สุดสัปดาห์นี้ มีศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ในค่ำคืนวันอาทิตย์ โดยสถิติที่บ้านของทีมฝั่งสีฟ้า เป็นฝั่งทีมสีแดงที่ทำได้ดีกว่าในช่วงหลัง รอลุ้นกันว่านัดนี้ผลออกมาจะเป็นอย่างไร ส่วนคู่อื่น ๆ ก็ยังมีความน่าสนใจ ไปดูกันได้เลย!!

    "เลสเตอร์-ลีดส์"

    ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ปีกชาวอังกฤษ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ มีส่วนร่วมกับประตูที่ทีมทำใส่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทั้งสามเกมลีกที่เจอกัน โดยมีผู้เล่นแค่ 2 รายเท่านั้นที่เคยทำสถิติทำนองเดียวกันนี้ต่อ "ยูงทอง" 4 เกมติด ได้แก่ อลัน เชียเรอร์ (1992-95) และ เธียร์รี่ อองรี (2002-2004)

    ลีดส์ ไม่แพ้ต่อ เลสเตอร์ เลยตลอดการเจอกันในลีก 5 เกมหลังสุด (ชนะ 2 แพ้ 3) โดยเกมก่อนเอาชนะมาได้ 3-1 ซึ่งหากพวกเขาบุกเอาชนะที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ได้ในเกมนี้ก็จะทำให้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาซิวชัยที่สนามแห่งนี้ได้ติดต่อกัน 2 นัดบนเวที พรีเมียร์ลีก

    แพตสัน ดาก้า หัวหอก "เดอะ ฟ็อกซ์" มีส่วนร่วมกับประตู 6 ลูกจากการลงสนาม 6 นัดที่เล่นในบ้านตัวเองทุกรายการ โดยยิงได้ 5 ประตู และแอสซิสต์หนนึง ขณะเดียวกัน ในฤดูกาลนี้ ไม่มีแข้ง เลสเตอร์ รายไหนที่ทำสกอร์ที่ คิง เพาเวอร์ ได้มากกว่าเขาอีกแล้ว

    เกมนี้จะเป็นการเปิดตัวการคุมทีมบนศึก พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกของ เจสซี่ มาร์ช กุนซือป้ายแดงของ ลีดส์ และที่ผ่านมาหากนับกุนซือรักษาการเข้าไปด้วยแล้วนั้น 6 จาก 7 ผู้จัดการทีม "ยูงทอง"  หลังสุด พวกเขาเปิดตัวด้วยความพ่ายแพ้ในเกม พรีเมียร์ลีก ซึ่งคนเดียวที่ไม่แพ้คือ เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ ที่สามารถเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ไปได้ 3-0 เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2002

    นอกจากนี้ มาร์ช ก็จะเป็นโค้ชชาวอเมริกัน รายที่สามที่ได้คุมทีมในศึก พรีเมียร์ลีก ต่อจาก บ็อก แบร็ดลี่ย์ (11 นัดกับ สวอนซี ปี 2016) และ เดวิด ว้ากเนอร์ (60 นัดกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 2017-19)

    "เบิร์นลี่ย์-เชลซี"

     เรื่องนอกสนามของ เชลซี กำลังอยู่ในช่วงวุ่นวาย หลังจาก โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ประกาศขายสโมสรอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เรื่องในสนาม "สิงห์บลูส์" ต้องเดินหน้าต่อไปโดยมีคิวเยือน เบิร์นลี่ย์ ที่ เทิร์ฟ มัวร์

    "สิงห์บลูส์" บุกชนะ "เดอะ คลาเร็ตส์" ได้ถึง 6 นัดจาก 7 เกมหลังในลีก โดยอีกเกมคือการแบ่งแต้มกัน หากนับจากสถิติทั้งหมด มีแค่ วิมเบิลดัน เท่านั้น (8) ที่ เชลซี ไม่แพ้ในการออกไปเยือนในการแข่งขันรายการนี้โดยปราศจากความพ่ายแพ้

    หลังจากบุกแชร์แต้มที่ เดอะ บริดจ์ ด้วยสกอร์ 1-1 เกมก่อน เบิร์นลี่ย์ ก็มองหาการไร้พ่ายต่อ เชลซี 2 นัดติดต่อกันให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1970/71

    "ลิเวอร์พูล-เวสต์แฮม"

    จาร์ร็อด โบเว่น ลงเล่นให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทุกนัดตลอด 78 เกมลีกหลังสุด และหากเขามีส่วนร่วมอีกในเกมนี้จะทำให้ โบเว่น แซงหน้าสถิติของ สตีฟ พ็อตต์ส (เมษายน ปี 1994-มีนาคม ปี 1996) ที่ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ติดต่อกันนานที่สุดในสีเสื้อ "เดอะ แฮมเมอร์ส"

    ลิเวอร์พูล (12 ลูก) และ เวสต์แฮม (9 ลูก) คือสองทีมที่ได้ประตูจากลูกเตะมุมมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ถึงกระนั้น ทั้งคู่เสียประตูจากลูกเตะมุมรวมกันแค่ 5 ลูกเท่านั้นจากจำนวนประตูที่พวกเขาเสียทั้งหมด (ลิเวอร์พูล 3/20 และ เวสต์แฮม 2/34)

    เวสต์แฮม มองหาชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล ไป-กลับให้ได้เป็นครั้งที่สอง หลังจากก่อนหน้านี้เคยทำได้ตอนซีซั่น 2015/16 โดยเกมก่อนที่เอาชนะมาได้ 3-2 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่พวกเขาเอาชนะ "หงส์แดง" ได้ในลีก (เสมอ 2 แพ้ 8)

    โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สอยตาข่ายใส่ เวสต์แฮม ไปแล้ว 9 ลูกจาก 9 เกม และยิงใน แอนฟิลด์ ใส่ "ขุนค้อน" ได้ทุกนัด (4 เกม) ซึ่งจากจำนวนดังกล่าว ไม่มีทีมไหนที่ ซาลาห์ ยิงได้มากที่สุด (9 ลูกเท่ากับ วัตฟอร์ด) และเขาจะกลายเป็นนักเตะแอฟริกัน รายที่ 2 ที่สามารถถล่มประตูใส่คู่แข่งได้แตะหลัก 10 ประตู ต่อจาก ซาดิโอ มาเน่ ที่ทำประตูใส่ คริสตัล พาเลซ 13 ลูก

    "วัตฟอร์ด-อาร์เซน่อล"

    เอมิล สมิธ โรว์ คือผู้นำดาวซัลโวของ อาร์เซน่อล ในลีก ณ ตอนนี้ด้วยจำนวน 9 ประตู โดยสกอร์ต่อไปจะทำให้เจ้าตัวเป็นผู้เล่นอายุ 21 ปีหรือน้อยกว่าของ "เดอะ กันเนอร์ส" รายที่สองที่ทำประตูแตะเลขสองหลักได้ใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นเดียวต่อจาก นิโกล่าส์ อเนลก้า ตอนฤดูกาล 1998/99

    วัตฟอร์ด เก็บคลีนชีตได้ถึง 3 นัดจาก 6 เกมลีกหลังสุดภายใต้การคุมทัพของ รอย ฮ็อดจ์สัน ซึ่งเทียบเท่ากับก่อนหน้านี้ 38 เกม อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เกมรับจะดีขึ้นแต่เกมรุก พวกเขาเพิ่งยิงได้ 2 ลูกเท่านั้นจาก 6 เกมดังกล่าว

    การเจอกับ วัตฟอร์ด ของ อาร์เซน่อล พวกเขาทำประตูได้ทุกเกมตลอด 15 นัดหลังสุดในลีก มีแค่ เวสต์บรอม เท่านั้นที่พวกเขายิงติดต่อกันได้จำนวนมากกว่า (26 เกมติดต่อกัน)

    ไม่มีผู้เล่นคนไหนที่จะยิงประตูแล้วทีมแพ้ไปมากกว่า เอ็มมานูเอล เดนนิส อีกแล้ว โดย "เดอะ ฮอร์เน็ตส์" แพ้ทั้ง 4 นัดที่เขาทำประตูได้ อย่างไรก็ตาม ดาวยิงไนจีเรียน เองก็ทำประตูได้ 5 ลูกในชัยชนะ 5 นัดที่ทีมคว้ามาได้ในฤดูกาลนี้

    "แมนฯ ซิตี้-แมนฯยูไนเต็ด"

    ริยาด มาห์เรซ ปีกแอลจีเรียน ของ แมนฯ ซิตี้ มีส่วนร่วมกับประตู 9 ลูกจาก 8 เกมลีกหลังสุด โดยยิง 6 ประตู และ 3 แอสซิสต์ อย่างไรก็ตาม ในการเจอกับคู่แข่งที่ มาห์เรซ เผชิญหน้าก็ไม่มีทีมไหนที่เขายิงประตูไม่ได้ติดต่อกันนานที่สุดเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด (11 นัด)

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มองหาชัยชนะที่บ้านของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นนัดที่ 4 ติดต่อกันทุกรายการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เคยทำได้ตอนช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 1993 ถึงเดือนพฤศจิกายน ปี 2000

    ขณะเดียวกัน "เรือใบสีฟ้า" ก็ยังมองหาชัยชนะไป-กลับในลีกเหนือ "ปีศาจแดง" เป็นครั้งที่สองในยุค เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดยหนล่าสุดที่ทำได้คือตอนซีซั่น 2018/19

    นับตั้งแต่ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก นัดแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทำประตูกับแอสซิสต์ได้ในเกมเดียวมาแล้ว 11 นัด เหนือกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ทุกคน ซึ่งเขาทำสถิติดังกล่าวได้คิดเป็น 14 เปอร์เซ็นต์จากการลงเล่นเกมลีก 77 นัด (11/77) โดยจำนวนดังกล่าวเป็นอัตราที่มากที่สุดสำหรับผู้เล่นที่ลงเล่นอย่างน้อย 20 เกม

    "สเปอร์ส-เอฟเวอร์ตัน"

    จอร์แดน พิคฟอร์ด จะลงเล่นนัดที่ 200 บนศึก พรีเมียร์ลีก ซึ่งจะทำให้เขาเป็นผู้เล่นคนที่ 21 ที่ลงสนามรายการนี้อย่างน้อย 200 เกมโดยที่ทั้งหมดเป็นการลงเล่นเป็นตัวจริงทั้งหมด และจะเป็นผู้เล่นที่ลงเล่นแตะหลักจำนวนนี้ในวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของตัวเองรายที่ 5 ต่อจาก โนเอล วีแลน, จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์, ปาโปล ซาบาเลต้า และ วิคเตอร์ โมเสส

    ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เอาชนะในการลงเล่นค่ำคืนวันจันทร์ได้ถึง 9 จาก 12 เกมหลังสุด (เสมอ 2 แพ้ 1) โดยเกมเดียวที่แพ้คือการพ่ายต่อ แมนฯ ซิตี้ ในบ้านตัวเองเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2018

    นอกจากนี้ "ไก่เดือยทอง" แพ้แค่เกมเดียวจาก 18 เกมหลังสุดในลีกที่เจอกับ เอฟเวอร์ตัน (ชนะ 8 เสมอ 9) โดยเกมที่แพ้เกิดขึ้นเมื่อซีซั่นที่แล้ว

    หลังจากคว้าชัยเหนือ สเปอร์ส มาได้เมื่อฤดูกาลก่อน เอฟเวอร์ตัน ก็มองหาชัยชนะที่บ้าน "คลับไก่" 2 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เคยทำได้เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2006 ถึงเดือนพฤศจิกายน ปี 2008