ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ซาลาห์ เดินหน้าสร้างสถิติ,แนวรุกเต็มสูบ! 5 ข้อก่อนเกม ลิเวอร์พูล เยือน ไบรท์ตัน

ซาลาห์ เดินหน้าสร้างสถิติ,แนวรุกเต็มสูบ! 5 ข้อก่อนเกม ลิเวอร์พูล เยือน ไบรท์ตัน

Posted 12/03/2022 by siamsport

ลิเวอร์พูล กลับมาตั้งสติหลังเสียฟอร์มเปิดแอนฟิลด์พ่าย อินเตอร์ มิลาน ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัด 2 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพวกเขาเตรียมยกพลไปเยือน ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 12 มีนาคมนี้ ข่าวดีของ "หงส์แดง" ก็คือ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หายเจ็บแล้ว แถมแนวรุกคนอื่นๆ ก็ฟิตสมบูรณ์ ขณะที่เกมรับ โฌแอล มาติป กำลังคึกสุดๆ หลังได้รับรางวังแข้งยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก เดือนก.พ. งานนี้ "เดอะ เร้ดส์" พร้อมสู้ถวายหัว เพราะสามคะแนนจะช่วยทำให้ทีมกดดัน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งจะลงแข่งในวันอาทิตย์นี้ ในการไล่ล่าแชมป์ลีกฤดูกาลนี้

1. ซาลาห์เดินหน้าสร้างสถิติ

     โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำผลงานได้โดดเด่นมากๆ โดยตอนนี้รั้งตำแหน่งดาวซัลโวของลีกในฤดูกาลนี้ แต่ในแมตช์นี้นอกจากจะเป็นการลุ้นทำประตูฉีกหนีคู่แข่งที่ลุ้นรองเท้าทองคำ ยังมีสถิติอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วย นั่นก็คือตอนนี้ "บังโม" ขาดอีกแค่ประตูเดียวในการเล่นเกมเยือนที่จะทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนที่สามของ "หงส์แดง" ที่กระซวกตาข่ายคู่แข่งนอกบ้านครบ 50 ประตูในยุคที่เปลี่ยนเป็นพรีเมียร์ลีก ก่อนหน้านี้มีแค่ ไมเคิ่ล โอเว่น (55 ประตู) และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด (51 ประตู) เท่านั้นที่ทำได้ ซึ่งหากแมตช์นี้ "คิง ออฟ อียิปต์" ทำได้เขาจะกลายเป็นแข้งคนแรกที่ไม่ใช่ชาวอังกฤษที่ประสบความสำเร็จในการทำสถิตินี้ งานนี้บอกเลยว่ามีความเป็นไปได้เพราะก่อนหน้านี้ ซาลาห์ ยิงใส่ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน มาแล้ว 5 ประตู ส่วนอีกสถิติที่น่าสนใจมากๆ นั่นก็คือหาก "โม ซาลาห์" ยิงได้อีก 1 ลูกจะทำให้เขาสามารถยิงได้ 20 ลูกในพรีเมียร์ลีก 4 ครั้ง 
 
 2. ลิเวอร์พูล เตรียมเทียบเท่า แมนฯ ยูไนเต็ด

      ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มักจะแข่งขันเรื่องการสร้างความยิ่งใหญ่มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการไล่ล่าแชมป์ทั้งในประเทศอังกฤษ และยุโรป ฉะนั้นหากสิ่งไหนก็ตามที่สามารถจะทำให้ทีมใดทีมหนึ่งมีสถิติที่เทียบเท่า หรือเหนือกว่าคู่อริตลอดกาล นั่นย่อมทำให้แฟนบอลของทั้งสองสโมสรสะใจมากๆ สำหรับในแมตช์นี้หาก "เดอะ เร้ดส์" สามารถยิงได้อีกสองประตู นั่นจะทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่สองที่สามารถยิงได้ครบ 2,000 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีก โดยเทียบเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด สำหรับโอกาสที่จะทำได้นั่นก็มีความเป็นไปได้เช่นกันเพราะ 7 แมตช์หลังสุด "หงส์แดง" เก็บชัยเรียบวุธ พวกเขาสามารถยิงคู่แข่งได้ถึง 19 ประตู และเสียแค่ 2 ลูกเท่านั้น นอกจากนี้ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ พยายามที่จะเก็บคลีนชีตให้ได้ 3 แมตช์ติดต่อกันในลีกซึ่งเป็นครั้งแรกในซีซั่นนี้

 3. มาติป เต็มไปด้วยความมั่นใจ

     ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ถือว่าเป็นทีมที่มีความสมดุลอย่างมากทั้งเกมรุก และเกมรับ โดยเฉพาะแผงกองหลังของทีม 7 แมตช์หลังสุดเสียแค่สองประตูเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าต้องชื่นชมแผงแบ็กโฟร์ทุกคน แต่สำหรับเดือนที่ผ่านมาต้องยกให้ โฌแอล มาติป เพราะฟอร์มโดดเด่นมากๆ ในเรื่องเกมรับไม่ต้องยกยอปอปั้นเนื่องจากเห็นๆ กันอยู่แล้ว แต่ที่โดดเด่นเพิ่มขึ้นก็คือการเล่นเกมรุก เพราะ ดาวเตะชาวแคเมอรูน มีส่วนในการช่วยทีมได้แก่การแอสซิสต์ในแมตช์ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ และยิงประตูในเกมถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้รางวัลแข้งยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำเดือนกุมภาพันธ์ ที่สำคัญ มาติป เป็นปราการหลังตัวกลางคนแรกที่ได้รางวัลนี้นับตั้งแต่ที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เคยได้เมื่อเดือนธันวาคม 2018 
 
 4. แนวรุกเต็มอัตราศึก

     ข่าวดีสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" ก็คือตอนนี้พวกเขาจะได้เห็นแนวรุกเต็มอัตราศึกเพราะ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หายเจ็บแล้ว และพร้อมที่จะเป็นตัวเลือกของ คล็อปป์ ในแมตช์บุกเยือนไบรท์ตัน นั่นหมายความว่า นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช จะมีออปชั่นเกมบุกได้แก่ ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, ฟีร์มีโน่, ดีโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ งานนี้มีความเป็นไปได้สูงที่แฟนบอล "หงส์แดง" จะได้เห็น "บังโม", มาเน่ และ ดิอาซ ทำหน้าที่เป็นสามแนวรุก เนื่องจากพวกเขาอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรงเหลือเกิน โดยเฉพาะในรายของ ดาวเตะชาวโคลอมเบีย ที่ลงสนามไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเกมได้ตลอด

 5.  ไล่กดดันแมนเชสเตอร์ ซิตี้

      ประเด็นนี้เป็นเรื่องน่าสนใจในทุกๆ สัปดาห์ โดยเฉพาะสัปดาห์ที่ ลิเวอร์พูล มีคิวต้องลงแข่งก่อน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะหากพวกเขาสามารถเก็บสามคะแนนได้ นั่นจะทำให้ทีมลดความห่างลงมาเหลือ 3 คะแนนอีกครั้ง และโยนความกดดันไปใส่ "เรือใบสีฟ้า" ที่เตรียมไปเยือน คริสตัล พาเลซ ซึ่งแมตช์นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เหมือนเกมที่พวกเขาเคี้ยว แมนฯ ยูไนเต็ด สบายเหงือก !! ฉะนั้นเกมกับ ไบรท์ตัน นั้น ลิเวอร์พูล ต้องชนะให้ได้ เพราะเชื่อว่า แมนฯ ซิตี้ คงจะเจอสถานการณ์กดดันอย่างหนักในการพบกับ พาเลซ ที่มักจะสร้างรอยแผลเจ็บช้ำให้ "เรือใบสีฟ้า" บ่อยๆ ซะด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »