"ราชันชุดขาว" ทีมแชมป์ ลา ลีกา ยกแรกพลาดท่าเสียเปรียบอยู่ 1 สกอร์การจัดทัพไร้ปัญหาขนทัพใหญ่ลงสนามนำโดย คาริม เบนเซม่า ส่วนทาง "เรือใบสีฟ้า" ที่แม้มีประตูตุนไว้แต่ยังประมาทไม่ได้วาง เควิน เดอ บรอยน์ บัญชาทัพสู้ ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัด 2 คืนวันพุธที่ 4 พฤษภาคมนี้

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัด 2 
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565
เรอัล มาดริด (สเปน) - แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ)    
(ผลนัดแรก แมนฯ ซิตี้ 4-3 เรอัล มาดริด)
เวลา : 02.00 น. ถ่ายทอดสด : บีอินส์ สปอร์ต 1

สนาม : เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด

    เรอัล มาดริด ชนะได้ถึง 3 จาก 4 เกมหลังสุดรวมทุกรายการหลังเปิดบ้านถล่มเอาชนะ เอสปันญ่อล 4-0 ในเกมลีกนัดล่าสุดและผงาดคว้าแชมป์ลา ลีกา สเปน สมัยที่ 35 มาครองได้สำเร็จ ส่วนผลงานนัดแรกในรอบรองชนะเลิศของรายการนี้ออกไปปราชัยต่อ แมนฯ ซิตี้ 3-4 

    ความพร้อมในเกมนี้ คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์ชาวอิตาลี ยังคงไม่สามารถใช้งาน เอแด็น อาซาร์ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน รวมทั้งยังต้องเช็กความฟิตของ แกเร็ธ เบล และ ลูก้า โยวิช ที่สภาพร่างก่ายไม่สมบูรณ์อีกด้วย แต่มีข่าวดีคือ อันเช่ เปิดเผยว่า ในรายของ ดาวิด อลาบา ที่โดนโรคเดี้ยงเล่นงานจนถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมนัดแรกและพลาดการลงสนามในเกมกับ ไอ้นกแก้ว น่าจะพร้อมช่วยทีมสำหรับเกมนัดสอง นอกจากนี้จะได้ตัว เอแดร์ มิลิเตา และ นาโช่ เฟร์นานเดซ พ้นโทษแบนในลีกกลับมาเป็นตัวเลือกในการจัดทัพอีกครั้ง 

    ส่วนการจัดทัพคาดว่า อดีตกุนซือ เอซี มิลาน จะมาในระบบ 4-3-3 โดยที่ คาริม เบนเซม่า ที่รั้งตำแหน่งดาวซัลโวของศึก ยูซีแอล ในฤดูกาลนี้หลังซัดไปแล้ว 14 ประตูจากการลงสนาม 10 เกมจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า พร้อมกับมี โรดรีโก้ โกเอส และ วินิซิอุส จูเนียร์ ขนาบข้างในพื้นที่ริมเส้นขวา-ซ้ายตามลำดับ 

    ขณะที่ในแดนกลางเป็นหน้าที่ของ โทนี่ โครส, คาเซมิโร่ และ ลูก้า โมดริช คอยเดินเกม ทางด้านตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กใช้งาน เอแดร์ มิลิเตา และ ดาวิด อลาบา คุมหลังบ้านอยู่ด้านหน้าผู้รักษาประตูอย่าง ติโบต์ กูร์กตัวส์ ที่ทำหน้าที่เฝ้าเสา

แมนฯ ซิตี้ คว้าชัยมา 4 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการหลังบุกไปถล่มเอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-0 ในเกมลีกนัดล่าสุด ส่วนผลงานนัดแรกในรอบรองชนะเลิศของรายการนี้เปิดบ้านเฉือนชนะ เรอัล มาดริด 4-3 

    สภาพทีมในเกมนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ชาวสเปน ยังคงไม่มี ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่โดนโรคเดี้ยงเล่นงานจนอาจต้องปิดฉากฤดูกาลนี้ รวมทั้งยังต้องเช็กความฟิตของ เนธาน อาเก้ และ จอห์น สโตนส์ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอีกด้วย ทางด้าน เบนฌาแม็ง เมนดี้ ถูกพักงานแบบไม่มีกำหนดจนกว่าคดีความในข้อหาข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศจะสิ้นสุดลง แต่มีข่าวดีคือจะได้ตัว ชูเอา คานเซโล่ พ้นโทษแบนในถ้วยบิ๊กเอียร์กลับมาช่วยทีมอีกครั้ง

    ส่วนการจัดทัพคาดว่า อดีตกุนซือ บาร์เซโลน่า จะมาในระบบ 4-3-3 โดยที่ กาเบรียล เชซุส จะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า พร้อมกับมี ริยาด มาห์เรซ และ ฟิล โฟเด้น ขนาบข้างในพื้นที่ริมเส้นขวา-ซ้ายตามลำดับ 

    ขณะที่ในแดนกลางเป็นหน้าที่ของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา, โรดรี้ และ เควิน เดอ บรอยน์ คอยเดินเกม ทางด้านตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กใช้งาน รูเบน ดิอาส และ อายเมริค ลาปอร์กต์ คุมหลังบ้านอยู่ด้านหน้าผู้รักษาประตูอย่าง เอแดร์ซอน โมราเอส ที่ทำหน้าที่เฝ้าเสา  

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม 

    เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - ดานี่ คาร์บาฆาล, เอแดร์ มิลิเตา, ดาวิด อลาบา, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ - โทนี่ โครส, คาเซมิโร่, ลูก้า โมดริช - โรดรีโก้ โกเอส, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์

เทรนเนอร์ : คาร์โล อันเชล็อตติ

    แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ชูเอา คานเซโล่, รูเบน ดิอาส, อายเมริค ลาปอร์กต์, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์ - ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส, ฟิล โฟเด้น

เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ผู้ตัดสิน : ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ (อิตาลี)

ผลการพบกัน 5 นัดหลังสุด 

วัน/เดือน/ ปีรายการ    ผลการแข่งขัน
26/04/22  ชปล.แมนฯ ซิตี้4 - 3 เรอัล มาดริด
08/08/20 ชปล.แมนฯ ซิตี้2 - 1เรอัล มาดริด
27/02/20     ชปล.เรอัล มาดริด1 - 2แมนฯ ซิตี้
27/07/17    ไอซีซีแมนฯ ซิตี้4 - 1เรอัล มาดริด
05/05/16     ชปล.เรอัล มาดริด1 - 0แมนฯ ซิตี้

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

เรอัล มาดริด 

30/04/22 ชนะ เอสปันญ่อล 4-0 (เหย้า) ลา ลีกา
26/04/22 แพ้ แมนฯ ซิตี้ 3-4 (เยือน) ชปล.
21/04/22 ชนะ โอซาซูน่า 3-1 (เยือน) ลา ลีกา
18/04/22 ชนะ เซบีย่า 3-2 (เยือน) ลา ลีกา
13/04/22 แพ้ เชลซี 1-3 (ต่อเวลาแพ้ 2-3, เหย้า) ชปล.

แมนฯ ซิตี้ 

30/04/22 ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
26/04/22 ชนะ เรอัล มาดริด 4-3 (เหย้า) ชปล.
23/04/22 ชนะ วัตฟอร์ด 5-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
20/04/22 ชนะ ไบรท์ตัน 3-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
16/04/22 แพ้ ลิเวอร์พูล 2-3 (สนามกลาง) เอฟเอ คัพ