ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » จ่าฝูงเปลี่ยนมือ?! 6 ประเด็นร้อนก่อนเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 30

จ่าฝูงเปลี่ยนมือ?! 6 ประเด็นร้อนก่อนเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 30

Posted 02/04/2022 by siamsport

ศึก พรีเมียร์ลีก เข้าสู่โปรแกรมนัดที่ 30 เข้ามันส์ยังคงระอุ การชิงชัยแชมป์ระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ยังร้อนระอุต่อเนื่อง สัปดาห์นี้มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันได้เลย!

    "ลิเวอร์พูล-วัตฟอร์ด"

    เกมเปิดหัวคืนวันเสาร์เริ่มเตะเวลา 6 โมงครึ่ง หาก ลิเวอร์พูล ชนะหรือเสมอจะทำให้พวกเขาแซงหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปเป็นจ่าฝูง โดยฝ่ายหลังจะมีคิวเตะกับ เบิร์นลี่ย์ ในช่วงเวลา 3 ทุ่มตรง

    โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงใส่ วัตฟอร์ด รวมกัน 11 ลูกจาก 7 เกมที่เจอกัน โดยแบ่งเป็นทำสกอร์ 9 และแอสซิสต์ 2 ขณะที่แข้งทีมชาติอียิปต์ มีค่าเฉลี่ยมีประตูกับแอสซิสต์ทุก ๆ 57 นาทียามเจอ "แตนอาละวาด"

    "เดอะ ฮอร์เน็ตส์" เก็บแต้มทีมเยือนได้ 8 คะแนนจาก 6 เกมหลังภายใต้การคุมทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน (ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 3) เทียบเท่ากับสถิติก่อนหน้านี้ 17 นัดที่ออกไปเยือน (ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 13) โดยเกมล่าสุด วัตฟอร์ด บุกชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน มาได้ ทว่าพวกเขาไม่ชนะเกมเยือน 2 นัดติดบนเวทีลีกสูงสุดตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2017

    ชูโช่ เอร์นานเดซ ดาวเตะ วัตฟอร์ด มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรง 4 ลูกจาก 3 เกมลีกหลังสุด ( 3 ประตู 1 แอสซิสต์) มากกว่าก่อนหน้านี้ที่เขาต้องใช้เวลามากถึง 19 นัด (2 ประตู 1 แอสซิสต์)

    "เบิร์นลี่ย์-แมนฯ ซิตี้"

    ริยาด มาห์เรซ ปีก แมนฯ ซิตี้ มีสถิติทำประตูใส่ เบิร์นลี่ย์ ได้มากกว่าทีมไหนๆ ในลีก(8 ประตู) อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยิงที่สนาม เทิร์ฟ มัวร์ ได้แค่เม็ดเดียวเท่านั้น

    "เรือใบสีฟ้า" เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ ได้ตลอด 9 นัดที่เจอกันทุกรายการ โดยมีสกอร์รวมห่างมากถึง 32-1 ขณะเดียวกัน ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ของทีมที่เจอกับคู่แข่งมาแล้วหลายต่อหลายราย แมนฯ ซิตี้ เคยชนะคู่แข่งรายเดิมได้อย่างน้อย 10 เกมติดต่อกันเป็นจำนวน 6 ครั้ง ซึ่งในจำนวนนั้นมีถึง 5 หนที่เกิดขึ้นในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

    เกมที่ แมนฯ ซิตี้ ทำประตู คริสตัล พาเลซ ไม่ได้ในเกมก่อนนั้น นับเป็นครั้งที่ 4 ในซีซั่นนี้ที่พวกเขายิงคู่แข่งไม่ได้ ซึ่งฤดูกาลสุดท้ายที่ ซิตี้ ยิงประตูไม่ได้ 5 เกมในซีซั่นเดียวต้องย้อนไปเมื่อปี 2016/17

    3 เกมหลังสุดของ เบิร์นลี่ย์ จบลงด้วยผลต่างสกอร์ 0-8 แม้ว่าในเกมจำนวนดังกล่าว พวกเขาจบครึ่งแรกด้วยผลเสมอ ขณะที่ครั้งสุดท้ายที่ "เดอะ คลาเร็ตส์" แพ้ 4 เกมติดโดยยิงคู่แข่งไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2015

    "เชลซี-เบรนท์ฟอร์ด"


    ไค ฮาแวร์ตซ์ ดาวยิงทีมชาติเยอรมนีของ เชลซี ยิงประตู 3 เกมหลังได้ถึง 4 ลูกบนศึก พรีเมียร์ลีก เทียบเท่ากับสถิติก่อนหน้านี้ที่เขาใช้เวลา 21 นัด โดยเจ้าตัวมองหาการทำประตู 4 เกมลีกติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 ที่เขาเคยทำได้สมัยอยู่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

    "สิงห์บลูส์" เอาชนะ 6 จาก 7 เกมหลังสุดในเกมดาร์บี้ กรุงลอนดอน ซีซั่นนี้ ซึ่งเกมเดียวที่แพ้คือพ่าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-3 ซึ่งเกมนั้นเป็นเกมเดียวที่พวกเขาเสียประตูในเกมดาร์บี้ ซีซั่นนี้

    เบรนท์ฟอร์ด ตั้งเป้าที่จะเก็บชัยเหนือ เชลซี ให้ได้เป็นครั้งแรก หลังก่อนหน้านี้เจอกัน 8 นัดทุกรายการไม่ชนะเลย (เสมอ 1 แพ้ 7)

    ไม่มีทีมไหนที่ทำประตูจากนอกกรอบเขตโทษใน พรีเมียร์ลีก ไปมากกว่า เชลซี อีกแล้ว (8) ขณะที่ เบรนท์ฟอร์ด เสียประตูนอกรอบมากที่สุดในลีก (10)

    "แมนฯ ยูไนเต็ด-เลสเตอร์"


    คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงโปรตุกีสของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำประตูในลีกไปแล้ว 12 ลูก โดยในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก มีผู้เล่นที่อายุมากกว่า 36 ปีที่ยิงประตูได้มากกว่า CR7 คือ จานฟรังโก้ โซล่า เท่านั้น ซึ่งทำได้ 14 ลูกตอนซีซั่น 2002/03

    ผู้เล่นตัวสำรองของ "ปีศาจแดง" ลงมาแล้วยิงประตูได้มากสุดในลีกซีซั่นนี้ (10 ประตู) โดย มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำได้ถึง 4 ลูกจากการลงสนามในฐานะซูเปอร์ซับ ขณะเดียวกัน ไม่มีทีมไหนในลีกที่จะเสียประตูให้กับผู้เล่นตัวสำรองของฝั่งตรงข้ามไปมากกว่า เลสเตอร์ อีกแล้ว (7)

    ฤดูกาลก่อน "เดอะ ฟ็อกซ์" บุกชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด 2-1 และพวกเขามีโอกาสที่จะบุกเก็บชัยที่นี่ 2 ปีติดต่อกันเป็นครั้งแรก นอกจากนี้เกมแรกที่เจอกันในซีซั่นนี้ เลสเตอร์ เป็นฝ่ายกำชัย 4-2 ซึ่งพวกเขาก็มองหาการชนะ "ปีศาจแดง" ไป-กลับเป็นครั้งแรกบนศึก พรีเมียร์ลีก เช่นกัน

    "สเปอร์ส-นิวคาสเซิ่ล"

    ซน ฮึง-มิน แข้งพลังโสมของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ทำประตูที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสปอร์ สเตเดี้ยม 8 ลูกจาก 8 เกมหลังในศึก พรีเมียร์ลีก ซึ่งเขาก็เป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากสุดในบ้านตัวเองซีซั่นนี้ (10) โดยนี่เป็นครั้งแรกที่ทำสถิติดังกล่าวได้

    นับตั้งแต่กลับขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดเมื่อปี 2017 นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เอาชนะ "ไก่เดือยทอง" ได้เพียงครั้งเดียวจาก 9 เกมที่เจอกัน (เสมอ 2 แพ้ 6) โดยชัยชนะนั้นเกิดขึ้นในเกมออกไปเยือนเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2019 (1-0)

    คลับไก่ คว้าชัยในลีก 4 จาก 5 เกมหลัง(แพ้ 1) โดยที่ก่อนหน้านนั้น 5 นัดแพ้ไปถึง 4 เกม(ชนะ 1) นอกจากนี้ สเปอร์ส ทำประตูได้อย่างน้อยสองลูกตลอด 5 เกมหลัง ซึ่งครั้งล่าสุดที่พวกเขาทำสถิติดังกล่าวได้มากกว่านั้นเกิดขึ้นตอนช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน (7 นัด)

    "สาลิกาดง" ไม่เสียประตูเกิน 1 ลูกเลยในช่วง 11 เกมหลังในศึก พรีเมียร์ลีก อีกทั้งยังทำได้ 8 ประตูในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งมีแค่ 2 ครั้งเท่านั้นที่พวกเขาทำสถิตินี้ได้มากกว่าโดยเกิดขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน 2003 ถึงเดือนมีนาคม 2004 (18 เกม) และ 12 ครั้งตอนเดือนมีนาคม ถึงสิงหาคม 1997

    "คริสตัล พาเลซ-อาร์เซน่อล"

    บูกาโย่ ซาก้า (20) และเอมิล สมิธ โรว์ (21) สองดาวรุ่งของ อาร์เซน่อล คือผู้นำดาวซัลโวของทีมในซีซั่นนี้ โดยต่างฝ่ายต่างทำได้คนละ 9 ประตู ซึ่งนับตั้งแต่อดีต มีแค่ 2 สโมสรเท่านั้นที่ 2 ผู้ดาวยิงเป็นคู่ที่อายุต่ำกว่า 21 ปี ได้แก่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในปี 1999/00 (แฮร์รี่ คีเวลล์, ไมเคิ่ล บริดเจส) และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนปี 2006/07 (เวย์น รูนี่ย์ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้)

    คริสตัล พาเลซ ไม่ชนะใครเลยในการเล่นที่บ้านตัวเองในปี 2022 (เสมอ 2 แพ้ 3) ขณะที่ในศึก เอฟเอ คัพ พวกเขากลับเอาชนะได้ทั้ง 3 เกมจนทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ โดยมีแค่ วัตฟอร์ด (8) กับ ไบรท์ตัน (6) เท่านั้น ที่ไม่ชนะใครในบ้านนานกว่า

    "เดอะ กันเนอร์ส" คว้าชัยเกมเยือนได้ตลอด 5 นัดหลังสุด ซึ่งครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเอาชนะเกมเยือนติดต่อกันได้นานกว่าคือเมื่อเดือนมีนาคม ถึงเดือนกันยายน ปี 2013 (8) เทียบเท่ากับตอนที่ทำได้เท่ากันเมื่อเดือนมกราคม ถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2022

    พาเลซ เอาชนะเกม ลอนดอน ดาร์บี้ ได้แค่ 1 นัดจาก 17 เกมลีกหลังสุด (เสมอ 8 แพ้ 8) โดยการคว้าชัยเกิดขึ้นเหนือ สเปอร์ส 3-0 ในฤดูกาลนี้ ขณะที่ "ดิ อีเกิ้ลส์" ไม่เคยไม่แพ้ต่อ อาร์เซน่อล กับ สเปอร์ส ในฤดูกาลเดียวกันมาก่อนเลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »