หากใครเป็นแฟนสนุกเกอร์พันธุ์แท้ ก็คงจะทราบเป็นอย่างดีว่า แชมป์รายการใหญ่ระดับทริปเปิลคราวน์แห่งวงการคิวโลกนั้นมี 3 รายการด้วยกัน ประกอบด้วย ชิงแชมป์โลก, ยูเคแชมเปี้ยนชิพ และมาสเตอร์ส
  
ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเพียง 11 นักสอยคิวมือพระกาฬเท่านั้น ที่สามารถคว้าแชมป์ 3 รายการใหญ่ระดับทริปเปิลคราวน์ไปครอง ประกอบด้วย รอนนี่ โอซัลลิแวน(20 แชมป์), สตีเฟ่น เฮนดรี้(18 แชมป์), สตีฟ เดวิส(15 แชมป์), จอห์น ฮิกกินส์(9 แชมป์), มาร์ค เซลบี้(9 แชมป์), มาร์ค เจ วิลเลียมส์(7 แชมป์), นีล โรเบิร์ตสัน(6 แชมป์), อเล็กซ์ ฮิกกินส์(5 แชมป์), เทอรรี่ กริฟฟิธส์(3 แชมป์), ฌอน เมอร์ฟี่(3 แชมป์) และ จัดด์ ทรัมป์(3 แชมป์)
 
โดย สตีฟ เดวิส, สตีเฟ่น เฮนดรี้ และ มาร์ค เจ วิลเลียมส์ คือนักสอยคิวเพียง 3 คนเท่านั้นที่สามารถผงาดคว้าแชมป์ 3 รายการใหญ่ระดับทริปเปิลคราวน์ไปครองภายในฤดูกาลเดียวกัน ซึ่ง เฮนดรี้ ยังสามารถทำได้ถึง 2 หนอีกด้วย ได้แก่ ซีซั่น 1989-1990 และ 1995-1996
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อพลิกแฟ้มดูประวัติการแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลกครั้งที่ผ่านๆมา ปรากฏว่า ยังไม่เคยมีครั้งใด ที่มือพระกาฬ ซึ่งผ่านการคว้าแชมป์ศึกใหญ่ทริปเปิลคราวน์ครบทั้ง 3 ถ้วย เข้าถึงรอบรองชนะเลิศครบทั้ง 4 คนเลย
 
จนกระทั่งศึกชิงแชมป์โลกในปีนี้ แฟนสนุกเกอร์จะได้เห็นโฟร์คิง ที่เคยผ่านการคว้าแชมป์ศึกใหญ่ระดับทริปเปิลคราวน์ครบทั้ง 3 รายการ(ชิงแชมป์โลก, ยูเคแชมเปี้ยนชิพ, มาสเตอร์ส) มาห้ำหั่นประชันเพลงคิวกันอย่างพร้อมหน้า ในรอบรองชนะเลิศ

ประกอบด้วย "เดอะร็อกเก็ต" รอนนี่ โอซัลลิแวน มือ 1 ของโลกจากอังกฤษ, "จรวดทางเรียบ" มาร์ค เจ วิลเลียมส์ มือ 8 ของโลกจากเวลส์, "เพชฌฆาตปืนกล" จัดด์ ทรัมป์ มือ 4 ของโลกจากอังกฤษ และ, "พ่อมดวิสกี้" จอห์น ฮิกกินส์ มือ 6 ของโลกจากสกอตแลนด์

เท่านั้นยังไม่พอ 3 ทหารเสือแห่งยุคคลาสออฟ 92 อย่าง รอนนี่, มาร์ค เจ และ ฮิกกินส์ ยังอยู่กันครบ พร้อมกับเป็นหนที่ 3 ที่ไตรเทพรุ่นลายคราม เข้ามาตัดเชือก ณ สังเวียนครูซิเบิลเธียร์เตอร์กันอย่างพร้อมหน้าต่อจากปี 1998 และ 1999

กล่าวได้ว่า นี่คือรอบตัดเชือกของศึกชิงแชมป์โลก ที่น่าดูน่าชมมากที่สุดครั้งหนึ่งเลยทีเดียว โดยสายบน มาร์ค เจ วิลเลียมส์ จะดวลกับ จัดด์ ทรัมป์ และสายล่าง รอนนี่ โอซัลลิแวน จะปะทะกับ จอห์น ฮิกกินส์

คู่แรก มาร์ค เจ วิลเลียมส์ อดีตแชมป์โลก 3 สมัย ที่เมื่อ 3-4 ปีก่อน กำลังจะแขวนคิวอยู่แล้ว แถมยังเคยลั่นวาจาอีกว่า เกลียดสนุกเกอร์เข้าไส้ ได้งัดฟอร์มเก่งเหมือนสมัยยังเรืองอำนาจกลับมาอีกครั้ง โคจรมาพบกับ จัดด์ ทรัมป์ อดีตแชมป์โลกปี 2019 ที่ฟอร์มเริ่มดีวันดีคืน ใกล้เคียงกับเมื่อ 1-2 ฤดูกาลก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ร้อนแรงสุดขีด เมื่อวัดกันแล้ว จัดด์ มีลูกแม่นที่เหนือกว่าแน่นอน ด้วยวัยที่กำลังสดและห้าวมากกว่า ทว่า มาร์ค เจ ได้เปรียบในเรื่องความเก๋า

แม้กูรูหลายสำนักจะยกให้ นักสอยคิววัย 32 ปีจากแดนผู้ดีเป็นต่อ แต่หากสะดุดหรือติดประมาทขึ้นมา มีสิทธิ์หงายท้องได้เช่นกัน ซึ่งในรอบก่อนหน้านี้ แหยน ปิ่ง เทา นักสอยคิวดาวรุ่งของจีน โดนอิทธิฤทธิ์ของน้า มาร์ค เจ มาแล้ว สถิติการพบกันตลอด 27 แมตช์ของคู่นี้ปรากฏว่า จัดด์ เป็นฝ่ายเอาชนะได้มากกว่า หลังคว้าชัยไปถึง 18 ครั้ง ส่วน มาร์ค เจ เอาชนะไป 9 หน

ด้านอีกคู่ นับว่าเป็นบิ๊กแมตช์ในรอบนี้เลยก็ว่าได้เมื่อ รอนนี่ โอซัลลิแวน เจ้าของแชมป์โลก 6 สมัย โคจรมาพบกับเพื่อนร่วมรุ่นคลาสออฟ 92 ที่ดวลคิวกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กอย่าง จอห์น ฮิกกินส์ อดีตแชมป์โลก 4 สมัย

นับตั้งแต่เทิร์นโปรเล่นอาชีพพร้อมกันตั้งแต่ปี 1992 คู่นี้ดวลกันมาโดยตลอดจนรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว จนทำให้รอบตัดเชือกศึกชิงแชมป์โลกหนนี้ กำลังจะเป็นแมตช์ที่ 77 ที่ทั้งคู่ต้องมาประชันเพลงคิวกัน

แม้สถิติการพบกัน รอนนี่ จะดีกว่าเล็กน้อย เมื่อเป็นฝ่ายชนะ 38 แมตช์ ฮิกกินส์ชนะ 35 แมตช์ และผลจบลงด้วยการเสมอกันอีก 3 หน ทว่าการดวลกัน 4 ครั้งหลังสุด ชัยชนะตกเป็นของ จอห์น ฮิกกินส์ หมดเลย เสมือนลุงจอห์นรู้วิธีว่า จะต้องแทงอย่างไร ถึงจะสยบมหาเทพแห่งวงการคิวโลกผู้นี้ได้

อย่างไรก็ตาม จากฟอร์มการแทงที่กำลังร้อนแรงจนฉุดไม่อยู่ ด้วยผลงานกะซวกคู่แข่งไส้ไหลมาทุกรอบ ไล่ตั้งแต่รอบ 32 คนที่เอาชนะ เดวิด กิลเบิร์ต ไปขาดลอย 10-5 เฟรม, ต่อด้วยรอบ 16 คนที่บดขยี้ มาร์ค อัลเลน ไปอย่างย่อยยับ 13-4 เฟรม จนมาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศที่ไล่ต้อน สตีเฟ่น แม็กไกวร์ ไปอย่างไม่ระคายผิว 13-5 เฟรม

จึงทำให้การพบกันในครั้งนี้ "เดอะร็อกเก็ต" ถูกมองว่าเป็นต่อ ฮิกกินส์ แถมยังถูกร้านรับพนันหลายสำนักในแดนผู้ดี ยกให้เป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์โลกหนนี้อีกด้วย ด้าน จัดด์ ทรัมป์ เป็นเต็ง 2 ส่วน จอห์น ฮิกกินส์ กับ มาร์ค เจ วิลเลียมส์ เป็นเต็ง 3 ร่วมกัน