นับตั้งแต่ซีซั่น 2021/22 เปิดฉากขึ้นมา มีการระบุว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พลาดการลงเล่นให้กับ แมนฯ ยูไน

เต็ด รวมหกนัด
   
อันรวมถึงนัดล่าสุดในศึก พรีเมียร์ลีก ที่ ผีแดง ไล่ตีเสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่

ผ่านมา

แม้จะมีอายุ 37 ปีแล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสตาร์ทีมชาติโปรตุเกสยังฟิตเปรี๊ยะจากการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

เสมอมา และไม่ค่อยมีปัญหาบาดเจ็บหนัก

อย่างไรก็ดี หลังพลาดลงเล่นให้ ผีแดง รวมหกนัด เรามาดูกันดีกว่าว่าทีมดังแห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด มีผลลัพธ์

แบบไหนในเกมที่พวกเขาปราศจากหัวหอกเลือดฝอยทองลงสนาม

1.แพ้ เวสต์แฮม 1-0

22 ก.ย.2021 เป็นเกมแรกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ปราศจาก โรนัลโด้ ลงบู๊นัดต้อนรับ เดอะ แฮมเมอร์ส ในยุคของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

มันเป็นการทำศึก คาราบาวคัพ รอบสามซึ่งเจ้าบ้านเสียท่าให้กับประตูของ มานูเอล ลันซินี่ ตั้งแต่นาทีที่ 9 ซึ่งให้ เดอะ แฮมเมอร์ส บุกมากำชัยที่ โรงละครแห่งความฝัน ได้เป็นครั้งแรกจากทุกรายการนับตั้งแต่นัดสุดท้ายของซีซั่น 2006/07 และเป็นการตกรอบสามถ้วย ลีกคัพ หนแรกของ ผีแดง นับตั้งแต่ซีซั่น 2018/19 ด้วย
   
อันที่จริง ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน (19ก.ย.) เวสต์แฮม เพิ่งพ่ายต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 คารังโดย โรนัลโด้ ลงเล่น และยิงประตูตีเสมอได้ด้วยในนาทีที่ 35 ก่อนที่ เจสซี่ ลินการ์ด ตัวสำรองจะกดประตูชัยให้ทีมในนาทีที่ 89

อย่างไรก็ดี โซลชา ตัดสินใจให้ โรนัลโด้ ได้พักโดยไม่มีชื่อลงเล่น และเป็น อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ได้ลงสนาม แต่ ผีแดง เล่นได้อย่างย่ำแย่ ไม่มีโอกาสคลำเป้าที่ชัดเจน สุดท้ายจึงต้องกระเด็นตกรอบ

2.เสมอ ยังบอยส์ 1-1

หลังเข้ารอบ 16 ทีมถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นผลสำเร็จ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำทีมของนายใหญ่คนใหม่ ราล์ฟ รังนิก จึงจัดให้สตาร์โปรตุกีสได้พักในเกมสุดท้ายต้อนรับทีมจากเมืองนาฬิกา

ในเกมที่ว่า เมสัน กรีนวู้ด ได้รับบทหอกเดี่ยว และซัดให้ทีมออกนำตั้งแต่หัววัน

กระนั้นก็ดี ผีแดง มีฟอร์มที่ไม่น่าประทับใจ และโดนตีเสมอจนได้ก่อนจบครึ่งแรกไม่นาน

3.ชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0

แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านบู๊กับทีมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และผ่านเข้ารอบสี่ถ้วย เอฟเอคัพ ไปได้อย่างกระเสือกกระสน

เจ้าถิ่นวางหมากให้ เอดินสัน คาวานี่ รับบทกองหน้าโดยมี กรีนวู้ด กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ขนาบข้าง แต่สามแผงรุกประสานงานกันไม่เป็นสับปะรด และมันน่าจะดีกว่านี้หากมี โรนัลโด้ ลงบู๊

ถึงกระนั้น เฟร็ด กับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ สองกองกลางคู่ขวัญประสานงานกันได้อย่างลงล็อคโดยดาวเตะทีมชาติบราซิลสาดบอลให้กองกลางทีมชาติสกอตแลนด์โขกตุงตาข่ายตั้งแต่นาทีที่ 8

ทว่านับจากนั้น ผีแดง ต้องตั้งรับการบุกเป็นพายุของ สิงห์ผงาด อย่างทุลักทุเล แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดได้สำเร็จ

4.เสมอ แอสตัน วิลล่า 2-2

หลังจากไม่ได้ลงเล่นเกม วิลล่า นัดก่อนเนื่องจากเจ็บสะโพก โรนัลโด้ ก็ยังไม่ฟิตมากพอที่จะลงสนามได้ในเกมถัดมาที่ ผีแดง ต้องบุกไปเยือน สิงห์ผงาด บ้างในศึก พรีเมียร์ลีก

นอกจาก ซีอาร์เซเว่น แล้ว แรชฟอร์ด ก็บาดเจ็บหมดสิทธิ์ช่วยทีมเช่นกันจึงทำให้ รังนิก ใช้งาน กรีนวู้ด,คาวานี่ และ แอนโธนี่ อีแลงก้า เป็นสามหัวหอก

แม้จะไม่มี โรนัลโด้ แต่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส สตาร์โปรตุกีสอีกรายสามารถระเบิดฟอร์มสุดยอดเหมาเข่นให้ทีมเยือนบุกไปนำก่อนสองเม็ด แต่ในช่วง 13 นาทีสุดท้าย วิลล่า ตีเสมอได้จากฝีเท้าของ เจค็อบ แรมซีย์ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

เป็นอีกเกมที่ทีมของนายใหญ่ด๊อยทช์โดนจวกว่าทำแต้มหลุดมืออีกจนได้ แต่ขณะเดียวกัน สตีวี่ จี ก็ถอนแค้น แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สำเร็จ

5.แพ้ แมนฯ ซิตี้ 4-1

โรนัลโด้ ตกเป็นข่าวเจ็บสะโพกอีกหนจนลงเล่นเกมดาร์บี้แม็ตช์ไม่ได้ ขณะที่เจ้าตัวบินกลับบ้านเกิดที่โปรตุเกสอย่างน่าฉงน

ลือกันให้แซดว่าดาวยิงฝอยทองไม่สบอารมณ์ที่ รังนิก เลือกวางหมากเกมบุกไปเยือน เรือใบสีฟ้า ด้วยการจับเขานั่งเป็นตัวสำรองจนทำให้ ซีอาร์เซเว่น ประกาศไม่ขอมีส่วนร่วมในเกมนี้เลยจะดีกว่า

ต่อการขาดหายไปของพ่อค้าแข้งวัยดึก แมนฯ ยูไนเต็ด วางหมากให้ แฟร์นันด์ส สวมบทหัวหอกโดยมี เจดอน ซานโช่ , ปอล ป็อกบา และ อีแลงก้า ช่วยสนับสนุน

แค่นาทีที่ 5 เควิน เดอ บรอยน์ ก็ซัดให้ แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ แต่นาทีที่ 22 ซานโช่ ทวงคืนให้อาคันตุกะได้

อย่างไรก็ดี มิดฟิลด์ขั้นเทพกดอีกเม็ดให้แชมป์ พรีเมียร์ลีก นำ 2-1 ในครึ่งแรก และจากนั้น ริยาด มาห์เรซ ก็เหมาตะบันสองตุงเช่นกันพา เรือใบ กำชัยขาดลอย 4-1

6.เสมอ เลสเตอร์ 1-1

หลังพา โปรตุเกส เข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก เป็นผลสำเร็จ โรนัลโด้ ก็เดินทางกลับมารายงานตัวกับสโมสรตามปกติ

กระทั่งก่อนเกมกับ เลสเตอร์ รังนิก เผยว่า โรนัลโด้ ลงเล่นไม่ได้เนื่องจากป่วย ไม่ใช่เจ็บสะโพกเหมือนเคย

ขณะเดียวกัน รังนิก เลือกวางหมากเหมือนเกมออกไปแพ้ แมนฯ ซิตี้ โดยที่ไม่มี โรนัลโด้ อีกครั้งด้วยการมอบภาระกองหน้าให้กับ แฟร์นันด์ส เช่นเคย

และผลลัพธ์ก็ปรากฏเหมือนเดิมว่ามันไม่ได้ผลแม้ เฟร็ด จะยิงประตูตีเสมอ เดอะ ฟ็อกซ์ เซฟทีมได้อีกครั้งหลังเจ้าบ้านเสียประตูให้กับ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ไปก่อนหน้านี้ไม่นาน

แม้จะรอดพ้นจากความพ่ายแพ้คาถิ่น แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เพิ่มผลงานอันเลวร้ายไม่ชนะ สุนัขจิ้งจอก สี่นัดรวดในทุกรายการแล้ว หลังก่อนหน้านี้สามนัด พวกเขาพ่ายคู่แข่งรายนี้มาโดยตลอด

ขณะเดียวกัน หนึ่งแต้มที่ได้มาก็อาจไม่เพียงพอต่อการคว้าโควต้า แชมเปี้ยนส์ลีก แถมหลังเกม โรนัลโด้ เคลื่อนไหวด้วยการโพสต์ภาพลงอินสตาแกรมร่วมกับครอบครัวด้วย จึงเป็นอีกครั้งที่เขาทำให้แฟนบอลฉงนถึงการหายหน้าไปในยุคของกุนซือสัญชาติไส้กรอก

อันที่จริง นับตั้งแต่ต้นซีซั่น แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มี โรนัลโด้ ลงเล่นสามเกมติดต่อกันในศึก พรีเมียร์ลีก ซึ่งพวกเขาออกสตาร์ตด้วยการเปิดบ้านถล่ม ลีดส์ 5-1 , บุกไปเสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 และออกไปคว่ำ วูล์ฟส์ 1-0

หากแต่ทั้งสามเกมเกิดขึ้นก่อนหน้าที่สตาร์ร่างบึกจะจรดปากกาย้ายกลับสู่ เธียเตอร์ ออฟ ดรีม หนสองโดยเขาได้ประเดิมสนามในเกม พรีเมียร์ลีก นัดขยี้ นิวคาสเซิ่ล 4-1 ต่อหน้าสาวก เร้ด อาร์มี่ ซึ่งทีมเยือนบุกมานำก่อนช่วงต้นครึ่งหลัง

ถึงอย่างนั้น โรนัลโด้ ซึ่งลงสนามเป็น 11 คนแรกเปิดตัวได้อย่างสวยสดงดงามในการคัมแบ็คสู่ลีกอังกฤษเมื่อจัดแจงเข่นสองประตูให้ทีมแซงนำ ก่อนที่ แฟร์นันด์ส กับ ลินการ์ด จะซัดอีกคนละเม็ดในช่วงสิบนาทีสุดท้าย