ราล์ฟ รังนิก กุนซือชาวเยอรมัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดใจเรื่องที่สุดผิดหวังที่สุดก็คือไม่สามารถสร้างทีมสปิริตให้ดีขึ้นภายในทัพ "ผีแดง" โดยชี้ทุกอย่างย่ำแย่ลงทันทีนับตั้งแต่ที่โดน แอต.มาดริด เขี่ยตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก พร้อมเชื่อแข้งแกนหลักของทีมยังมีคุณค่าคู่ควรเล่นให้สโมสรแห่งนี้
     ราล์ฟ รังนิก ผู้จัดการทีมชั่วคราวแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับเสียใจอย่างมากที่ล้มเหลวในการพัฒนาทีมสปิริตทัพ "ปีศาจแดง" ให้ดีกว่านี้ หลังเจ้าตัวเตรียมคุมทีมเกมสุดท้ายแมตช์เยือน คริสตัล พาเลซ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคมนี้

     "เดอะ โปรเฟสเซอร์" ได้รับการแต่งตั้้งให้เข้ามาทำงานแทน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่โดนปลดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายพยายามนำกอบกู้สถานการณ์แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ดีขึ้น แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าเขาสร้างสถิติสุดย่ำแย่เอาไว้กับต้นสังกัดมากมายในซีซั่นนี้ อาทิเช่นพาทีมคว้าชัยชนะได้น้อยสุด และเก็บคะแนนเฉลี่ยต่อนัดน้อยสุด เป็นต้น

     รังนิก ซึ่งเตรียมคุม "เร้ด เดวิลส์" เกมสุดท้าย ในวันอาทิตย์นี้ ก่อนที่ เอริก เทน ฮาก จะเข้ามารับงานต่อ เชื่อว่า แมนฯ ยูฯ ย่ำแย่หนักยิ่งขึ้นหลังจากที่โดน แอตเลติโก มาดริด เขี่ยตกรอบศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พร้อมตำหนิทีมขาดสปิริตนักสู้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

     "นับตั้งแต่เกมกับ แอตเลติโก เราก็ไม่พบฟอร์มหรือรูปแบบการเล่นของเราอีกเลย เราต้องสร้างความมั่นใจ, ทีมสปิริต และสภาพจิตใจที่เข้มเข้ม สำหรับผมเรื่องน่าผิดหวังที่สุดก็คือเราไม่สามารถพัฒนาทีมสปิริตได้เลย นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด"

     "หลังจากที่เราตกรอบในเกมกับ แอตเลติโก เราก็เสียความมั่นใจและความกระฉับกระเฉงภายในทีมไปเลย ผมคิดว่าเราเป็นทีมที่มีเสถียรภาพในเกมรับหากเปรียบเทียบกับทีมที่โดนยิง 4 ประตูในเกมเยือน วัตฟอร์ด (โซลชา คุมนัดสุดท้าย)"

     "จนกระทั่งตอนนี้เราก็ยังมีเกมรับที่มั่นคง สิ่งที่ไม่เกิดขึ้นก็คือการพัฒนาแนวทางการเล่นที่มีเสถียรภาพ ไม่ว่าเราจะมีปัญหาในเรื่องการยิงประตู หรือการป้องกันประตู แต่ผมยังคงเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่านักเตะแกนหลักของเรายังเป็นผู้เล่นชั้นยอด และมีคุณค่ารวมทั้งดีพอที่จะเล่นให้กับสโมสรนี้ หวังว่านักเตะเหล่านั้นจะยังคงอยู่ที่นี่ในฤดูกาลหน้า"

     "ถ้าเราดึงนักเตะที่มีสภาพจิตใจที่เหมาะสม เป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพมาร่วมทีม ผมคิดในแง่บวกว่าเราจะสามารถนำสโมสรแห่งนี้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับสูงได้อีกครั้ง บางทีมันอาจยังไม่เกิดขึ้นในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะครั้งแรก แต่ผมมองในด้านบวกว่ามันจะเกิดขึ้นในช่วงตลาดนักเตะครั้งที่สอง หรือสาม" รังนิก ร่ายยาว