ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » 8 อรหันต์แชมเปี้ยนส์ลีก!จัดอันดับก่อนจับสลากทีมไหนแกร่งสุด-อ่อนสุด

8 อรหันต์แชมเปี้ยนส์ลีก!จัดอันดับก่อนจับสลากทีมไหนแกร่งสุด-อ่อนสุด

Posted 18/03/2022 by siamsport

ผ่านมาถึงรอบแปดทีมสุดท้ายแล้วสำหรับศึกลูกหนัง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เกมการฟาดแข้งที่แฟนบอลให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม
  
และสำหรับทีมจากเมืองผู้ดี ปรากฏว่าตบเท้าเข้ารอบอย่างไม่ลำบากสามรายทั้ง แมนฯ ซิตี้ , ลิเวอร์พูล และ เชลซี ขาดแค่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมเดียวเท่านั้นที่ไม่มาตามนัด

และสำหรับวันศุกร์นี้ (18 มี.ค.) จะมีพิธีจับสลากประกบคู่ในรอบแปดทีมสุดท้าย รวมถึงเส้นทางในรอบตัดเชือกด้วยเช่นกัน

ฉะนั้นแล้ว ก่อนลุ้นระทึกผลการจับสลาก เราไปวิเคราะห์กันดีกว่าว่าในจำนวนแปดทีม ใครที่แข็งแกร่งมากที่สุด และอ่อนด้อยมากที่สุดซึ่งสมควรถูกจับสลากประกบคู่ด้วยอย่างยิ่ง

8.เบนฟิก้า

ผู้จัดการทีม : เนลสัน เวริสซิโม่

คีย์แมน : ดาร์วิน นูนเญซ

เวริสซิโม่ ก้าวจากทีมสำรองขึ้นมากุมบังเหียนทีมชุดใหญ่ของถิ่น เอสตาดิโอ ดา ลุซ ต่อจาก จอร์จ เชซุส ที่โดนไล่ออกเมื่อเดือนธ.ค.กระทั่งล่าสุดสร้างผลงานช็อกโลกพา เหยี่ยวลิสบอน บุกไปเขี่ย อาแจ็กซ์ ตกรอบคาบ้าน

สำหรับทีมชุดนี้ พวกเขามี นูนเญซ กองหน้าทีมชาติ อุรุกวัย เป็นตัวความหวัง แต่เมื่อเทียบกับอีกเจ็ดสโมสร ต้องยอมรับว่าทีมยักษ์ของ โปรตุเกส ยังเป็นรองอยู่เยอะ

ขณะเดียวกัน เบนฟิก้า เคยได้แชมป์รายการนี้แล้วสองหนติดต่อกัน แต่ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นมานานมากแล้วเมื่อปี 1962 และน่าจะยากที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้

ต่อความล้มเหลวของ เบนฟิก้า เชื่อกันว่าเกิดจาก "คำสาปของ เบล่า กุตต์มันน์" อดีตโค้ชชาว ฮังการี ของสโมสรซึ่งพาทีมคว้าแชมป์ในปี 1962 ด้วยการพิชิต เรอัล มาดริด 5-3

จากความสำเร็จดังกล่าว กุตต์มันน์ จึงร้องขอให้บอร์ดเพิ่มค่าแรงให้เขาตามสมควร แต่ถูกปฏิเสธ เขาจึงลาออกพร้อมสาปแช่งว่า "จากนี้อีก 100 ปี เบนฟิก้า จะไม่มีวันได้แชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ อีก"

และแปลกแต่จริงที่จากนั้นเป็นต้นมา เบนฟิก้า สามารถทะยานเข้าไปชิงชนะเลิศถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก และ ยูโรปาลีก มากถึงแปดครั้ง แต่พวกเขาได้รองแชมป์ทุกครั้งในปี 1963, 1965, 1968, 1983, 1988 , 1990 , 2013 และ 2014

โดยเฉพาะในนัดชิงดำถ้วย ยูโรเปี้ยนคัพ ปี 1990 ยูเซบิโอ สมาชิกทีมแชมป์ปี 1962 ถึงกับเดินทางไปเคารพศพ กุตต์มันน์ ที่ถูกฝังเอาไว้ที่ เวียนนา , ออสเตรีย เพื่อวิงวอนขอให้ถอนคำสาป แต่ก็ไม่เป็นผลอยู่ดีเนื่องจาก เบนฟิก้า ของกุนซือ สเวนโกรัน อีริคส์สัน พ่าย มิลาน 1-0 ในเกมชิงชนะเลิศที่ เวียนนา

7.บียาร์เรอัล

ผู้จัดการทีม : อูไน เอเมรี่

คีย์แมน : เคราร์ด โมเรโน่

ว่าไปแล้ว เรือดำน้ำสีเหลือง ชุดนี้มีดาวเตะที่แฟนบอล พรีเมียร์ลีก น่าจะคุ้นชื่อหลายราย

ไม่ว่าจะเป็น โจวานี่ โล เซลโซ่ ที่ย้ายมาจาก สเปอร์ส แบบยืมตัว และ แซร์จ ออริเยร์ กับ ฮวน ฟอยท์ ที่บอกลา ไก่เดือยทอง อย่างถาวรไปแล้ว

ขณะเดียวกัน เอเมรี่ ก็เคยย้ายมาคุมทีม อาร์เซน่อล สโมสรดังอีกรายของกรุงลอนดอนเช่นกัน

พร้อมกันนี้ ทีมจาก ลา ลีกา ยังระเบิดผลงานบุกไปขยี้ ยูเวนตุส คาคอกถึง 3-0 อีกด้วย พวกเขาจึงพร้อมเป็นม้ามืดในถ้วยใบนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

6.แอตเลติโก มาดริด

ผู้จัดการทีม : ดีเอโก้ ซิเมโอเน่

คีย์แมน : ชูเอา เฟลิกซ์

ชัยชนะที่มีต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด บ่งบอกถึงเครื่องหมายการค้าของกุนซือ อาร์เจนไตน์ ได้เป็นอย่างดี

หลังมีสกอร์นำ ทีม ตราหมี ก็เน้นตั้งรับได้อย่างรัดกุม และเหนียวแน่น ไม่เปิดโอกาสให้ ผีแดง ได้สร้างความหวาดเสียวเลยแม้แต่น้อย

นี่คือคุณภาพของทีมจากลีกกระทิงดุซึ่งพร้อมครองบอลน้อยกว่าคู่แข่งอย่างไม่ยี่หระ และรอโอกาสโต้เร็วแบบฉับพลันโดยมี เฟลิกซ์ กองหน้าจอมแพรวพราวทีมชาติ โปรตุเกส เป็นตัวทีเด็ด

5.เชลซี

ผู้จัดการทีม : โธมัส ทูเคิ่ล

คีย์แมน : ไค ฮาแวร์ตซ์

ต้องยอมรับว่าแชมป์เก่ากำลังตกที่นั่งลำบากในซีซั่นนี้เมื่อพวกเขาถูกรัฐบาลยูเคเล่นงานอย่างหนักจนน่าเห็นใจโดยนำเอาความเป็นเจ้าของทีมของ โรมัน อบราโมวิช เข้ามาโยงกับสงครามระหว่าง รัสเซีย กับ ยูเครน

อย่างไรก็ดี กุนซือชาวเมืองเบียร์สามารถหลอมรวมสปิริตของนักเตะได้อย่างน่ายกย่อง และทำให้ สิงห์บลูส์ ยังมีพิษสง ไม่แพ้ให้กับคู่แข่งอย่างง่ายดายแน่นอน

พร้อมกันนี้ ฮาแวร์ตซ์ สตาร์ด๊อยทช์ก็สร้างชื่อในฐานะกองหน้าได้อย่างเฉียบขาดหลังยึดครองตำแหน่งของ โรเมลู ลูกากู ที่โดนดร็อปเนื่องจากผลงานฝืดสนิทได้อย่างน่าเซอร์ไพรส์

4.เรอัล มาดริด

ผู้จัดการทีม : คาร์โล อันเชล็อตติ

คีย์แมน : คาริม เบนเซม่า

ไม่ธรรมดาแน่สำหรับทีมไหนก็ตามที่เขี่ย เปแอสเช ตกรอบได้ทั้งๆที่ออกไปแพ้เกมแรก 1-0 และกลับมาเฝ้า

บ้านโดนสอยตาข่ายก่อนอีก

แต่ก็นี่แหละที่ทำให้ ราชันชุดขาว ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อตัวจริงของฟุตบอลรายการนี้ และมันเพิ่มโอกาสคว้าโทร

ฟี่หูใหญ่เป็นสมัยที่ 14 ของพวกเขาได้ไม่น้อยเนื่องจากกำราบทีมที่มีทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ , เนย์มาร์ และ คิลิยัน

เอ็มบัปเป้ เป็นสามหัวหอกได้อย่างมีสไตล์

ขณะเดียวกัน เบนเซม่า ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขสำหรับเขาอย่างแท้จริงเนื่องจาก

ดาวยิงเฟรนช์แมนวัย 34 ปีพร้อมคายพิษสงทุกขณะ แถมใช้โอกาสไม่เปลืองอีกด้วย

3.บาเยิร์น มิวนิค

ผู้จัดการทีม :ยูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์

คีย์แมน : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

แม้ผลงานใน บุนเดสลีกา ของ เสือใต้ นับตั้งแต่เข้าสู่ครึ่งหลังของซีซั่นจะกระท่อนกระแท่นอยู่เหมือนกัน แต่สำหรับศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ว่าทีมไหนก็ไม่อาจประมาทพยัคฆ์ตนนี้จากเมืองเบียร์ได้

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีดาวยิงทีมชาติ โปแลนด์ เป็นที่พึ่งอีกต่างหาก และแม้จะมีอายุ 33 ปีแล้ว แต่ เลวานดอฟสกี้ ยังสนุกกับการพังประตูเป็นเข่ง

2. ลิเวอร์พูล

ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

คีย์แมน : โมฮาเหม็ด ซาลาห์

บอกเลยว่านี่คือ หงส์แดง ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา หาไม่แล้วพวกเขาคงไม่ได้ลุ้นแชมป์ในซีซั่นนี้ถึงสี่รายการ

แชมป์ คาราบาวคัพ กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจสุดขีด อีกทั้งมีขุมกำลังที่สมดุลย์อย่างยิ่งทั้งเสียประตูยากมหันต์เนื่องจากมี อลิสซง เฝ้าตาข่าย แล้วไหนยังฉมังการเจาะตาข่ายฝ่ายตรงข้ามทุกวินาทีอีกเนื่องจากห้ากองหน้าทั้ง ซาลาห์ , ซาดิโอ มาเน่ , โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ , หลุยส์ ดิอาซ และ ดีโอโก้ โชต้า พร้อมคลำเป้าอยู่ตลอดเวลา

1.แมนฯ ซิตี้

ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

คีย์แมน : เควิน เดอ บรอยน์

ยังไม่เคยได้แชมป์ใบนี้เลย และเกือบสมหวังเมื่อซีซั่นก่อน แต่พ่ายให้กับ เชลซี ทีมร่วม พรีเมียร์ลีก ไปแบบเฉียดฉิว 1-0

ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งอีกตามเคย แต่ผลงานช่วงนี้มีแกว่งกระทั่งโดน ลิเวอร์พูล ไล่จี้หายใจรดต้นคอแล้วในเกม พรีเมียร์ลีก

อย่างไรก็ดี หากบังเอิญว่าคู่นี้ถูกจับสลากให้เจอกันในรอบแปดทีม ก็แน่นอนว่ามันจะเป็นเกมบิ๊กแม็ตช์ที่แฟนบอลไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แถมจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดหวังโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »