เอฟเวอร์ตัน โชว์พลังหนีตกชั้นเปิดรังเบียดชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 จากประตูชัยของ แอนโธนี่ กอร์ดอน ซัดไปแฉลบ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เปลี่ยนทางเข้าประตู ทำให้ทีมของ แลมพาร์ด ขยับหนีโซนตกชั้นเพิ่มเป็น 4 คะแนนชั่วคราว ส่วน "ปีศาจแดง" ไร้ชัยสองนัดติดยังรั้งที่ 7 ชวดทำแต้มทาบท็อปโฟร์

    ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่แรกประจำวันเสาร์ที่ 9 เมษายน 2565 ที่สนาม กูดิสัน พาร์ค ระหว่าง เอฟเวอร์ตัน ทีมอันดับ 17 พบ แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 7 ของตาราง

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด พาทีม ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เสี่ยงต่อการตกชั้นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1951 เมื่อออกไปแพ้ เบิร์นลี่ย์ 2-3 เมื่อกลางสัปดาห์ นั่นทำให้พวกเขาแพ้ 3 นัดติดต่อกัน และมีแต้มอยู่เหนือโซนตกชั้นคือ เบิร์นลี่ย์ แค่แต้มเดียวเท่านั้น โดยเกมนี้พวกเขาได้ ไมเคิ่ล คีน และ อัลลัน พ้นโทษแบนกลับมาออกสตาร์ตเป็นตัวจริง โดยแนวรุกฝากความหวังไว้ที่ โดมินิก คัลเวิร์ต-ลูวิน และ ริชาร์ลิซอน ตามเดิม

    ด้าน ราล์ฟ รังนิค กุนซือ ปีศาจแดง พาทีมไม่ชนะ 2 นัดติดต่อกันโดยแพ้ แอตเลติโก้ มาดริด 0-1 ตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตามด้วยการไล่ตีเสมอ เลสเตอร์ 1-1 ที่ โอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด นัดล่าสุด เกมนี้ รังนิก ส่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับมามีชื่อออกสตาร์ตเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เจดอน ซานโช่ ที่ทำเกมริมเส้นสองฝั่ง

    ครึ่งแรกเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 8 แมนยู ได้โอกาสลุ้นก่อนจากจังหวะที่ ฟาเบียน เดลฟ์ เคลียร์บอลไม่ขาดไปเข้าทางปืนของ มาร์คัส แรชฟอร์ด กดด้วยขวาหน้าเขตโทษ จอร์แดน พิคฟอร์ด ยังช่วยเซฟไว้ได้

    เกมรุกของ แมนยู บุกมาเป็นพายุ และน่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆในนาทีที่ 12 จากจังหวะที่ บรูโน่ เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ แรชฟอร์ด ขึ้นโขกเน้นๆ แต่ยังไม่ผ่านมือ พิคฟอร์ด พุ่งปัดทิ้งไปหวุดหวิด

    อย่างไรก็ตาม เอฟเวอร์ตัน ที่เกมเป็นรองพลิกขึ้นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 27 จากจังหวะที่ แอนโธนี่ กอร์ดอน สับไกซัดด้วยขวาหน้าเขตโทษบอลไปแฉลบ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เปลี่ยนทางเข้าประตูไป

    จากนั้นนาที 30 เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นลูกสองจากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาแล้วเป็น ไมเคิ่ล คีน ที่ได้สอดมาโหม่งบอลข้ามคานไปนิดเดียว

    นาที 36 เจ้าถิ่นเกือบได้ลูกสองอีกหนจากลูกยิงหน้าเขตโทษของ ริชาร์ลิซอน ไปแฉลบ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ แต่คราวนี้ เด เคอา ยังผวาปัดทิ้งออกหลังไปได้

    "ปีศาจแดง" ต้องเสียโควต้าเปลี่ยนผู้เล่นในนาทีที่ 36 เมื่อ เฟร็ด มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ก่อนจะถเป็น ปอล ป็อกบา ที่ถูกส่งลงมาเล่นแทน

    ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไมได้ จบครึ่งแรก เอฟเวอร์ตัน นำ แมนยู 1-0

    ครึ่งหลังเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 53 เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นจากจังหวะเตะมุมทางฝั่งซ้าย แล้วเป็น เบน ก็อดฟรี่ย์ ได้ขึ้นโหม่งบอลข้ามคาน

    เกมของ แมนยู ยังดูตื้อๆ ทำให้ รังนิก ตัดสินใจเปลี่ยนตัวอีกสองคนส่ง แอนโธนี่ อีแลงก้า และ ฆวน มาต้า ลงมาเล่นแทน เนมานย่า มาติช และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในนาทีที่ 64

    หลังจากนั้น แมนยู เริ่มเร่งเครื่องบุกใส่ได้มากขึ้น และมาได้ลุ้นในนาทีที่ 71 จากลูกยิงหน้าเขตโทษของ อีแลงก้า แต่บอลยังเหินข้ามคาน

    แมนยู เจาะไม่เข้าทำให้ ปอล ป็อกบา ต้องมาลองซัดไกลด้วยขวาหน้าเขตโทษ แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ พิคฟอร์ด รับเข้าซองสบาย ในนาทีที่ 81

    จนแล้วจนรอด แมนยู ก็ยังตีเสมอไมได้ ช่วงทดเวลา นาที 90+3 แม็กไกวร์ โหม่งตั้งมาให้ โรนัลโด้ ได้ตะบันเน้นๆหน้าปากประตูก็ยังติดเซฟของ พิคฟอร์ด

    เวลาที่่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม เอฟเวอร์ตัน ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 ทำให้ทีมของ แลมพาร์ด ขยับหนีโซนตกชั้นเพิ่มเป็น 4 คะแนนชั่วคราว ส่วน "ปีศาจแดง" ไร้ชัยสองนัดติดยังรั้งที่ 7 ชวดทำแต้มทาบท็อปโฟร์ 

   
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เอฟเวอร์ตัน (4-3-3) : จอร์แดน พิคฟอร์ด - เชมุส โคลแมน, เบน ก็อดฟรี่ย์, ไมเคิ่ล คีน, วิตาลี่ มายโคเลนโก้ - ฟาเบียน เดลฟ์, อัลลัน, อเล็กซ์ อิโวบี้ - แอนโธนี่ กอร์ดอน, โดมินิก คัลเวิร์ต-ลูวิน (เดมาไร เกรย์ น.71), ริชาร์ลิซอน

แมนฯยูฯ (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา - แอรอน วาน-บิสซาก้า, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, อเล็กซ์ เตลลิส - เนมานย่า มาติช (ฆวน มาต้า น.64), เฟร็ด (ปอล ป็อกบา น.36) - เจดอน ซานโช่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด (แอนโธนี่ อีแลงก้า น.64) - คริสเตียโน่ โรนัลโด้