ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » หงส์ลุ้น4แชมป์,เรือดำน้ำล่มปากอ่าว! 5 ประเด็นลิเวอร์พูลพลิกอัดบียาร์เรอัลลิ่วชิงชปล.

หงส์ลุ้น4แชมป์,เรือดำน้ำล่มปากอ่าว! 5 ประเด็นลิเวอร์พูลพลิกอัดบียาร์เรอัลลิ่วชิงชปล.

Posted 04/05/2022 by siamsport

ใกล้เข้าไปทุกทีสำหรับการสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์สี่รายการในซีซั่นนี้ของ ลิเวอร์พูล เมื่อพวกเขาบุกไปคว่ำ บียาร์เรอัล ได้ 3-2 ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือกนัดสองเมื่อวันอังคารที่ 3 พ.ค.
   
รวมสกอร์สองนัด หงส์แดง จึงตีปีกเข้าชิงชนะเลิศถ้วยหูใหญ่สมัยที่สิบเป็นผลสำเร็จจากการพิชิต เรือดำน้ำสีเหลือง 5-2 ได้ลุ้นซิวแชมป์เป็นสมัยที่เจ็ดโดยเกมที่ สตาดิโอ เด ลา เซรามิก้า มี 5 ประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

1.การเสี่ยงที่(เกือบ)ได้ผลของ บียาร์เรอัล

หลังบุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล ในเกมแรก 2-0 ชนิดที่ครองบอลเป็นรอง 73-27% และได้ส่องยิงหนเดียวโดยไม่เข้ากรอบ อูไน เอเมรี่ กุนซือ เรือดำน้ำสีเหลือง ก็พาทีมกลับมาลงเล่นเกม ลา ลีกา ด้วยการบุกไปเยือน อลาเบส

เพื่อเป็นการเตรียมตัวต้อนรับ หงส์แดง เอเมรี่ จึงตัดสินใจเสี่ยงพักนักเตะตัวหลักเอาไว้หลายราย และพ่ายทีมรองบ๊วยของตาราง 2-1 ชนิดที่เสียประตูให้ทีมเจ้าบ้านไปก่อนถึงสองเม็ด

ต่อผลลัพธ์ดังกล่าว ส่งผลให้ บียาร์เรอัล แขวนตัวเองอยู่ในอันดับเจ็ดของตารางลีก และมีโอกาสเพียงแค่ลงเล่นถ้วย ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก รอบเพลย์ออฟ เท่านั้นหากไม่อาจขยับอันดับในช่วงท้ายซีซั่นได้

อย่างไรก็ดี แม้สุดท้ายแล้วการเสี่ยงของ เอเมรี่ เกือบได้ผล แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ทำให้แฟนบอลประทับใจจากฟอร์มในครึ่งแรกที่ทีมรักสามารถทะลวงประตูผู้มาเยือนได้อย่างน่าทึ่งถึงสองเม็ด

2.ประตูแรกสำคัญที่สุด

ก่อนเกมการฟาดแข้ง ผู้สันทัดกรณีพากันระบุถึงประตูแรกของเกมว่ามีความหมายอย่างยิ่งต่อการชี้ผลลัพธ์แม้ หงส์แดง จะมีสกอร์ตุนอย่างน่าอุ่นใจถึง 2-0 ก็ตาม

เหตุเพราะหากทีมจากเมืองผู้ดีเป็นฝ่ายชิงออกนำได้ก่อน พวกเขาก็จะได้เปรียบอย่างมหาศาลด้วยการนำห่าง 3-0

ต่อผลลัพธ์ดังกล่าว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะทำให้ขุนพล บียาร์เรอัล ท้อแท้อย่างยิ่งเนื่องจากพวกเขาจะต้องเจอกับงานที่ยากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว

ในทางกลับกัน ในเมื่อ เรือดำน้ำสีเหลือง พังประตูได้ก่อน แถมนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 2.51 ลิเวอร์พูล จึงเป็นฝ่ายกดดันแทนทันที

ดังจะเห็นว่าทีมจากเมืองผู้ดีเล่นกันสะเปะสะปะด้วยความเครียด และไม่อาจผ่านบอลได้อย่างไหลรื่นซึ่งถือว่าผิดฟอร์มอย่างแรง

หนำซ้ำเป็นทีมเจ้าบ้านที่เล่นกันได้อย่างน่าประทับใจต่างไปจากเกมแรกลิบลับ และผ่านบอลให้กันแต่ละครั้งด้วยความมั่นใจกระทั่งมาได้ประตูเพิ่มก่อนจบครึ่งแรกไม่นาน

รวมแล้วใน 45 นาทีแรก บียาร์เรอัล ได้ส่องยิงมากถึงห้าครั้ง และเป็นสองประตู ขณะที่ ลิเวอร์พูล ได้ยิงแค่สองครั้งเท่านั้น และไม่เข้ากรอบเลยจากอัตราการครองบอล 50-50% เท่ากัน

3.ลิเวอร์พูล พลิกสถานการณ์ได้อีกตามเคย

จากผลงานที่เลวร้ายในครึ่งแรก เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ เร้ด  แมชีน ตัดสินใจแก้เกมทันทีด้วยการส่ง หลุยส์ ดิอาซ ลงบู๊แทน ดีโอโก้ โชต้า ในครึ่งหลัง

และในทันทีทันใดที่ได้ลงสนาม ปีกซ้ายโคลอมเบียก็สร้างความปั่นป่วนให้กับแผงหลังของทีมเจ้าบ้านได้อย่างมหาศาล พลิกเกมให้ทีมเยือนกลับมาเล่นได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน

จนในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็มาได้สามประตูรวดจากความผิดพลาดของนายทวาร บียาร์เรอัล ในหลายๆหนเช่นกัน แต่แน่นอนว่าหากไม่มี ดิอาซ ลงมากระชากลากเลื้อย ทีมเจ้าบ้านซึ่งกำลังมั่นใจจากสกอร์นำ 2-0 ในครึ่งแรกคงไม่ลำบากอย่างที่เห็น

ขณะเดียวกัน เป็นอีกเกมที่ หงส์แดง แก้ลำคู่แข่งได้อีกตามเคยซึ่งเป็นเพราะว่า คล็อปป์ มีตัวเลือกในแผงหน้ามากมาย และไม่ว่าจะเปลี่ยนใครลงเล่น ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ก็มักไม่ทำให้สาวกผิดหวังจากข้อได้เปรียบในจุดนี้ที่พวกเขาเหนือกว่าทีมอื่นๆ

พร้อมกันนี้ ก็แน่นอนว่าผลกระทบที่มีต่อเกมจากการลงเล่นแค่ครึ่งหลังเพียงครึ่งเดียวก็ทำให้ ดิอาซ ได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ไปโดยปริยาย

4.มาเน่ กับ บัลลงดอร์

ในขณะที่ โม ซาลาห์ อยู่ในช่วงปืนฝืดแม้จะพยายามแล้วพยายามเล่า ซาดิโอ มาเน่ กลับสอยตาข่ายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำมากขึ้นเรื่อยๆ

ต่อผลงานของดาวยิงทีมชาติเซเนกัล คล็อปป์ เอ่ยออกมาเมื่อไม่นานว่าสตาร์แอฟริกันอาจได้ลุ้นคว้ารางวัล บัลลงดอร์ ก็เป็นได้หากเขาจะมีแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นนี้อยู่ในความครอบครองแม้อาจยากที่จะพรากตำแหน่งดังกล่าวไปจาก คาริม เบนเซม่า เต็งหนึ่งในสายตาของมหาชน

อย่างไรก็ดี จากประตู 3-2 ที่ มาเน่ ซัดให้ ลิเวอร์พูล บุกย้ำแค้น บียาร์เรอัล ในเกมที่สองทำให้เขาเช็คบิลในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อคเอาท์ ได้เป็นประตูที่ 15 แล้ว

และจากตัวเลขดังกล่าว มาเน่ จึงทำลายสถิตินักเตะแอฟริกันของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ที่ยิงได้ 14 ประตู

ขณะเดียวกัน ขุนพลทีม หงส์แดง ยังสอยตาข่ายในรอบน็อคเอาท์ถ้วยใบนี้มากที่สุดในบรรดาพ่อค้าแข้งของสโมสรจาก พรีเมียร์ลีก ด้วยกันได้ด้วย

15 - ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล ทุกประตู), แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เชลซี ทุกประตู)

14 - เวย์น รูนีย์ (แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกประตู)

นอกจากนี้ สามประตูที่เกิดขึ้นในเกมชนะ บียาร์เรอัล ยังเป็นประตูที่ 139 จากการลงเล่น 57 นัดในซีซั่นนี้ของ หงส์แดง ด้วยซึ่งเป็นสถิติใหม่ของสโมสรในซีซั่นเดียวกันจากที่พวกเขาเคยยิงได้รวมทั้งหมดในทุกรายการ 138 ประตูในซีซั่น 1985/86

เท่านั้นไม่พอ แน่นอนว่า เร้ด แมชีน กลายเป็นทีมแรกของอังกฤษที่ผงาดเข้าชิงชนะเลิศถ้วย ลีกคัพ , เอฟเอคัพ และ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เรียบวุธในซีซั่นเดียวกัน

5.กลับไปเน้น พรีเมียร์ลีก ต่อ

หลังประสบความสำเร็จได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยเป็นใบที่สามในซีซั่นนี้ แชมป์ คาราบาวคัพ ก็จะกลับไปทุ่มสมาธิให้กับเกมใน พรีเมียร์ลีก กันต่อโดยพวกเขามีโปรแกรมเปิด แอนฟิลด์ ต้อนรับ สเปอร์ส ที่ยังหวังลุ้นคว้าอันดับท็อปโฟร์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้ อันโตนิโอ คอนเต้ จะสร้างผลงานได้ดีในการกุมบังเหียน ไก่เดือยทอง แต่เมื่อพิจารณาถึงปูมหลังจากสถิติที่ทั้งสองทีมเผชิญหน้ากัน บอกได้เลยว่า หงส์แดง เหนือกว่าทีมดังแห่งกรุงลอนดอนแบบขาดลอย

หากนับรวมการต่อกรกันในทุกรายการของสองทีมนี้ ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ สเปอร์ส มานานถึงเก้านัดแล้วไม่ว่าจะเล่นกันในถิ่นของใคร

ครั้งสุดท้ายที่ สเปอร์ส ได้เฮเป็นเกม พรีเมียร์ลีก ในลอนดอนซึ่งพวกเขายำใหญ่ ลิเวอร์พูล ได้ 4-1 เมื่อเดือนต.ค.2017

แต่ทว่านับจากนั้นมาอีกเก้านัด หงส์แดง มีผลงานยอดเยี่ยมด้วยการกำชัยมากถึงเจ็ดนัด และเสมอสองนัดโดยนัดแรกของซีซั่นนี้ ทั้งสองทีมเสมอกัน 2-2 ที่ ท๊อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม เมื่อเดือนธ.ค.2021

อย่างไรก็ดี ลิเวอร์พูล จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่า แมนฯ ซิตี้ จะพลาดท่าแผ่วหรือเปล่าด้วยเช่นกันโดยหลังจากบุกไปฟัดกับ เรอัล มาดริด ในวันพุธ ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะสะบักสะบอมกลับมามากแค่ไหนจะได้เล่นที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับ นิวคาสเซิ่ล ที่แพ้ เร้ด แมชีน มาหมาดๆ 1-0 ในรังตัวเองเมื่อช่วงสุดสัปดาห์

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »