ตกเป็นจำเลยสังคมไปเต็มๆ สำหรับ อิศเรศ น้อยใจบุญ ที่โดนขนานว่า "จอมศอกไร้น้ำใจ" จากเหตุการณ์ที่เจ้าตัวฟิวส์ขาดในการลงรับใช้อดีตต้นสังกัด บางกอก เอฟซี ทำศึกรอบแชมป์เปี้ยนลีก ศึกที 3 บุกแพ้ นอร์ทกรุงเทพ เอฟซี 0-3 เมื่อ 13 มี.ค. 2565 จนเป็นข่าวดังไม่เฉพาะแค่ในไทยแต่สำนักข่าวต่างประเทศยังนำคลิปเหตุการณ์ที่เจ้าตัวฟันศอกใส่เพื่อนร่วมอาชีพ อย่าง ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิตร จนต้องเย็บไปหลายเข็ม ไปนำเสนอข่าว ก่อนท้ายที่สุดเจ้าตัวจะโดนโทษแบนจากสมาคมกีฬาฟุตบอล 3 ปี
    ล่าสุด "เจ้าเจ" อิศเรศ น้อยใจบุญ ได้เปิดใจกับทีมข่าวสยามกีฬาว่า ทุกวันนี้สภาพจิตใจเริ่มดีขึ้นตามลำดับซึ่งเขารู้สึกสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบไม่ทันยั้งคิด ซึ่งเขาไม่ขอพูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ส่วนเรื่องของอนาคตนั้น อิศเรศ บอกว่า หลังจบทัวร์นาเมนต์แชมป์เปี้ยนลีก และลีกฟุตบอลของไทยรูดม่านปิดฉากหมดแล้ว คงจะทำเรื่องขออุทรณ์โทษแบนไปยังสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีนักเตะโดนโทษแบนตลอดชีวิตก่อนจะได้อุทรณ์เหลือ 2 ปี อิศเรศ หวังจะได้รับความกรุณาจากสมาคมลูกหนังไทย

    "เจ้าเจ" ยอมรับว่า ปัจจุบันตัวเองและครอบครัวลำบากมากในการใช้ชีวิตเพราะจากที่เคยมีรายได้จากสโมสรตอนเล่นฟุตบอล ตอนนี้มีรายได้จากทางภรรยา ที่ทำงานโรงงานอยู่ย่านนวนครเพียงทางเดียวแต่มีถึง 5 ชีวิตในครอบครัวทั้งลูกกับภรรยาเก่า 2 คน คนโตผู้หญิงอายุ 6 ปี ,คนเล็ก ผู้ชายอายุ 4 ปี และ ลูกกับภรรยาคนปัจจุบัน อีก 1 คนที่เพิ่งอายุ 8 เดือนต้องดูแล โดยรายได้จากเงินเดือนภรรยาราวเดือนละ 1.8 หมื่นรวมทำโอที ทำให้ต้องอยู่แบบจำกัดจำเขี่ย โดยทุกวันนี้ตัว อิศเรศ ต้องเล่นฟุตบอลเดินสายเพื่อให้มีรายได้เข้ามาสู่ครอบครัวได้นัดละ 3 พันบาท ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวเล่นบอลเดินสายมาตลอดอยู่แล้ว

    "เจ้าเจ" ยังบอกอีกด้วยว่า "ก่อนหน้านี้ที่เคยมีข่าวมาว่า ค่ายมวยเพชรยินดี พร้อมจะจัดเวทีให้ผมชก ผมอยากจะฝากไปถึง"เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ว่า ถ้ายังต้องการให้ไปชกมวยในลักษณะการขึ้นชกโชว์มวยสากลสัก 3 ยก ก็พร้อมจะไปเผื่อจะมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวที่กำลังลำบากมากๆในช่วงนี้บ้าง หาก "เสี่ยโบ๊ท" จะให้ความกรุณาช่วยเหลือผมจะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง"