ลูกเดียวก็หนาวได้! เปิด 5 ประเด็นน่าสนใจจากเกม ลิเวอร์พูล เฉือนหวิว นิวคาสเซิ่ล ส่งผลให้แซง แมนฯ ซิตี้ ขึ้นไปเป็นจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ชั่วคราว และยังมีลุ้น 4 แชมป์ต่อไป
    เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยังคงอยู่ในเส้นทางที่ดีกับการนำ "หงส์แดง" สร้างประวัติศาสตร์คว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว หลังจากบุกไปเฉือนเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-0 ถึงถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา

    จากชัยชนะนัดนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล แซง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปเป็นจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ชั่วคราวก่อนที่ทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอล่า จะออกไปเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด คืนวันนี้ โดย "หงส์แดง" มี 82 คะแนนจาก 34 นัด ส่วน "เรือใบสีฟ้า" มี 80 คะแนนจาก 33 นัด

    สำหรับเกมที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค มี 5 ประเด็นน่าสนใจดังนี้

1. พลิกโผดร็อป ซาลาห์ เป็นสำรอง

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกคนเก่งของ ลิเวอร์พูล มีชื่อเป็นแค่ตัวสำรองในเกมนี้ หลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพิ่งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งซีซั่นของสมาคมนักข่าวฟุตบอลอังกฤษ ก่อนจะถูกส่งลงสนามนาทีที่ 69

คล็อปป์ เลือกส่ง ดิโอโก้ โชต้า, ซาดิโอ มาเน่ และ หลุยส์ ดิอาซ เป็นสามประสานตัวจริงในแดนหน้า โดยที่เปลี่ยนตัวจริงไปถึง 5 ตำแหน่งจากนัดล่าสุดทั้ง ซาลาห์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ติอาโก้ อัลกันตาร่า, ฟาบินโญ่ และ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่หลุดไปเป็นสำรองทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนทีมเพราะมีโปรแกรมลงเล่นถี่ยิบ

กุนซือชาวเยอรมัน เผยถึงการจัดทีมว่า "เราต้องทำแบบนี้เพราะมีช่วงการแข่งขันที่หนักหน่วง อย่างไรก็ตามเมื่อคุณเปลี่ยนแปลงห้าตำแหน่ง และนั่นยังคงเป็นรายชื่อตัวจริง ชัดเจนว่าคุณมีทีมที่ดี เราอาจจะเปลี่ยนมากกว่านี้ก็ได้ แต่มันเกี่ยวกับจังหวะและเสถียรภาพเช่นกัน ทุกคนรู้ว่าคนอื่นกำลังทำอะไรอยู่"

2. โชต้า 50 นัด

ดิโอโก้ โชต้า ปีกทีมชาติโปรตุเกส ลงสนามใน พรีเมียร์ลีก เป็นนัดที่ 50 ให้ ลิเวอร์พูล หลังย้ายมาจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ เมื่อปี 2020 ด้วยค่าตัวราว 41 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,763 ล้านบาท)

ดาวเตะวัย 25 ปี ยิงใน พรีเมียร์ลีก ให้ "หงส์แดง" ไปแล้ว 24 ประตู และในเกมนี้ก็เป็นคนแอสซิสต์ให้ นาบี เกอิต้า ยิงให้ทีมออกนำ 1-0 นาทีที่ 19

ขณะเดียวกัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ก็ลงเล่นเป็นเกมที่ 50 ในทุกรายการของฤดูกาลนี้เข้าไปแล้วด้วย

3. มิลเนอร์ โชว์อายุเป็นเพียงตัวเลข

เจมส์ มิลเนอร์ กองกลางประสบการณ์สูงวัย 36 ปี ได้โอกาสลงมาเล่นเป็นตัวจริงให้ ลิเวอร์พูล เจอกับอดีตต้นสังกัดของตัวเอง และเขาก็ไม่ทำให้ คล็อปป์ ต้องผิดหวัง

มิลเนอร์ แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่ยอดเยี่ยม สามารถคุมเกมแดนกลางให้ ลิเวอร์พูล รวมทั้งเข้าสกัดบอลแม่นยำ จนมีส่วนนำไปสู่การได้ประตูออกนำของทีม

มิดฟิลด์ชาวเมืองผู้ดีอยู่ในสนาม 78 นาที ก่อนที่ คล็อปป์ จะส่ง ติอาโก้ อัลกันตาร่า ลงมาเล่นแทน และด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมทำให้เจ้านายปลื้มสุดๆ

4. สาลิกาโดนหยุดฟอร์มฮอต

ก่อนลงเล่นนัดนี้ นิวคาสเซิ่ล เป็นทีมที่ทำผลงานได้ร้อนแรงสุดๆ นับตั้งแต่เปิดฉากปี 2022 โดยมีค่าเฉลี่ยเก็บได้ถึง 2.13 คะแนนต่อเกมจากการลงเล่นในปีนี้

นอกจากนั้น "สาลิกาดง" ยังเก็บได้ถึง 25 คะแนนจาก 11 นัดที่เล่นใน เซนต์ เจมส์ พาร์ค ตั้งแต่ เอ็ดดี้ ฮาว เข้ามาคุมทีมช่วงปลายปีที่แล้ว โดยมีแค่ ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ ที่เก็บแต้มได้มากกว่า

จากความปราชัยในนัดนี้ ทำให้ นิวคาสเซิ่ล อดทำสถิติเก็บชัยชนะ 5 เกมติดต่อกันใน พรีเมียร์ลีก เท่ากับตอนที่ อลัน พาร์ดิวเคยทำไว้เมื่อเดือนพ.ย. ปี 2014

อย่างไรก็ตาม แม้จะแพ้เกมนี้ นิวคาสเซิ่ล คงไม่ตกชั้น หลังเล่นไป 35 นัดมีอยู่ 43 คะแนนอยู่ที่ 9 ของตาราง และจะสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นทีมแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่ไม่ชนะใน 14 นัดแรกของซีซั่นที่แล้วอยู่รอด

5. หงส์โอกาส 4 แชมป์ไม่ไกลเกินเอื้อม

ซีซั่นนี้ คล็อปป์ พา ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ คาราบาว คัพ ไปแล้วหนึ่งรายการ ขณะที่ในศึก พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ เอฟเอ คัพ ก็ยังอยู่ในเส้นทางที่จะไปถึงแชมป์ได้

ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก มีโอกาสสูงที่ "หงส์แดง" จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ หลังรอบรองชนะเลิศนัดแรกเปิดบ้านชนะ บียาร์เรอัล 2-0 ส่วน เอฟเอ คัพ ก็จะลงเล่นนัดชิงชนะเลิศกับ เชลซี ที่สนาม เวมบลีย์ ในวันเสาร์ที่ 14 พ.ค.นี้

ในเวลานี้ "หงส์แดง" มีอัตราต่อรองที่จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์อยู่ที่ 7/1 (แทง 1 จ่าย 7 ไม่รวมทุน) หลังจากที่ตอนก่อนเปิดฤดูกาลร้านรับพนันที่ถูกกฎหมายของอังกฤษ ออกราคาไว้สูงถึง 1,000/1 (แทง 1 จ่าย 1,000 ไม่รวมทุน) เลยทีเดียว