เป็นแชมป์นั้นยาก แต่ป้องกันแชมป์ยากกว่า
   
ประโยคคลาสสิคนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนฯ ซิตี้ คงต้องจำไปจนวันตายเนื่องจากเขาเกือบพลาดท่าเสียทีวืดการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก โทรฟี่หนึ่งเดียวที่เหลือในนัดสุดท้ายชนิดที่หวิดโดน ลิเวอร์พูล หยิบชิ้นปลามันไปครองแทนด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ดี หลังเร่งเครื่องยิงสามเม็ดรวดใน เอติฮัด สเตเดี้ยม แซงหน้าเอาชนะ แอสตัน วิลล่า ได้อย่างไม่น่าเชื่อด้วยสกอร์ 3-2 เรือใบสีฟ้า ก็ประกาศคิวฉลองแชมป์กันแล้วด้วยการแห่โทรฟี่ขึ้นรถบัสตระเวนไปรอบเมืองในวันจันทร์ที่ 23 พ.ค.นี้เลย

และนี่คือบทสรุป 5 ประเด็นซึ่ง แมนฯ ซิตี้ ป้องกันแชมป์ลีกเมืองผู้ดีเอาไว้ได้ชนิดที่ชวนให้ใจหายใจคว่ำตลอด 90 นาที

1.วิลล่า บุกมาให้ แมนฯ ซิตี้ เชือดถึงบ้าน

ไม่ใช่ว่า วิลล่า จะคิดอ่อนข้อให้ แมนฯ ซิตี้ อะไรหรอก หากแต่สถิติมันฟ้องแบบนั้นจริงๆ

เป็นเพราะว่าหนสุดท้ายที่ สิงห์ผงาด บุกมาเฮฮาที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ได้ต้องย้อนกลับไปในปี 2007 โน่นเลย และรวมทั้งสิ้นมันกินเวลานานถึง 11 นัดแล้วที่ทีมจากมิดแลนด์บุกมาจม เรือใบสีฟ้า ไม่สำเร็จ แถมยังแพ้รวดอีกต่างหาก

ยิ่งไปกว่านั้น หากนับรวมในทุกรายการ แมนฯ ซิตี้ กำชัยเหนือ วิลล่า ได้มากถึง 78 นัดซึ่งไม่มีทีมไหนอีกแล้วที่แพ้ เรือใบสีฟ้า มากเท่านี้ (เอฟเวอร์ตัน 78 นัดเท่ากัน)

พร้อมกันนี้ วิลล่า ยังเสียประตูให้ แมนฯ ซิตี้ มากที่สุดด้วยจากจำนวน 291 ประตูในทุกรายการโดย กวาร์ดิโอล่า ล้มทีมจากมิดแลนด์ได้ตลอดทั้งหกเกมที่ดวลกัน และมีผลงานยิงได้ 17 ประตู เสียไป 4 ประตู แถมไม่เคยเสียประตูให้ทีมนี้ในรังตัวเองมาก่อนแม้แต่ลูกเดียวอีกต่างหาก

รวมแล้ว กวาร์ดิโอล่า เอาชนะ วิลล่า ในเกม พรีเมียร์ลีก ได้ตลอดห้านัดที่เจอกันคิดเป็นสถิติ 100%

จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้ วิลล่า เป็นทีมจอมแจกแต้มเบอร์หนึ่งของ แมนฯ ซิตี้ และในที่สุดเกมปิดซีซั่นก็เป็นไปแบบนั้นอีกจนได้ แม้อันที่จริงแชมป์ พรีเมียร์ลีก เกือบเสียสถิติจบเห่ในรังตัวเองซะแล้ว

2.อีโก้เกือบทำยอดกุนซือขายหน้าคารัง

ลองคิดดูว่าหาก แมนฯ ซิตี้ พลาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในวันสุดท้าย กวาร์ดิโอล่า จะอับอายแค่ไหนในเมื่อมีอยู่ช่วงหนึ่งทีมของเขาเคยนำห่าง ลิเวอร์พูล ไกลลิบถึง 14 แต้ม

อย่างไรก็ดี จากการจัดทัพลงสนามของผู้จัดการทีมสกินเฮดบอกได้เลยว่าเขาน่าจะเย่อหยิ่ง และเชื่อมั่นในตัวเองอย่างที่สุดซึ่งเป็นอุปนิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงนั่นเอง

ทั้งๆที่ชาวโลกมองตรงกันว่า แมนฯ ซิตี้ ไม่ควรส่ง แฟร์นานดินโญ่ ลงไปคุมเกมรับเนื่องจากทำให้ทีมเสียหายมาสองเกมแล้ว แต่นายใหญ่สแปนิชไม่ใส่ใจ ยังใช้งานกองกลางวัย 37 ปีลงบู๊เป็นตัวจริงในแผงหลังต่อไปทั้งๆที่ จอห์น สโตนส์ ฟิตกลับมาพร้อมเป็นคู่ขาของ เอมเมอริค ลาปอร์กต์ แล้ว

เท่านั้นไม่พอ ดูการวางเกมของ กวาร์ดิโอล่า ซิ แทนที่จะทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เขากลับดื้อแพ่งทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากด้วยการส่ง แฟร์นานดินโญ่ รับบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็นต่อไป และใช้งาน สโตนส์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอังกฤษในตำแหน่งแบ็คขวาแทน ชูเอา กานเซโล่ ที่โดนโยกไปเล่นเป็นแบ็คซ้ายแทน โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ที่หล่นไปนั่งสำรอง

เท่านั้นแหละ แม้จะครองบอลได้มากกว่า วิลล่า แต่เกมของ แมนฯ ซิตี้ ไม่เป็นธรรมชาติ แล้วไหนนักเตะต้องเครียดกับการโดน ลิเวอร์พูล ไล่ล่าอีก สุดท้ายเลยเสียประตูให้ฝ่ายตรงข้ามก่อนอีกเกมจนได้ แถม แฟร์นานดินโญ่ เกือบพลาดท่าทำให้ทีมเสียเม็ดสองด้วย

อย่างไรก็ดี ในที่สุด แชมป์เก่าก็หนีไม่พ้นโดนยิงเพิ่มเม็ดสองในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ซ้ำรอยนัดก่อนที่ต้องไล่ตีเสมอ เวสต์แฮม แบบตาลีตาเหลือก 2-2

แต่เดชะบุญที่ กวาร์ดิโอล่า ยังดวงแข็ง และมาได้ อิลคาย กุนโดกัน สวมบทซูเปอร์ซับกดคนเดียวสองเม็ดพาทีมป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ

3.เจอร์ราร์ด-คูตินโญ่ จัดให้ ลิเวอร์พูล แล้ว

อย่างที่เก็งกันไว้ไม่มีผิดว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีม ลิเวอร์พูล พร้อมจัดให้ทีมเก่าแน่ทั้งๆที่ สิงห์ผงาด เพิ่งเหนื่อยกันมาหมาดๆเมื่อกลางสัปดาห์ในเกมไล่ตีเสมอ เบิร์นลีย์ 1-1 ในบ้าน

รวมแล้วสามนัดหลังในลีกก่อนบุกมาเยือน แมนฯ ซิตี้ ทีมของ สตีวี่ จี สะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลย

อย่างไรก็ดี จากที่เห็นในเกมปิดซีซั่น วิลล่า เล่นกับ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างแข็งแกร่งประหนึ่งว่าหากพวกเขาได้แต้มจะเป็นแชมป์ลีกยังไงยังงั้น

ไม่เพียงแต่จะโต้กลับได้คมกริบ และได้ประตูนำก่อน หากแต่เกมรับของทีมเยือนก็ช่วยกันด้วยความทุ่มเททั้งทีม สกัดกั้นการส่องยิงของเจ้าถิ่นอย่างมุ่งมั่น ยังความอุ่นใจให้กับสาวก หงส์แดง เป็นอันมาก

เท่านั้นไม่พอ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ อดีตกองกลาง เร้ด แมชีน มาเพิ่มความดีความชอบให้กับต้นสังกัดอีกจากประตูที่สองของ สิงห์ผงาด ซึ่งสตาร์แซมบ้าเผด็จศึกได้อย่างเหนือชั้นเป็นที่สุดจนดูแววแล้วน่าจะทำให้ เร้ด แมชีน ได้เฮดังๆหลังจบเกมแน่นอน

แต่ก็นั่นแหละ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ และในที่สุด กุนโดกัน ก็ลุกจากม้านั่งข้างสนามลงไปขโมยซีนทุกคน พร้อมแสดงให้เห็นว่าสี่แชมป์เป็นเพียงเรื่องราวในความฝันเท่านั้น

4.สถิติของ แฟร์นานดินโญ่

ลงเอยแล้ว แฟร์นานดินโญ่ เหยียบสังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม ในเกมอำลาสโมสรโดยมีผลงานพาทีมสยบ วิลล่า ได้สำเร็จ แต่ถึงกระนั้นก่อนที่ เรือใบสีฟ้า จะได้รับชัยชนะ เขายังหนีไม่พ้นเล่นได้อย่างเลวร้ายต่อไปสำหรับบทบาทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตามที่เจ้านายมอบหมายให้

ยังดีที่ กวาร์ดิโอล่า ตัดสินใจเปลี่ยนพ่อค้าแข้งชาวเมืองกาแฟออกในครึ่งหลังโดยส่ง ซินเชนโก้ ลงสนามแทน และปรับแทคติกพิสดารสู่ความธรรมดาสามัญให้ดาวเตะทีมชาติยูเครนสวมบทแบ็คซ้ายโดยที่ กานเซโล่ ย้ายกลับไปเล่นแบ็คขวา ขณะที่ สโตนส์ ก็สลับจากแบ็คขวามาเป็นคู่ขาของ ลาปอร์กต์ แทน

จะอย่างไรก็ช่าง ที่สุดแล้ว แฟร์นานดินโญ่ มาได้โทรฟี่เพิ่มกับ แมนฯ ซิตี้ เป็นการจากลาอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทำสถิติเป็นขุนพล เรือใบสีฟ้า ที่ได้แชมป์กับสโมสรมากที่สุด 12 รายการ แซงหน้า  ดาบิด ซิลบา อดีตเพลย์เมคเกอร์ได้หนึ่งรายการ

5.ฮาแลนด์ ย้ายมาเพิ่มพิษสงให้ เรือใบ

ไม่ต้องโต้แย้งใดๆทั้งสิ้นว่า แมนฯ ซิตี้ จ่ายตลาดได้อย่างยอดเยี่ยมกับการคว้า เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ยอดดาวยิงทีม ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทัพได้ในราคาแค่ 50 ล้านปอนด์เท่านั้น

เจตนาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือการเซ็นสัญญากับหน้าเป้าหลังจากพวกเขาปราศจาก เซร์คิโอ อเกวโร่ และต้องออกศึกในสไตล์กองหน้าตัวหลอกเรื่อยมา

แน่นอนว่า แมนฯ ซิตี้ ทำได้ดีเหลือเชื่อจากระบบการเล่นที่ว่านี้ แต่พอเข้าสู่โค้งสุดท้ายที่ต้องลุ้นหยิบแชมป์ ทีมมหาเศรษฐี ตกม้าตายในถ้วยหูใหญ่ แถมหวิดเสียแชมป์ พรีเมียร์ลีก ให้ ลิเวอร์พูล อีกด้วยเนื่องจากการขาดกองหน้าตัวเป้าที่แท้จริงนั่นเอง

ต่อให้ เรือใบสีฟ้า จะครองบอลได้ดี แต่หากพวกเขาไม่มีความเด็ดขาดในจังหวะจบสกอร์ มันก็เปล่าประโยชน์

ตรงนี้เองที่ทำให้ กวาร์ดิโอล่า ติดต่อขอซื้อ แฮร์รี่ เคน และเกือบประสบความสำเร็จด้วยเนื่องจากดาวยิงทีม สเปอร์ส ร้องขอย้ายทีมแล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องคอตกเนื่องจาก แดเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรไม่ต้องการขายเขาด้วยราคาไหนทั้งนั้น

จนในที่สุด แมนฯ ซิตี้ ก็ได้ ฮาแลนด์ มาครอบครองในซีซั่นหน้า และจะทำให้ทีมคู่แข่งของพวกเขาลำบากหนักขึ้นไปอีก

เทียบจากสถิติสองเกมหลังใน พรีเมียร์ลีก ที่ เรือใบสีฟ้า หวิดอวสาน  พวกเขามีโอกาสยิงประตู เวสต์แฮม มากถึง 31 ครั้ง แต่ได้มาแค่สองประตูที่เป็นหนึ่งแต้มอันล้ำค่าทำให้ทีมต้องมาวัดกับ หงส์แดง ในเกมสุดท้าย

และจากนัดชนะ วิลล่า แบบหืดขึ้น 3-2 ทีมเจ้าบ้านได้ส่องยิงมากถึง 24 ครั้ง และได้มาสามประตูพลิกสถานการณ์เข้าเส้นชัยได้แบบเฉียดฉิวเป็นที่สุด

ฉะนั้นแล้ว หาก ฮาแลนด์ ตอบโจทย์ช่วยเพิ่มศักยภาพในจุดที่ กวาร์ดิโอล่า ต้องการได้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เรือใบสีฟ้า จะยังเป็นเต็งจ๋าที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้าโดยไม่จำเป็นต้องรอให้เกมแรกออกสตาร์ตแต่อย่างใด