAR ก็ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเข้าไปในเขตโทษแล้วหรือยัง และลักษณะแขนของผู้เล่นสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ก็ไม่ได้กางออกมา อีกทั้งยังไม่ได้มีเจตนาในการใช้แขนเพื่อเล่นบอลแต่อย่างใด

เหตุการณ์ที่ 2 นาทีที่ 23 ผู้เล่นสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด โยนบอลยาวมา โดยที่ผู้รักษาประตูของสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด รับบอลพลาด และได้ตามไปเล่นต่อ โดยมีผู้เล่นหมายเลข 10 ของสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ดอยู่ตรงหน้า ทำให้เกิดการขวางขึ้น แต่ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษกับทางสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด เมื่อมาดูภาพช้าแล้ว จะเห็นได้ว่า ผู้เล่นหมายเลข 10 ของสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้พยายามที่จะลากขา เพื่อไปโดนขากับผู้รักษาประตูของสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด และทำการดีดตัวเพื่อตบตาผู้ตัดสิน อีกทั้ง ในจังหวะนี้ผู้เล่นหมายเลข 10 ของสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้ถลาตัวไปข้างหน้าและเสียการครอบครองบอลแล้ว และลูกบอลอยู่ใกล้กับแนวรับของผู้เล่นสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่สามารถจะเคลียร์ได้ซึ่งจังหวะนี้สโมสรไม่เห็นควรที่จะเป็นจุดโทษ

เหตุการณ์ที่ 3 นาทีที่ 26 ผู้เล่นหมายเลข 10 ของสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด หลุดมาทางฝั่งขวา โดยมีผู้เล่นหมายเลข 3 ของสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด วิ่งคู่กันมาเพื่อเบียดแย่ง และได้มีจังหวะชนกันไหล่ต่อไหล่ ผู้เล่นของสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด ล้มลงไป ผู้ตัดสินกับเป่าให้จุดโทษ โดยไม่ลังเล แต่เมื่อไปดูVAR เหตุการณ์นี้อยู่นอกเขตโทษ ผู้ตัดสินเลยให้ใบแดงแทน ทั้งๆ ที่เป็นการปะทะที่ไม่รุนแรงถึงขั้นลงโทษใบแดง อีกทั้ง ยังมีผู้เล่นหมายเลข39 ของสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด อยู่ในแนวรับอีกคนหนึ่ง จึงทำให้จังหวะดังกล่าวไม่ใช่การสกัดของผู้เล่นตัวสุดท้าย

เหตุการณ์ที่ 4 นาทีที่ 52 ผู้เล่นของสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด เสียหลักล้มลงไปกับพื้น และได้นำร่างกายเข้ามาขวางการเล่นของผู้เล่นสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด อีกทั้งยังได้เจตนาใช้มือเพื่อเปลี่ยนทิศทางของลูกบอล โดยที่ผู้ตัดสินไม่ได้มีการลงโทษผู้เล่นของสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด แต่อย่างใด

โดยเหตุการณ์ที่ 2 คณะอนุกรรมการได้มีการสรุปว่า ไม่มีใครเป็นผู้ทำผิดกติกา ต่างคนต่างเหยียดเท้าเข้าหากันไม่มีการเตะหรือขัดขากันของผู้เล่นทั้งสอง เป็นการเข้าแย่งชิงปกติของการเล่น คณะอนุกรรมการพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินฯ มีมติเสียงข้างมาก นายทัศธราวุทธ ขันทะวิชัย ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ให้ลงโทษตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 6 สัปดาห์(ตามหลักเกณฑ์การพิจารณาลงโทษผู้ตัดสิน ข้อ 1.3 เป่าให้จุดโทษ ทั้งที่ไม่มีการทำผิดกติกาและอาจจะมีผลต่อการแข่งขัน) ส่วนนายวินัด โพธิ์พัฒน์ ผู้ช่วยผู้ตัดสิน VAR ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องเนื่องจากแม้การตัดสินใจของผู้ตัดสินจะผิดพลาด แต่ความผิดพลาดนั้นไม่ใช่เหตุการณ์ที่ผิดพลาดอย่างชัดเจนของผู้ตัดสิน การที่ไม่มีการแจ้งให้ผู้ตัดสินมาทำการตรวจสอบในเหตุการณ์นี้จึงเป็นไปตามหลักการ VAR Protocol ได้กำหนดไว้ โดยที่ คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ซึ่งเป็นขณะใหญ่ ใช้วิธีออกเสียงสรุป โดยมีมติเสียงข้างมาก เห็นว่าการตัดสินของ นายทัศธราวุทธ ขันทะวิชัย ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้อง ส่วนอีก 3 เคส คณะอนุฯมีความเห็นว่า ผู้ตัดสินทำหน้าที่ได้ถูกแล้ว

สรุปคือ คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ให้ผู้ตัดสิน ทัศธราวุทธ ขันทะวิชัย ตัดสินถูกหมดทั้ง 4 เคส

ด้าน กานต์ จันรัตน์ ผู้จัดการทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด เผยว่า ถ้ามองตามภาพรวม ก็ไม่โอเค หลายเคสในหลายๆสนามก็เกิดขึ้นในลักษณะนี้ มันไม่เป็นการตัดสินที่ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ถ้ามาตรฐานเดียวกัน ผลการตัดสินจะต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน"

"เรื่องนี้คุณต้องออกมาตอบสังคมบ้าง คนเขาอยากรู้ทั้งประเทศ ถือว่าเป็นการให้ความรู้ก็ได้ ในเมื่อคุณเป็นองค์กรดูแลผู้ตัดสิน"