4+1 ประเด็นร้อนก่อนเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 33 แถมบิ๊กแมตช์ตัดเชือกเอฟเอคัพ
Posted 16/04/2022 by siamsport
ฟุตบอลอังกฤษ สุดสัปดาห์นี้มีทั้งเกมลีก และบอลถ้วย ให้ได้ติดตามกัน โดย เอฟเอ คัพ เดินทางเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ส่วนเกมลีกเป็นแมตช์เดย์ที่ 33
เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ
"แมนฯ ซิตี้-ลิเวอร์พูล"
ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ต่างตีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยสัปดาห์นี้ทั้งคู่เตรียมโคจรมาปะทะกันในรอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ ที่สนาม เวมบลี่ย์
ผลเสมอ 2-2 ในเกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ทำให้สถานการณ์การเบียดแย่งบัลลังก์ พรีเมียร์ลีก ยังไม่ห่างกันมากนัก ซึ่ง "เรือใบสีฟ้า" มีแต้มนำหน้า "หงส์แดง" อยู่แค่แต้มเดียว
ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล คนใดเคยพาทีมเดินทางถึงรอบรองชนะเลิศ ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ในซีซั่นเดียว และแน่นอนว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังอยู่บนเส้นทางลุ้น 4 แชมป์ ซึ่งอีกถ้วยคือ พรีเมียร์ลีก
การเจอกันระหว่าง ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ในถ้วยเก่าแก่ที่สุดในโลกนั้น ครั้งล่าสุดต้องย้อนไปเกือบ 20 ปีก่อน ที่ดวลกันในรอบ 3 ตอนซีซั่น 2002/03 ซึ่งประตูตัดสินเกมเกิดจากจุดโทษของ แดนนี่ เมอร์ฟี่
ขณะที่ทาง "หงส์แดง" ลุ้น 4 แชมป์ ฝั่ง "ซิตี้" ก็ยังมีแชมป์ให้ลุ้น 3 รายการ(พรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนส์ ลีก และ เอฟเอ คัพ) โดยแชมป์ครั้งล่าสุด เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาลูกทีมขึ้นโพเดี้ยมชูโทรฟี่เมื่อปี 2019
พรีเมียร์ลีก
"สเปอร์ส-ไบรท์ตัน"
นับตั้งแต่ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก นัดแรกในสีเสื้อ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เมื่อเดือดกุมภาพันธ์นั้น ไม่มีผู้เล่นคนไหนที่ทำแอสซิสต์ไปมากกว่าเขาอีกแล้ว (6 ลูกเทียบเท่า แฮร์รี่ เคน) โดย คูลูเซฟสกี้ จะกลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่สามารถทำแอสซิสต์ได้ถึง 7 ครั้งในการลงเล่น 10 นัดแรก ซึ่งตอนนี้สถิติอยู่ที่ 6 ครั้ง
"ไก่เดือยทอง" เอาชนะ ไบรท์ตัน ได้ตลอด 4 เกมลีกที่เจอกัน โดยมีแค่ บอร์นมัธ เท่านั้น (5/5) ที่พวกเขาเก็บชัยได้แบบ 100% ด้วยจำนวนนัดที่มากกว่า
สัปดาห์ก่อน "เดอะ ซีกัลส์" บุกคว้าสามแต้มที่บ้าน อาร์เซน่อล และหากพวกเขาเอาชนะได้ในเกมนี้ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม จะทำให้เป็นทีมแรกที่สามารถบุกชนะ "เดอะ กันเนอร์ส" และ "คลับไก่" สองเกมติดต่อกัน นับตั้งแต่ที่ ฮัลล์ ซิตี้ เคยทำได้เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2008
3 เกมที่ ไบรท์ตัน เอาชนะได้ในเกมลีก เกิดขึ้นยามเล่นนัดเยือน ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่แพ้ที่กรุงลอนดอน มาแล้ว 5 นัดติดต่อกันในซีซั่นนี้ (ชนะ 2 เสมอ 3) ครั้งล่าสุดที่พวกเขาไม่แพ้ทีมในกรุงลอนดอนตลอดการเล่นในลีกทั้งฤดูกาลเกิดขึ้นเมื่อซีซั่น 2016-17 อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้เจอกับทีมจากกรุงลอนดอน 5 นัดแบบครั้งนี้ และหากนับเฉพาะฤดูกาลที่ต้องเจอกับทีมในกรุงลอนดอนอย่างน้อย 5 เกมนั้น พวกเขาก็ไม่เคยทำสถิติไร้พ่ายในการเจอกับทีมจากเมืองหลวงแบบตลอดทั้งฤดูกาลได้เลย
"แมนยู-นอริช"
ขออีกแค่ประตูเดียวก็จะทำให้ ตีมู ปุกกี้ กลายเป็นผู้เล่น นอริช รายแรกที่ทำประตูบนศึก พรีเมียร์ลีก แตะหลัก 10 ประตูต่อเนื่องสองครั้งติด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" 12 นัดจากการเจอกันในลีก 15 เกมหลังสุด (แพ้ 3) โดย 4 เกมหลังสุดพวกเขาเป็นฝ่ายเก็บชัยได้เรียบวุธ
5 จาก 8 เกมที่ "ปีศาจแดง" พ่ายแพ้ในลีกฤดูกาลนี้นั้น เกิดขึ้นยามที่ลงเตะในวันเสาร์ มีแค่ฤดูกาล 2018/19 เท่านั้นที่ แมนยู แพ้ในวันวันหนึ่งมากกว่า โดยตอนนั้นพวกเขาเกมวันอาทิตย์ไปถึง 6 นัด
ดีน สมิธ กุนซือ นอริช เคยบุกเก็บชัยที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตอนต้นซีซั่นครั้งที่ยังคุม แอสตัน วิลล่า ซึ่งเขาจะเป็นกุนซือคนที่ 8 ที่เยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด บนลีกสูงสุดกับทีมที่แตกต่างกัน 2 ทีม อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ 7 คนไม่มีใครที่สามารถเอาชนะได้ทั้งสองนัดเลย
"เซาธ์แฮมป์ตัน-อาร์เซน่อล"
อเล็กซองดร์ ลากาแซ็ตต์ กองหน้า อาร์เซน่อล มีส่วนร่วมกับประตูใส่ เซาธ์แฮมป์ตัน 7 จาก 6 เกมหลังสุด (5 ประตู 2 แอสซิสต์) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดาวยิงเลือดน้ำหอมทำได้มากสุดในการเจอกันทีมใน พรีเมียร์ลีก
ในการเจอกับ อาร์เซน่อล 11 เกมลีกหลังสุด "เดอะ เซนต์ส" เป็นฝ่ายออกนำก่อนถึง 7 นัด ทว่ามีแค่เกมเดียวเท่านั้นที่พวกเขาเอาชนะได้ (เสมอ 3 แพ้ 3)
"เดอะ กันเนอร์ส" แพ้แค่เกมเดียวจาก 12 เกมที่เจอ เซาธ์แฮมป์ตัน (ชนะ 7 เสมอ 4) ขณะที่พวกเขายังมองหาชัยชนะเหนือ "นักบุญ" แบบไป-กลับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2016/17
เซาธ์แฮมป์ตัน ทั้งยิงและเสียประตูในเกมเดียวมากถึง 19 นัดในฤดูกาลนี้ มีแค่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (20) ทีมเดียวที่ทำได้มากกว่า ในทางกลับกัน ฤดูกาลนี้มมีแค่ วูล์ฟส์แฮมป์ตัน (10) เท่านั้นที่มีผลการแข่งขันในลักษณะดังกล่าวมากกว่า อาร์เซน่อล (11)
"นิวคาสเซิ่ล-เลสเตอร์"
เลสเตอร์ ซิตี้ บุกเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้ตลอด 5 ครั้งหลังในการออกเยือนบนเวที พรีเมียร์ลีก โดยในประวัติศาสตร์ลีก มีแค่ เลย์ตัน โอเรียนท์ เท่านั้นที่พวกเขาบุกเอาชนะติดต่อกันได้นานกว่า (6 ครั้งช่วงระหว่างปี 1925-1980)
อย่างไรก็ดี "สาลิกาดง" คว้าชัยในบ้านตัวเองมาแล้ว 4 เกมติดต่อกัน เทียบเท่ากับก่อนหน้านี้ที่ต้องใช้จำนวนนัดมากถึง 24 เกม (เสมอ 11 แพ้ 9) ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ นิวคาสเซิ่ล ชนะในบ้านติดต่อกัน 5 นัดเกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2019
เจมส์ แมดดิสัน มีส่วนร่วมกับประตูที่ทำใส่ นิวคาสเซิ่ล 5 จาก 6 เกมที่เจอกัน (3 ประตู 2 แอสซิสต์) ซึ่งไม่มีทีมใดที่เขาทำได้มากกว่าอีกแล้ว
คริว วู้ด ที่ซัดประตูชัยพาทีมเอาชนะ วูล์ฟส์ เมื่อเกมก่อน กำลังมองหาการทำประตูใน พรีเมียร์ลีก 2 นัดติดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โยกมาเล่นกับ "เดอะ แม็กพายส์" โดยศูนย์หน้าทีมชาตินิวซีแลนด์ ทำสกอร์ใส่ เลสเตอร์ บนเวที พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 4 ลูก มีแค่ เวสต์แฮม (7) และ วูล์ฟส์ (6) เท่านั้นที่เขายิงได้มากกว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
บ๊วยจะติดคอมั้ย? แมนยูต้องชนะจัด "โด้-ซานโช่" ตะบันนอริชที่ลุ้นหนีตกชั้น
"ผีแดง" แมนฯยูไนเต็ด ไม่ชนะมา 3 นัดติดทุกถ้วยแล้ว งานนี้ต้องกู้ศรัทธาคว้าชัยให้ได้สถานเดียวรับมือบ๊วยของลีกอย่าง นอริช ซิตี้ ที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น โดยราล์ฟ รังนิก พร้อมส่งแนวรุกที่ดีที่สุดอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เจดอน ซานโช่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส และมาร์คัส แรชฟอร์ด ล่าชัยเพื่อลุ้นท็อป 4 ต่อไป ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์นี้แมนซิตี้ส่อไร้ เดอ บรอยน์, ลิเวอร์พูลเต็มสูบ ซาลาห์ นำล่าชัย ตัดเชือกเอฟเอ คัพ
"บิ๊กแมตช์" ดวลกันอีกแล้วเป็นยกที่ 3 ของฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่อไร้ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพคนเก่งที่มีอาการเจ็บ แต่แนวรุกยังจัดเต็ม สเตอร์ลิง และฟิล โฟเด้น นำทัพพบ ลิเวอร์พูล ที่พักตัวหลักมาเต็มๆในเกมยุโรปจัดหนักแนวรุกทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และซาดิโอ มาเน่ คัมแบ็กล่าตาข่าย ในศึกเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ ที่สนาม เวมบลีย์ วันเสาร์ที่ 16 เมษายนนี้เด็กมันมีของ!แมนยูพร้อมปาดหน้าอาร์เซน่อลแย่งแข้งชั้นดีนอริช
สื่อดังในเมืองผู้ดี รายงาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมปาดหน้า อาร์เซน่อล ในการคว้าตัว แม็กซ์ แอรอนส์ แบ็กขวาเนื้อหอม นอริช ซิตี้ โดยงานนี้ค่าตัวนักเตะไม่เท่าไหร่แต่ฝีเท้าจัดจ้านเหลือเกิน แต่มีสโมสรอย่าง บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์ มิวนิค สนใจแข้งรายนี้เช่นกันศึกครั้งนี้ต้องมีผู้ชนะ! 5 ประเด็นก่อนบิ๊กแมตช์ ลิเวอร์พูล พบ แมนซิตี้ เกมเอฟเอคัพ
ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีคิวจะได้วัดฝีเกือกกันอีกเกมในศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ วันเสาร์ที่ 16 เมษายนนี้ โดย 2 เกมลีกที่ผ่านมาพวกเขายังกินกันไม่ลง เสมอกันไปสุดมันทั้งสองแมตช์ อย่างไรก็ตามในเกมนี้จะต้องมีทีมใดทีมหนึ่งที่ต้องพบกับความพ่ายแพ้แน่นอน ส่วนจะเป็นทีมไหนเดี๋ยวก็ได้รู้กัน แต่ที่แน่ๆ ทั้ง "หงส์แดง" และ "เรือใบสีฟ้า" ถ้าทีมใดชนะ โครงการที่จะสร้างประวัติศาสตร์ในวงการลูกหนังจะสดใสมากยิ่งขึ้น
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
ห้ามทำตาม! อดีตแข้งอินเตอร์ เมาหยำเป,มีเซ็กซ์ไม่ป้องกัน
ทางการ! เอฟเอลงโทษแบนยาว เบนตานกูร์ เหยียด ซน ฮึง มิน
วิเคราะห์บอล บาเยิร์น พบ เอาก์สบวร์ก วันศุกร์ที่ 22 พ.ย. 67
ดีทั้งปัจจุบันและอนาคต!เด ลา ฟวนเต้ ลั่นวงการบอล สเปน กำลังอยู่ในช่วงรุ่ง
เพื่อนไม่ทิ้งกัน! เป๊ป เผยแพ้ 4 เกมติดเหตุผลต่อสัญญาใหม่ แมนซิตี้
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์