ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » เหลือลุ้นท็อปโฟร์,โด้ไร้แชมป์ครั้งแรกรอบ16ปี!5ข้อแมนยูแพ้แอต.มาดริดร่วงชปล.

เหลือลุ้นท็อปโฟร์,โด้ไร้แชมป์ครั้งแรกรอบ16ปี!5ข้อแมนยูแพ้แอต.มาดริดร่วงชปล.

Posted 16/03/2022 by siamsport

แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องนั่งปาดน้ำตาที่เห็นทีมรักโบกมือลาศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แพ้ แอตเลติโก มาดริด 0-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัด 2 รวมสกอร์สองแมตช์แพ้ไป 1-2 ทำให้ตอนนี้ "ปีศาจแดง" ไม่มีโทรฟี่แชมป์ติดมือแน่นอนในฤดูกาลนี้ แถมยังต้องรีบกลับมาเรียกสมาธิให้เร็วที่สุด เพราะพวกเขาต้องพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่งั้นอาจจะไม่ได้โควตากลับมาชิงชัยถ้วย "บิ๊กเอียร์" ในซีซั่นหน้าก็ได้

1. ซิเมโอเน่ ทีเด็ดปราบทีมอังกฤษ

แท็กติกของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ในแมตช์นี้ถือว่าสมบูรณ์แบบจริงๆ เพราะเขาวางหมากให้ลูกทีมเล่นเกมรับเหนียวแน่น และรอจังหวะสวนกลับที่เฉียบคม ซึ่งระบบนี้ถือว่าได้ผลดีเยี่ยม เพราะในครึ่งแรก แอต.มาดริด มีจังหวะสวนกลับสวยๆ หลายครั้ง จนกระทั่งมาได้ประตูจาก เรนาน โลดี้ ในขณะที่ครึ่งหลัง "ตราหมี" เล่นตามแผนเน้นรับเหนียวแน่นเป็นสองเท่า ยิ่งทำให้ แมนฯ ยูฯ หมดปัญญาเจาะเข้าทำในเขตโทษ ส่งผลให้พวกเขาต้องพยายามเปิดบ้านจากด้านข้าง หรือไม่ก็ยิงไกลซึ่งไม่เข้าเป้าอีกต่างหาก ฉะนั้นชัยชนะในเกมนี้ต้องยกเครดิตให้กับการวางแผนอันแยบยลของ "เอล โชโล่" ยิ่งไปกว่านั้น ซิเมโอเน่ ถือเป็นตัวแสบของสโมสรจากอังกฤษ เพราะเขานำ แอต.มาดริด เขี่ยทีมเมืองผู้ดีตกรอบน็อกเอาต์ เริ่มตั้งแต่ เชลซี (2013/2014 รอบรองชนะเลิศ), ลิเวอร์พูล (2019/2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย) และ แมนฯ ยูฯ (2021/2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย)....แสบยิ่งกว่าซีม่าน้ำก็ ซิเมโอเน่ นี่แหละ !!

2. โรนัลโด้ กับฟอร์มที่น่าผิดหวัง

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพิ่งสร้างผลงานได้อย่างสุดยอดด้วยการซัดแฮตทริกในเกมลีกชนะ สเปอร์ส แถมเขายังมีสถิติยอดเยี่ยมในเวลาที่พบกับ แอต.มาดริด แต่ในแมตช์นี้ "เฮียโด้" ไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งอย่างที่แฟนผีโปรเจกต์คาดหวังเอาไว้ได้เลย โดยตลอดทั้งเกม "ซีอาร์ เซเว่น" ไม่มีโอกาสลุ้นทำประตูแม้แต่หนเดียว ที่สำคัญนี่เป็นครั้งที่สามที่เขาลงเล่นเต็มเกม 90 นาทีที่ไม่มีจังหวะลุ้นทำประตูเลย ซึ่งก่อนหน้านี้สองครั้งเกิดขึ้นในเกมที่ แมนฯ ยูฯ พบ พานาธิไนกอส เมื่อปี 2003 และ เรอัล มาดริด พบ บาร์เซโลน่า ปี 2011 ซึ่งเป็นหนึ่งในสถิติที่ย่ำแย่ของเจ้าตัว ฉะนั้นต้องบอกเลยว่านี่เป็นเรื่องที่สุดเจ็บปวดของ ดาวเตะชาวโปรตุกีส เพราะนอกจาก แมนฯ ยูฯ ตกรอบแล้ว สถิติก็ไม่น่าจดจำด้วย ที่ยิ่งย่ำแย่ก็คือ โรนัลโด้ จบฤดูกาลโดยที่ไม่มีแชมป์ในระดับสโมสรติดมือเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี
 
3. ค่ำคืนที่น่าผิดหวังของ แรชฟอร์ด

ช่วงที่ผ่านมา แอนโธนี่ อีแลงก้า กลายเป็นผู้เล่นตัวหลักในแนวรุกฝั่งขวาของ รังนิก ไปแล้ว โดยผลงานของเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าเหมาะสมที่จะได้ลงเป็นตัวจริง ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ต้องทำใจกับฟอร์มในช่วงที่ผ่านมาที่น่าผิดหวังเหลือเกิน ยิ่งในแมตช์นี้ "แรชชี่" มีโอกาสได้ลงพิสูจน์ตัวเองในช่วงครึ่งหลัง แต่ฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวไม่มีอะไรเลย ที่สำคัญทุกครั้งที่บอลมาถึง แรชฟอร์ด มีแต่เสียกับเสีย ดาวเตะเลือดผู้ดี ไม่สามารถสร้างประโยชน์ได้เลยเวลาที่มีบอลอยู่กับตัว ไม่ว่าจะเป็นเลี้ยงบอลไม่ผ่าน เล่นแบบไร้จินตนาการ ที่สำคัญยังดูเหมือนเหยาะแหยะอีกต่างหาก ตอนนี้ต้องบอก แรชฟอร์ด ขาดความมั่นใจสุดขีด และถ้าหากสถานการณ์ของนักเตะยังเป็นแบบนี้ต่อไป คำว่า "ดาวรุ่งตลอดกาล" คงจะเหมาะกับเขาที่สุด !!

4. โอบัค คีย์แมนสำคัญ "ตราหมี

หนึ่งในนักเตะแอต. มาดริด ที่ต้องบอกว่ามีส่วนสำคัญต่อการบุกมาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมนี้คงหนีไม่พ้น ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูชาวสโลเวเนีย ที่ป้องกันจังหวะสำคัญที่มีต่อผลการแข่งขันอย่างมาก โดยมีหลายครั้งที่เขาแสดงความเป็นผู้นำอยู่หน้าปากประตูคอยสั่งการให้แนวรับป้องกันการบุกของเจ้าบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถเก็บกินลูกโด่ง ที่สำคัญเจ้าตัวยังโชว์ซูเปอร์เซฟจากจังหวะการยิงจ่อๆ ของ อีแลงก้า ที่ใช้ใบหน้าป้องกันได้อย่างเหนือเชื่อในครึ่งแรก กับอีกจังหวะเป็นลูกโหม่งของ ราฟาแอล วาราน ในครึ่งหลัง ซึ่งช่วยให้ทีมไม่เสียประตูตีเสมอ ฉะนั้นหาก เรนาน โลดี้ เป็นฮีโร่ในการทำประตู โอบลัค ก็ควรได้รับการเชิดชูว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในการเซฟประตูของ "ตราหมี"
 
5. เหลือแค่ลุ้นท็อปโฟร์ (ยังหนักใจ)

ตอนนี้ความฝันที่สาวก "เร้ด อาร์มี่" จะได้เห็นโทรฟี่แชมป์ประดับในตู้โชว์ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในฤดูกาลนี้หมดสิ้นเรียบร้อย หลัง แมนฯ ยูฯ ทีมรักโดน แอต.มาดริด เขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำในเวลานี้ก็คือการมีสมาธิกับการทำผลงานให้ดีที่สุดในลีก เพื่อที่จะคว้าโอกาสจบท็อปโฟร์ และได้ตั๋วกลับมาลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นหน้า กระนั้นแฟนผีโปรเจกต์ต้องทำใจเอาไว้บ้าง เนื่องจาก "ผีแดง" รั้งอยู่อันดับ 5 มี 50 แต้มตามหลัง อาร์เซน่อล อันดับ 4 อยู่แต้มเดียว แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ แมนฯ ยูฯ แข่งมากกว่าถึง 3 เกม แน่นอนว่าพวกเขาต้องงัดฟอร์มเทพออกมาในช่วงที่เหลืออยู่ของฤดูกาล แถมยังต้องภาวนาให้ "ปืนใหญ่" สะดุดด้วย ถ้าหากไม่เป็นไปตามนั้น แฟนบอลอาจจะได้เห็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงไปโลดแล่นในเกม ยูโรปา ลีก ก็ได้

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »