ลิเวอร์พูล กลับมามีแสงสว่างในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ หลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกเสมอ คริสตัล พาเลซ แบบไร้สกอร์ นั่นหมายความว่าเกมเยือน อาร์เซน่อล หากพวกเขาเก็บชัยชนะได้จะตามหลัง "เรือใบสีฟ้า" จ่าฝูงเหลือแค่ 1 คะแนนเท่านั้น
   
สำหรับตอนนี้ต้องยอมรับว่า อาร์เซน่อล กับ "หงส์แดง" มีฟอร์มการเล่นที่เปล่งปลั่งพอๆ กันโดยในรายของ "ไอ้ปืนใหญ่" เก็บชัยชนะในลีก 5 แมตช์รวดส่วน ลิเวอร์พูล ฟอร์มโหดหน่อยตรงที่ชนะเกมลีก 8 นัดรวด !!

ยิ่งไปกว่านี้แมตช์นี้มีความหมายกับทั้งสองทีม เพราะหาก อาร์เซน่อล เก็บสามแต้มได้จะทำให้พวกเขายึดอันดับท็อปโฟร์อย่างเหนียวแน่น ขณะที่ "เดอะ เร้ดส์" จะไล่บี้หายใจรดต้นคอ แมนฯ ซิตี้ เลยทีเดียว

ข่าวดีสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" คงหนีไม่พ้นกรณีที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกมาเปิดเผยว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีโอกาสที่จะได้ลงสนามในเกมนี้ หลังนักเตะได้รับบาดเจ็บในแมตช์ชนะ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

งานนี้นายใหญ่ชาวเยอรมัน คงเตรียมออปชั่นในการวางแท็คติกเอาไว้ 2 แบบเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุฉุกเฉินนักเตะสำคัญคนใดคนหนึ่งเกิดไม่ฟิตที่จะลงสนามในแมตช์นี้ (อ้างอิงจาก thisisanfield.com)

รูปแบบที่ 1

เกมนี้มีความหมายต่อการลุ้นแชมป์อย่างมาก ฉะนั้น คล็อปป์ ต้องวางหมากเกมรับที่เหนียวแน่น โดยคู่เซนเตอร์แบ็กในเวลานี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โฌแอล มาติป ซึ่งเพิ่งจะฉลองรางวัลแข้งยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก เดือนกุมภาพันธ์ ด้วยการจัดแอสซิสต์ในเกมชนะ ไบรท์ตัน สำหรับฟูลแบ็กซ้าย-ขาว ไม่มีใครแย่งตำแหน่งของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แน่นอน ในขณะที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู อลีสซง เบ็คเกอร์ ยังคงทำหน้าที่เฝ้าเสาเหมือนเดิม

ในขณะที่แดนกลางมีความเป็นไปได้ที่ ติอาโก้ อัลกันทาร่า ซึ่งกลับมาฟิตสมบูรณ์แล้วจะได้ลงมาประจำการในแผงมิดฟิลด์ฝั่งซ้าย หลังนักเตะถูกส่งเป็นตัวสำรองแทน นาบี เกอิต้า ในเกมลีกนัดล่าสุด ส่วนตำแหน่งโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ ในเวลานี้ไม่มีใครจะเบียดตำแหน่งของ ฟาบินโญ่ แน่นอน ส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม ยังได้รับความไว้วางใจให้ยืนทางฝั่งขวา

ตบท้ายด้วยแดนหน้าหาก ซาลาห์ ฟิตสมบูรณ์แน่นอนว่าเขาจะเป็นตัวเลือกแรกในการลงประจำการเป็นแนวรุกทางขวา ส่วน ซาดิโอ มาเน่ กำลังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในฐานะหน้าเป้า และ คล็อปป์ ค่อนข้างจะชื่นชอบให้เขาลงประจำการในตำแหน่งนี้ สำหรับแนวรุกทางซ้ายตอนนี้ไม่มีใครฟอร์มโดดเด่นเท่ากับ หลุยส์ ดิอาซ ซึ่งเพิ่งซัด 1 ประตูในเกมทุบ "นกนางนวล" ทำให้ตอนนี้เขายิงในลีกให้ "เดอะ เร้ดส์" ไปแล้วสองลูก ส่วน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กับ ดีโอโก้ โชต้า ต้องรอโอกาสของพวกเขาที่ซุ้มม้านั่งสำรอง

รูปแบบที่ 2

สำหรับแท็กติกที่สองหากไม่มีเกิดอาเพศแน่นอนว่า คล็อปป์ ยังคงเลือกใช้ ฟานไดค์, มาติป, โรเบิร์ตสัน และ "หนุ่มเทรนต์" ต่อไป ฉะนั้น อิบราฮิม่า โกนาเต้ กับ โจ โกเมซ อาจต้องรอโอกาสของเขาในเกม เอฟเอ คัพ ที่จะพบกับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ รอบ 8 ทีมสุดท้าย วันอาทิตย์ที่ 20 มี.ค.นี้

ด้านแดนกลาง คล็อปป์ อาจจะช่างใจยังไม่อยากเสี่ยงใช้งาน ติอาโก้ เป็นตังจริง ถ้านักเตะไม่ฟิตสมบูรณ์เต็มร้อย และให้โอกาส เกอิต้า ลงสนามต่อไป ในขณะที่อีกสองตำแหน่งในแผงมิดฟิลด์ทั้ง ฟาบินโญ่ กับ "กัปตันเฮนโด้" ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ลงเป็นตัวหลัก สำหรับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ กับ เคอร์ติส โจนส์ สองดาวรุ่งพุ่งแรงทำหน้าที่เป็นยางอะไหล่ชั้นดี

ในตำแหน่งเกมรุก ตอนนี้ คล็อปป์ ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า ซาลาห์ จะพร้อมลงสนามหรือไม่ เพราะนักเตะยังมีอาการบวมที่เท้า แม้ว่าจะบรรเทาลงไปบ้าง และสามารถลงซ้อมกับทีมได้ก็ตาม แต่ต้องรอคอนเฟิร์มในนาทีสุดท้าย ถ้าหาก "บังโม" ลงเล่นไม่ได้ ตำแหน่งทางขวา มาเน่ คงจะต้องรับหน้าที่แทน ส่วนหน้าเป้าจะเป็นโอกาสของ โชต้า ที่จะลงสนาม ขณะที่ทางฝั่งซ้าย ดิอาซ ยังคงเป็นตัวหลักของทีมเหมือนเดิม